“ฝรั่งเศสมีความพยายามอย่างหนักในการที่จะทำให้โอลิมปิกที่เราเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้เป็นเวทีแห่งการปฏิวัติอย่างแท้จริง”
นี่คำคุยโวของ ฟิลิป แบร์ตู เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศเกาหลีใต้ ไว้ในบทสัมภาษณ์กับ The Korea Times ที่เน้นย้ำความสำคัญในการเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาโอลิมปิกในปี 2024 นี้ว่าไม่เหมือนทั่วไป ที่เน้นที่การแข่งขันล้วนๆ หากแต่ดินแดนน้ำหอมยังต้องการที่จะกระทำการ “บางอย่าง”เพื่อให้โอลิมปิกหนนี้ “ฉีก” ออกไปจากโอลิมปิกเดิมๆ ที่เคยจัดมา
ในบทสัมภาษณ์ดังกล่าว เป็นเรื่องที่พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ฝรั่งเศส-เกาหลีใต้ เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่คำถามที่อาจจะสามารถขยายความต่อไปได้ นั่นคือ การปฏิวัติที่ฝรั่งเศสอยากให้เกิดขึ้นนั้น ต้องการปฏิวัติอะไร? จะเป็นจริงได้หรือไม่?
อย่างแรก .. ปฏิวัติงบประมาณ
แบร์ตูได้มีการออกมาอ้างแบบออกนอกหน้าว่า โอลิมปิกครั้งนี้ฝรั่งเศสไม่ได้สร้างอะไรใหม่ ทั้งสนามที่ใช้ในการแข่งขัน หรือโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับนักท่องเที่ยว รวมไปถึง ที่สำคัญอย่างมาก นั่นคือ การที่พิธีเปิด จะไม่จัดในสนามกีฬาแบบที่เคยเป็นมา แต่จะทำการจัดแบบ Outdoor ในบริเวณใกล้กับแม่น้ำแซน โดยท่านทูตให้เหตุผลว่าเป็นการโชว์แลนด์มาร์คสำคัญของปารีส ผู้คนหลายหมื่จะได้มีส่วนร่วมและสนุกสนานไปด้วยกันสิ่งนี้ จะช่วยยกระดับการมีส่วนร่วมทั้งในทางตรงและทางอ้อม ทั้งสองอย่างนี้ คาดว่าจะช่วยลดงบประมาณของการจัดการแข่งขันลงไปได้มากเพราะไม่ต้องสร้างสนามใหม่ และไม่ต้องจ่ายค่า แสง สี เสียง ตระการตาในสนาม
แต่หากว่ากันตามหลักการแล้ว ฝรั่งเศสถือได้ว่ามีต้นทุน “ที่สูงอย่างมาก ในการที่จะเป็นสารตั้งต้น”ในการจัดมหกรรมกีฬา เพราะอย่าลืมว่า ฝรั่งเศสถือเป็นชาติมหาอำนาจทางกีฬาระดับต้นๆ ของโลก โดยเฉพาะฟุตบอล ที่สามารถคว้าแชมป์โลกมาแล้ว 2 สมัย และมีลีกอาชีฟระดับติด Top 5 ของโลกแม้รัฐไม่ต้องสร้างเอง แต่ภาคเอกชนก็ได้ทำการสร้างสนามไว้อยู่ก่อนหน้าอาทิ สนามสตาด เวโลโดรม ของสโมสรฟุตบอล โอลิมปิก มาร์กเซย์ ที่มีความจุมากกว่า 60,000 ที่นั่ง หรือปาร์ค เดส์แปร็งซ์ ของสโมสรฟุตบอล ปารีส แซงต์ แฌร์กแม็ง ก็มีความจุกว่า 50,000 ที่นั่ง รอให้รัฐเข้ามาเช่ายืมเพื่อจัดการแข่งขัน อีกทั้ง ยังเป็นการจ่ายทีเดียวจบ เพราะค่าบำรุงรักษา หรือรีโนเวท เป็นเรื่องของสโมสรที่ต้องกระทำการทั้งสิ้น ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบกว่าบรรดาเจ้าภาพอื่นๆ ที่อาจจะไม่ได้มีต้นทุนตรงนี้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด นั่นคือ จีน สมัยโอลิมปิก 2008 ที่ต้องทุ่มเม็ดเงินมหาศาล ในการสร้างสนามกีฬารังนก ทั้งยังต้องบำรุงรักษาด้วยตนเองเป็น Fixed Costs ในระยะยาว เพราะภาคเอกชนในประเทศไม่ได้ลงทุน
ในกีฬามากมาย
อย่างที่สอง .. ปฏิวัติสิ่งแวดล้อม
อีกประเด็นที่แบร์ตูชี้ชัด นั่นคือโอลิมปิกในครั้งนี้ “เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งตรงนี้ ถือเป็นแคมเปญของปารีตั้งแต่ชนะ Bidding การเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก ว่าเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ต้องตระหนักอย่างมาก แน่นอน ตรงนี้ถือว่าเป็นที่เข้าใจได้ เนื่องจากการไม่ได้สร้างสนามแข่งขันใหม่เพิ่มขึ้น ด้วยการกินบุญเก่า ย่อมหมายความว่า การก่อสร้าง ที่จะนำไปสู่การสร้างฝุ่นละออง หรือการปล่อยคาร์บอน ย่อมไม่อาจเพิ่มขึ้นได้
แต่สิ่งที่จำเป็นต้องสร้าง อาทิ หมู่บ้านนักกีฬา ทางปารีสได้ปรับแก้สเปกของโครงสร้าง ด้วยการนำวัสดุประเภทไม้เข้ามาประกอบ เพื่อจะได้ไม่ต้องใช้คอนกรีต ไม่เปลืองเครื่องปรับอากาศ จากการที่ไม้จะสามารถดูดซับความเย็นได้มากกว่าคอนกรีตเป็นไหนๆ และที่สำคัญ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพราะเป็นวัสดุธรรมชาติ
เหนือสิ่งอื่นใด ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่า ในเรื่องของการจัดการนั้นเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมขนาดไหน แต่อยู่ที่ว่าระหว่างการแข่งขันนั้น มีการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมขนาดไหนเป็นสำคัญ เพราะอย่าลืมว่า การรับชมการแข่งขันนั้น ต้องมีเรื่องของการคมนาคมไปรับชมการบริโภคสินค้าและบริการ และอื่นๆ ที่คาดไม่ถึงตามมาอีกมาก อย่างโอลิมปิกที่จีนปี 2008 มีสถิติชัดเจนว่า ภายหลังจากการแข่งขันจบลง มลพิษทางอากาศของปักกิ่ง “ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ”
อย่างที่สาม ... ปฏิวัติความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เมื่อมาถึงตรงนี้ ย่อมต้องชื่นชมความพยายามของฝรั่งเศส ในการที่จะสร้างจุดขายเรื่องสิ่งแวดล้อมมาเป็นที่หนึ่ง สิ่งที่สำคัญคือ ฝรั่งเศสมีข้อได้เปรียบอยู่ก่อนหน้านั้นที่ มีแนวโน้มจะกระทำได้ ด้วยการกินบุญเก่าของสนามภาคเอกชน แต่อย่าลืมว่า การจะบรรลุผลลัพธ์ได้นั้น เป็นเรื่องในระหว่างและหลังการแข่งขัน ซึ่งยังไม่เกิดขึ้น
อีกมีความน่าสนใจไม่แพ้กันนั่นคือ การปฏิวัติที่ว่านั้น อาจเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอีกด้วย ดังที่เห็นได้จาก ขนาดว่า ประธานาธิบดี วลาดีมีร์ปูติน ผู้นำรัสเซีย ยังต้องยอมสยบ รับหลักการหยุดยิงกับยูเครนในระหว่างแข่งขันโอลิมปิก 2024ซึ่งเป็นที่น่าสงสัยมาก ว่ามหาอำนาจอย่างรัสเซีย ยอมได้อย่างไร?
ถึงตรงนี้ ไม่แน่ว่า การจัดกีฬาโอลิมปิก 2024 อาจมีความสำคัญที่มากกว่าความพยายามขององค์การระหว่างประเทศต่างๆที่ไม่สามารถเปลี่ยนใจรัสเซียได้เลยในตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา
โดย ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี