Composition in Blue 1918
หากพูดถึงแนวทางศิลปะกลุ่ม Die Brucke แล้วไม่พูดถึง Cubism ก็เหมือนกับการกินกาแฟ ไม่ใส่น้ำร้อน แนวทางศิลปะแบบ Cubism คืออะไร ทำไมมีความสำคัญ Cubism คือการเคลื่อนไหวทางศิลปะที่ถือกำเนิดขึ้นในปารีส ฝรั่งเศสในปี 1907 ซึ่งเป็นเวลาใกล้เคียงกับกลุ่ม Die Brucke ที่เยอรมัน โดยมีลักษณะสำคัญ 4 ประการคือ มีหลากหลายมุม เป็นรูปทรงเรขาคณิต ใช้สีค่อนไปทางโทนเดียวกันทั้งหมด และแบนราบระนาบเดียว Cubism เป็นการปฏิวัติการสร้างงานศิลปะแบบฉีกแนวอย่างยิ่งด้วยการทำให้วัตถุทรงเรขาคณิตของจริงที่เป็น 3 มิติ มารังสรรค์บนผืนผ้าใบเสมือนหนึ่งเหลือแค่ 2 มิติ ศิลปินที่มีชื่อเสียงที่สุดของ Cubism ไม่มีใครเกิน Pablo Picassoและ Georges Braque ซึ่งนักท่องเที่ยวแนวศิลป์คุ้นเคยกันดีเป็นส่วนใหญ่
อย่างไรก็ดี ศิลปิน Cubism ชาวสวิสก็ใช่ว่าจะไม่โดดเด่น และก็มีผลงานในห้องภาพนี้ด้วย นั่นคือ Johannes Ittenเขาเกิดที่ Suden-Linden สวิส ในเดือนพฤศจิกายน ปี 1888 เขาเข้าเรียนเพื่อเป็นครูประถมระหว่างปี 1904-8 ก่อนจะเริ่มเข้าเรียนที่ Ecole des Beaux-Arts ที่เมืองเจนีวา แต่เขาไม่ปลื้มกับครูที่นั่นเลยกลับมาที่Bern เพื่อเข้าเรียนกับ Ernst Schneider ที่ Bern-Hofwil Teacher’s Academyปี 1912 เขากลับไปเรียนกับ EugeneGilliard ศิลปินแนว Abstract ที่เจนีวาก่อนจะไปเปิดโรงเรียนสอนศิลปะที่ Vienna โดยอาศัยตำราของ Gilliard
Country Festival 1917
ระหว่างปี 1919-22 เขาได้สอนวิชาพื้นฐานในเรื่องคุณลักษณะของวัตถุ การสร้างองค์ประกอบและการใช้สีที่ Bauhaus ซึ่งเขาได้เชิญ Gertrud Grunow นักดนตรีชาวเยอรมันมาร่วมสอน Theory of Harmonyเพื่อให้นักศึกษาได้ใช้ดนตรีเพื่อการผ่อนคลายและเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ด้วยอีกทั้งยังเชิญ Paul Klee และ Georg Mucheมาร่วมงานที่ Bauhaus และออกหนังสือชื่อ The Art of Color เพื่ออธิบายถึงทฤษฎีสีที่ชื่อ Color Sphere ซึ่งมี 12 สี ที่มากไปกว่าจานสีของ Adolf Holzel’s color wheelอีกต่างหากด้วย เนื่องจาก Itten เป็นกลุ่มผู้เชื่อMazdaznan ที่วิวัฒนาการมาจากกลุ่มZorastrianism ซึ่งเชื่อว่าโลกควรถูกเปลี่ยนเป็นสวน และมนุษย์ทุกคนควรสัมพันธ์กับพระเจ้า เขายังเป็นมังสวิรัติ และนั่งสมาธิเพื่อให้เขาสามารถที่จะเข้าใจตัวเองและเป็นหลักในการศึกษาศิลปะและสร้างแรงบันดาลใจ เขาจึงชักชวนลูกศิษย์ส่วนหนึ่งให้มีความเชื่อนี้ส่งผลให้เขาเกิดความขัดแย้งกับ Walter Gropius ที่ต้องการให้โรงเรียนศิลปะของเขาพัฒนาไปในแนวทางที่รับนักศึกษาจำนวนมากแทนที่จะเป็นการเน้นให้นักศึกษาแสดงออกถึงความเป็นศิลปิน เขาจึงจำเป็นต้องลาออกจาก Bauhaus
ระหว่างปี 1932-4 Ittens ร่วมกับ Ernst Neufert หัวหน้าสถาปนิกของ Walter Gropius ที่เคยทำงานกับ Bauhaus มาก่อนเปิดโรงเรียนสอนสถาปัตยกรรมเล็กๆในกรุงเบอร์ลิน เขาได้ศึกษาเรื่องการจัดองค์ประกอบของสีของศิลปินอื่น อาทิ Josef Albers, Max Bill และ Wassily Kandinskyไปด้วย เขาเป็นคนแรกที่พัฒนาทฤษฎีความสัมพันธ์ระหว่างจานสีกับคน 4 ประเภทโดยออกแบบประเภทคนตามฤดูกาล การศึกษาด้านสีและความสัมพันธ์ระหว่างสีของเขาเป็นต้นกำเนิดของศิลปะที่เรียกว่า Op Art ยิ่งกว่านั้นผลงานหนังสือของเขาที่ชื่อ Color Me A Season กลายเป็นที่นิยมของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางที่Cosmetologist วิเคราะห์สีออกมาตามฤดูกาลให้กับลูกค้าจวบจนปัจจุบัน นักท่องเที่ยวจะเห็นว่า แม้ผลงานของ Itten จะมีจำนวนไม่มาก แต่ก็เป็นแนว Cubism ของแท้ที่เต็มไปด้วยสีสันที่แสนจะสดใสซึ่งดูแล้วสดชื่นจริงๆ สมกับที่เขาเป็นเจ้าพ่อแห่งสีอันเป็นที่โปรดปรานของ Cosmetologist อย่างแท้จริง
The Bach Singer
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี