27 กันยายนนี้ รอพบกับความน่าประทับใจของโรงแรมห้าดาวระดับลักชัวรีแห่งแรกในกรุงเทพมหานคร “ดุสิตธานี กรุงเทพ” หนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ และประเทศไทย ที่ได้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองคนสำคัญและนักท่องเที่ยวจาก ทั่วโลกมากว่า50 ปี โดยผ่านการรีอิมเมจิน (Reimagined)หรือการตีความอัตลักษณ์ดุสิตธานีภายใต้ภาพลักษณ์ใหม่ พร้อมสร้างเรื่องราวบทใหม่ในฐานะ “หมุดหมายกรุงเทพฯ”
โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ได้จัดกิจกรรมน้ำชายามบ่าย ที่ บ้านดุสิตธานี โดยมี 2 ผู้บริหาร ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) และ ณัฐภาณุ์ ศรียุกต์สิริ กรรมการผู้จัดการ ดุสิตเอสเตท และ รองประธานฝ่ายกลยุทธ์การออกแบบและงานครีเอทีฟ บริษัทดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ สมเกียรติโล่ห์จินดาพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด (A49) ร่วมเปิดเผยถึงเรื่องราวตลอดระยะเวลา5 ปี ในการดำเนินโครงการ
ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานีจำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความท้าทายในการปรับโฉมโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพที่ใกล้เสร็จสมบูรณ์ในรูปลักษณ์ใหม่ ภายใต้แนวคิด An Icon Reimagined ว่า “จาก 50 ปีก่อนถึงปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย การที่เราจะทําให้โรงแรมกลับมายิ่งใหญ่ได้เหมือนเดิมในบริบทของยุคใหม่ จะต้องมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ได้มาตรฐานที่ดีขึ้น โดยยังเก็บความเป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมไว้ แล้วเพิ่มอินโนเวชั่น เติมความนําสมัยเข้าไป ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการคงคุณค่าความเป็นดุสิตธานี กรุงเทพ เพื่อให้เป็นโรงแรมของคนไทยที่ดีที่สุด ที่เป็นความภูมิใจร่วมกันของชาวกรุงเทพฯ และชาวไทย จึงเป็นบทสรุปในการนำเสนอมุมมองใหม่ภายใต้แนวคิด “An Icon Reimagined” หรือการปรับโฉมสู่การกลับมาของหมุดหมายกรุงเทพฯ ที่จะปรากฏโฉมให้โลกได้เห็นถึงการเป็นโรงแรม ขนาดใหญ่ที่เป็นไอคอนิกและเป็นตำนานโรงแรมของไทยซึ่งจะสะท้อนเห็นถึงสิ่งที่ทำให้ “ดุสิตธานี”สามารถยืนหยัดอยู่ได้และครองใจผู้ใช้บริการมาได้อย่างยาวนาน ทั้งความใส่ใจและการเก็บทุกรายละเอียดของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ แห่งเดิมไว้ เพื่อนำมาผสมผสานอย่างกลมกลืนกับโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ แห่งใหม่ ที่ไม่ใช่เฉพาะเพียงรูปลักษณ์ การออกแบบ แต่ยังหมายถึงการต้อนรับอย่างอบอุ่น และการให้บริการด้วยมาตรฐานดุสิตธานี ซึ่งเป็นแบรนด์ไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ที่มุ่งมั่นนำเสนอความเป็นไทยทั้งศิลปะ วัฒนธรรมและเสน่ห์แบบไทย ที่สอดคล้องกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก และความต้องการอันหลากหลายของลูกค้า ทั้งยังตอบโจทย์ความยั่งยืนทางธุรกิจของกลุ่มดุสิตธานีไปพร้อมกัน”
โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ แห่งใหม่เป็นโครงสร้างอาคารสูงสีทองขนาด39 ชั้น ประกอบไปด้วยห้องพักสุดหรู ตั้งแต่ห้องดีลักซ์ จนถึงห้องสวีท รวมจำนวน 257 ห้อง โดยทุกห้องสะท้อนความเรียบหรู โอ่อ่า กว้างขวาง ผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างเอกลักษณ์ของความเป็นไทย กับความสากลทันสมัยที่ตอบโจทย์การใช้งานของนักเดินทางในยุคใหม่ ด้วยพื้นที่ห้องพักมาตรฐานขนาดเริ่มต้นที่ 50 ตร.ม. ขึ้นไป ซึ่งการออกแบบภายในนี้ถูกรังสรรค์อย่างประณีต จาก André Fu Studio สตูดิโอออกแบบตกแต่งภายในชั้นนำของเอเชียที่ได้รับการยกย่องในระดับสากล และสตูดิโอออกแบบภายในชั้นนำของไทยที่โด่งดังระดับแถวหน้าในเอเชียอย่าง P49DEESIGN AND ASSOCIATES มาช่วยดูแลชั้นพิเศษที่เรียกว่า Heritage Floor ให้อีกด้วย
ณัฐภาณุ์ ศรียุกต์สิริ กรรมการผู้จัดการ ดุสิต เอสเตท และรองประธานฝ่ายกลยุทธ์การออกแบบและงานครีเอทีฟ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการ Reimagined ดุสิตธานีโฉมใหม่ ว่า “ความท้าทายในการออกแบบโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ อยู่ที่การรักษาแบรนด์และความเป็นตัวตนของดุสิตธานี ที่ต้องมาพร้อมกับรูปโฉมใหม่ ขณะเดียวกัน ลูกค้าต้องสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ความจริงใจ ซึ่งมิได้จำกัดเฉพาะการให้บริการ แต่ยังหมายถึงก้าวแรกที่ลูกค้าสามารถสัมผัสได้ทันทีเมื่อก้าวเข้ามาในโรงแรม ทำให้การออกแบบต้องใส่ใจในทุกรายละเอียด ทั้งการเก็บรักษาชิ้นงานเก่า และการสร้างสรรค์ชิ้นงานใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากชิ้นงานเก่า เพื่อตีโจทย์จากอดีตให้กลายเป็นปัจจุบันและเชื่อมโยงไปสู่อนาคต เป็นความกลมกลืนของช่วงเวลา ที่เชื่อว่า ทุกคนสามารถสัมผัสได้ในทุกพื้นที่ของโรงแรมแห่งนี้ เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าทุกคนของดุสิตธานี
ด้าน สมเกียรติ โล่ห์จินดาพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด (A49) ผู้มีส่วนสำคัญในการดูแลงานออกแบบตกแต่ง กล่าวถึงการพัฒนาโจทย์ที่ได้รับ ตลอดจนการวางคอนเซ็ปต์ในการออกแบบ ว่า “ประวัติศาสตร์ เป็นโจทย์สำคัญของโรงแรมดุสิตธานีในฐานะโรงแรมแห่งแรกของกรุงเทพฯ ที่ก่อตั้งมายาวนานกว่า50 ปี ซึ่งตอนนี้เราก็กำลังจะสร้างโรงแรมดุสิตธานี ในฐานะไอคอนิกแห่งอนาคตของกรุงเทพฯ ที่จะยังคงอยู่ไปอีก 50 ปีข้างหน้าเช่นกัน โดยดุสิตธานี รูปโฉมใหม่ ได้รับการออกแบบให้เชื่อมต่อโรงแรมเข้ากับบริบทของเมือง เพื่อสร้างบทสนทนาใหม่ๆ และสร้างความมีชีวิตชีวาให้กับเมือง ท้องถนน และผู้คน ซึ่งสอดคล้องกับความเป็นเมืองในยุคสมัยใหม่ อย่างอาคารสมัยก่อนค่อนข้างรั้วรอบขอบชิด ส่วนอาคารสมัยใหม่จะมีความเชื่อมโยงกับผู้คนและเมืองมากขึ้น รวมทั้งสอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้คน อย่างบริเวณรูฟพาร์ค ของโครงการที่สร้างเป็นสวนสาธารณะลอยฟ้าขนาด 7 ไร่ ที่นอกจากเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับกรุงเทพฯ แล้ว ยังตอบสนองการใช้ชีวิตของคนเมืองที่ต้องการใกล้ชิดกับธรรมชาติอีกด้วย
นอกจากรูปร่างของตัวอาคารที่เปลี่ยนแปลงจากรูปทรงสามเหลี่ยม เป็นสี่เหลี่ยมที่มีความสูงถึง 39 ชั้นแล้วการออกแบบฟังก์ชั่นต่างๆ ของอาคาร ก็ต้องเข้ากับเทรนด์สมัยใหม่ ทั้งขนาดของห้องพักที่กว้างขวางขึ้น พร้อมเปิดรับวิวพาโนรามิกของสวนลุมพินีอย่างเต็มที่ผ่านกรอบหน้าต่างสีทอง ซึ่งเป็นคาแร็กเตอร์ที่สำคัญของห้องพักรูปลักษณ์ใหม่ รวมถึงรูฟท็อปบาร์และสกายล็อบบี้ ที่จะได้สัมผัสวิวเมืองที่สวยงาม แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงกลิ่นอายดั้งเดิมและจิตวิญญาณของดุสิตธานีใน 50 ปีก่อนไว้ได้อย่างลงตัว เช่น ยอดเสาสีทอง น้ำตก 9 ชั้น สวนเมืองร้อน ตลอดจนงานจิตรกรรมไทยต่างๆ ที่อนุรักษ์ไว้ เพื่อสานต่อเรื่องราวในอดีต ในบรรยากาศที่คุ้นเคยของแฟนดุสิตธานีด้วยนั่นเอง”
เตรียมพบกับโฉมใหม่ของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ที่จะเป็น “หมุดหมายกรุงเทพฯ” ในเร็วๆ นี้ พร้อมติดตามรายละเอียดต่างๆ ได้ทาง www.dusit.com/dusitthani-bangkok
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี