สัปดาห์แรกเดือนสิงหาคมเป็นสัปดาห์นมแม่โลกในปัจจุบันคนส่วนมากทราบถึงประโยชน์ของการที่ลูกได้กินนมแม่อย่างน้อย 6 เดือนแรก เพราะให้คุณทั้งในด้านโภชนาการ ภูมิคุ้มกันต่อโรคต่างๆ การสร้างความรักผูกพันระหว่างแม่และลูก รวมถึงผลดีทางเศรษฐกิจในครอบครัว คือ การประหยัดค่าใช้จ่าย
ดังนั้น ช่วงที่แม่กำลังให้นมลูกจึงต้องกินอาหารดีมีประโยชน์ และต้องระวังอาหารที่มีความเสี่ยงการปนเปื้อน ทั้งเชื้อโรค โลหะหนัก รสจัดเกินไป หรือสิ่งที่ลูกอาจจะแพ้ รวมถึงชากาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลายไม่ควรดื่ม
คุณแม่รับประทานสิ่งใด ลูกก็ได้รับสิ่งนั้น อันที่จริงแล้วลูกได้รับสิ่งต่างๆ ตั้งแต่ตอนยังอยู่ในท้อง
มียามากมายที่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ ซึ่งคุณแม่ทั้งหลายห้ามใช้โดยเด็ดขาด เพราะเสี่ยงต่อการแท้ง หรือเกิดความผิดปกติของลูกที่คลอด
นอกจากนี้ ต้องขอเตือนเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์จำพวกสมุนไพร และยาแผนโบราณ เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ไม่ต่างจากยาแผนปัจจุบัน ซึ่งส่วนมากเราไม่ค่อยมีข้อมูลว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ว่ามีความปลอดภัยในหญิงตั้งครรภ์มากน้อยแค่ไหน ตัวอย่างยาจากสมุนไพรที่ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ที่หลายท่านอาจจะไม่ทราบก็คือ ฟ้าทะลายโจร เป็นต้น
ส่วนยาที่ห้ามใช้ หรือต้องระวังการใช้ในคนท้อง ซึ่งที่จริงแล้วยังมีรายละเอียดปลีกย่อยว่าเป็นช่วงไหนของการตั้งครรภ์ เพราะช่วงที่สำคัญก็ได้แก่ 3 เดือนแรก ซึ่งเป็นช่วงที่ทารกกำลังมีพัฒนาการในการสร้างอวัยวะ ซึ่งหากได้รับยาบางชนิด และผ่านทางรกก็อาจมีผลทำให้พิการหรือเสียชีวิตในครรภ์ได้ ทำให้ยาบางอย่างมีคำเตือนชัดเจนว่าห้ามใช้ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ และยังมียาอีกหลายชนิดที่ห้ามใช้ตลอดการตั้งครรภ์ ตัวอย่างยาในกลุ่มห้ามใช้เด็ดขาดในหญิงตั้งครรภ์ เช่น ยารักษาสิว ชื่อ Isotretinoin ยากันชัก ชื่อ valproate ยาแก้ปวดไมเกรนที่มีตัวยา Ergotamine (ซึ่งมีอยู่หลายชื่อการค้า เช่น Cafergot เป็นต้น) ซึ่งโชคดีที่ยาส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้ต้องสั่งใช้โดยแพทย์เท่านั้น
สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ กับเมื่อผู้หญิงรายใดถูกสั่งให้ใช้ยาเหล่านี้ ต้องตรวจสอบว่าไม่ได้กำลังตั้งครรภ์ และสำหรับผู้หญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์แต่ต้องใช้ยาเหล่านี้ต้องคุมกำเนิดระหว่างใช้ยา และในบางกรณีต้องคุมกำเนิดต่ออีกหลายเดือน ถึงแม้ว่าจะหยุดใช้ยาแล้วก็ตาม เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับทารก
สำหรับสถานการณ์ในบ้านเรา ที่พบปัญหาบ่อย คือ กลุ่มยาตามอาการอื่นๆ ที่เดิมคุณแม่ทั้งหลายเคยซื้อใช้เป็นประจำก่อนตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เช่น ยาบรรเทาลดการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ยาแก้หวัด ยาแก้แพ้ ยารักษาโรคกระเพาะ ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้ท้องผูก ฯลฯ ซึ่งความปลอดภัยในแต่ละช่วงเวลาของการตั้งครรภ์ก็มากน้อยต่างกันไป หลักการง่ายๆ ที่อยากเสนอแนะคุณแม่คือ สอบถามและตรวจสอบกับแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนใช้ และสอบถามได้ที่ line @guruya ศูนย์ข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กรณีลูกคลอดออกแล้ว แม่ที่ให้นมลูกต้องระวังการใช้ยาด้วย เพราะคราวนี้ยาหลายชนิดสามารถขับออกทางน้ำนมได้ ข้อกังวลคือแม่กินยาในขนาดของผู้ใหญ่ ปริมาณยาที่ขับออกทางน้ำนมไปสู่ลูกก็อาจจะมีปริมาณมากจนทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ในลูกซึ่งตัวเล็กนิดเดียวได้ ตัวอย่างเช่น ยาแก้ปวดไมเกรนที่มีตัวยา Ergotamine แม่ที่รับประทานยานี้ ยาขับออกมาทางน้ำนมที่ลูกกิน อาจทำให้ลูกเกิดภาวะ ergotism มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ชักเกร็งอีกตัวอย่างหนึ่งคือ ยาแก้แพ้คลอเฟนิรามีน ยาปกติก็นี้มีผลข้างเคียงง่วงซึมในผู้ใหญ่อยู่แล้ว แม่ที่กินยานี้แล้วให้นมลูกลูกที่กินนมก็อาจจะง่วงซึมมาก ซึ่งวิธีการก็คือ ถ้าแม่จำเป็นต้องใช้ยาที่ขับออกทางน้ำนม ต้องตรวจสอบก่อนว่า ระหว่างกินยาสามารถให้นมลูกได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ต้องงดให้นมแม่ โดยลูกอาจจะต้องกินนมชงไปก่อน จนถึงเวลาที่แม่หยุดยาไปสักระยะหนึ่งที่มั่นใจแล้วว่าไม่มียาตกค้างขับออกมาในน้ำนม ซึ่งแต่ละตัวก็ใช้เวลาไม่เท่ากัน
ทั้งนี้ เภสัชกร หรือแพทย์ประมาณการได้ว่า เวลาที่เหมาะสมสำหรับการให้นมลูกอีกครั้งคือเมื่อใด ดังนั้นหลักการใช้ยาทั้งแผนปัจจุบัน แผนโบราณ ตลอดจนสมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของแม่นั้น ทางที่ดีคือเช็คก่อนว่าใช้แล้วสามารถให้นมลูกได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ ถ้าไม่ปลอดภัย แต่จำเป็นต้องใช้ ก็ใช้ให้เสร็จ แล้วตรวจสอบอีกทีว่าจะกลับไปให้นมลูกได้อีกเมื่อใด ทั้งนี้ต้องปรึกษาแพทย์ เภสัชกรเป็นกรณีไป
รศ.ภญ.ดร.ณัฏฐดา อารีเปี่ยม และ รศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี