วันศุกร์ ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
รู้เรื่องยากับเภสัชจุฬาฯ : Burn Out หมดไฟ ไร้แรงใจ

รู้เรื่องยากับเภสัชจุฬาฯ : Burn Out หมดไฟ ไร้แรงใจ

วันจันทร์ ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.
Tag : Burn Out
  •  

เราทุกคนเดินทางมาถึงไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 แล้ว แต่สำหรับส่วนราชการก็เรียกว่าเข้าสู่โค้งสุดท้ายของปีงบประมาณ ดังนั้น คนทำงานที่ต้องเร่งทำงานก็อาจมีสภาพต้องรีบเร่งทำงาน เพื่อให้จบงานโดยสมบูรณ์ตามเป้าประสงค์ การเร่งรีบทำงาน และการทำงานหนักอาจทำให้หลายคนเกิดอาการหมดไฟ หรือ burn out

คำว่า burn out อาจเป็นคำใหม่ในสังคมไทยยุคนี้ แต่จริงๆ มันก็คืออาการเครียดจัดเพราะทำงานหนัก เหนื่อยล้าหมดแรงกาย ไร้แรงใจ ไม่อยากทำอะไร อยากนอนนิ่งๆ หายใจทิ้งไปวัน ๆ ซึ่งสมัยก่อนคนที่บอกว่าเครียดก็คงไม่คิดอะไรมาก คิดว่าพักสักครู่ก็หายเครียดแล้ว แต่ตอนนี้คนเรามีความเข้าใจมากขึ้นกับสภาพ burn out แล้วมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก หากทิ้งไว้นานจะก่อปัญหาใหญ่ต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต


สรุปแบบสั้นที่สุดของสภาวะ burn out คือ สภาวะเครียดสะสมเรื้อรังจากการทำงาน การเรียน หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ต้องใช้กำลังกาย และพลังใจ ชนิดเข้มข้นเป็นเวลานานมากๆ จนรู้สึกหมดพลังทั้งกายและใจ ทำให้ขาดแรงบันดาลใจ และไม่ชื่นชอบสิ่งที่เคยชื่นชมมากก่อน แล้วเบื่อหน่ายไปทุกสิ่งทุกอย่าง

เราสังเกตตัวเอง และคนใกล้ชิดได้ว่ามีสภาวะ burn out หรือไม่ โดยดูจาก 3 ด้าน คือร่างกาย เช่น คนที่กำลัง burn out จะรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา แม้ได้พักเพียงพอแล้ว ก็ไม่หายเหนื่อย อาจนอนไม่หลับ ปวดหัวถ้าต้องเผชิญหน้ากับความเครียดมากๆ อาจมีอาการทางกายอื่นๆ ร่วมด้วย 

ด้านจิตใจ และอารมณ์ คนที่กำลัง burn out จะรู้สึกหดหู่ เห็นว่าตัวเองไม่ดี ไม่เก่ง วิตกกังวลมากจนมีผลกับงาน คนที่ burn out มักตัดสินใจล่าช้า เรียงลำดับความสำคัญของงานผิดพลาด ส่งผลต่อเนื่องไปถึงความสัมพันธ์ในที่ทำงาน หรือถ้าในวัยเรียนก็ส่งผลต่อผลการเรียน และปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ

ไม่ว่าสาเหตุทำให้เกิดภาวะ burn out จะมาจากอะไรก็ตาม แต่เราสามารถจัดการมันได้ และยังสามารถดูแลคนใกล้ชิดที่มีภาวะนี้ได้ โดยเริ่มต้นจากการควบคุมสิ่งที่เราควบคุมได้ก่อน เช่น ดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี กินอาหารดีให้ครบห้าหมู่ กินสิ่งดีมีประโยชน์ ลดและเลี่ยงกาแฟ บุหรี่ เหล้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด นอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า พาตัวเองไปเดินชมนกชมไม้ในสวน

ส่วนคนที่มีปัญหาสุขภาพ เป็นโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น ความดัน เบาหวาน กรดไหลย้อน ไมเกรน ก็ต้องเน้นการรักษาให้ดี และกินยาสม่ำเสมอ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำแนะนำการใช้ยาอย่างถูกต้อง เหล่านี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการแก้ปัญหานี้

เมื่อดูแลทางกายแล้ว ก็ต้องดูแลจิตใจด้วย แต่ก็ขึ้นกับบริบทของแต่ละคน บางคนอาจใช้ธรรมะเพื่อบำบัด แต่ก็ไม่มีสูตรสำเร็จสำหรับทุกคน แต่สิ่งที่เราทำได้คือ การกำหนดขอบเขตของงาน การเรียน ให้สอดคล้องกับเวลาส่วนตัว และต้องมีเวลาดูแลตัวเองด้วย อย่าให้การงาน การเรียน แย่งเวลาของเราไปทั้งหมด

จากที่กล่าวมาข้างต้นนั้น จะเห็นว่าภาวะนี้ไม่มียาที่จำเพาะ เมื่ออาการที่เกิดมาจากพฤติกรรม ก็ต้องแก้ไขจากการปรับพฤติกรรม หรือกระบวนการคิดที่ทำให้เกิดพฤติกรรมนั้นแต่ถ้ามีอาการอื่นๆ เช่น วิตกกังวลมาก จนทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ การไปพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาก็จำเป็นเพราะในบางกรณี แพทย์อาจสั่งจ่ายยาระงับอาการวิตกกังวลในระยะสั้นๆ ตามความจำเป็น ซึ่งสามารถช่วยให้ชีวิตดำเนินไปต่อได้ดีขึ้น 

ส่วนกรณีมีอาการนอนไม่หลับ อยากจะนอนก็นอนไม่ได้ แต่จะลุกทำงานก็ฝืนไม่ไหว วนเป็นวงจรอุบาทว์แบบนี้ก่อนจะมีผลกระทบต่อการงาน หรือการเรียนมากเกินไป แพทย์อาจสั่งจ่ายยาเพื่อช่วยให้นอนหลับได้ อย่างน้อยถ้าได้พักผ่อนเพียงพอแล้ว เรื่องอื่นที่ตามมาก็จะดีขึ้น 

แม้ภาวะ burn out ยังไม่ใช่ความเจ็บป่วย แต่ถ้าจัดการอาการที่เกิดขึ้นไม่ดีพอ ก็อาจนำไปสู่ความเจ็บป่วยได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคซึมเศร้า ดังนั้น หากผู้อ่าน และคนใกล้ชิดของคุณ มีความสงสัยเกี่ยวกับอาการ burn out และสงสัยว่าเข้าข่ายที่จะเป็น รวมถึงสงสัยความรุนแรงของอาการที่ดูมีแนวโน้มจะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันแย่ลง ต้องรีบไปรับคำแนะนำจากแพทย์ หรือเภสัชกร ถ้าหากแพทย์มีความเห็นว่าจำเป็นต้องใช้ยาตั้งแต่เนิ่นๆ ก็ต้องใช้ เพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นโรคทางจิตเวชที่รุนแรงมากขึ้นในอนาคต

รศ.ภญ.ดร.ณัฏฐดา อารีเปี่ยม และ รศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ

คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

‘ชาญชัย’ยกคณะฟังศาลนัดไต่สวนคดีชั้น14 ยันไม่มีส่วนได้เสีย

ทุเรียนทั้งลูก! นักเรียนลับแลจัดเต็มนำทุเรียนจากสวนไหว้ครูโชว์วิถีชีวิตชาวสวน

ถึงกับขนลุก! ผู้รอดชีวิตแอร์อินเดียนั่งที่เดียวกับ'เจมส์ เรืองศักดิ์' เมื่อปี2541

อุตรดิตถ์เตรียมจัดงาน OTOP Uttaradit Wonder Fair 2025: ชวนช้อปสินค้าภูมิปัญญาไทย ดันเศรษฐกิจท้องถิ่น

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved