ศ.พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย และตัวแทนภาคีเครือข่าย 10 องค์กร จากซ้าย ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช., สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ,พลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ เสนาธิการทหารบก ผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก, อรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช, สุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้, อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง,ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, ศิริพันธ์ ศรีกงพลี รองอธิบดี ผู้แทนอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น, ชาติชาย ภุมรินทร์ รองผู้ว่าการภาคกลางและใต้ ผู้แทนผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)และ รอยบุญ รัศมีเทศ ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน)

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ ศ.พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองประธานกรรมการที่ปรึกษา ทำหน้าที่แทนประธานกรรมการมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ลงนาม “บันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ เพื่อตรวจวัดข้อมูลภูมิอากาศ ปริมาณน้ำฝน และระดับน้ำ ในพื้นที่ป่าต้นน้ำ ระยะที่ 2” ร่วมกับภาคีเครือข่าย 10 หน่วยงาน เพื่อสานต่อโครงการอันเนื่องมาจากพระดำริในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชรมหาวัชรราชธิดา องค์ประธานกรรมการมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ตลอดจนเพื่อร่วมกันสืบสานพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้านการนำระบบเทคโนโลยีโทรมาตรอัตโนมัติมาใช้ในการบริหารจัดการน้ำและภัยพิบัติของประเทศ เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567 เวลา 14.00 น. ณ ห้องศรีจุลทรัพย์ 1 ชั้น 10 อาคารศรีจุลทรัพย์เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

ศ.พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองประธานกรรมการที่ปรึกษา ทำหน้าที่แทนประธานกรรมการมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย กล่าวเปิดงาน

พิธีลงนาม “บันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ เพื่อตรวจวัดข้อมูลภูมิอากาศ ปริมาณน้ำฝน และระดับน้ำในพื้นที่ป่าต้นน้ำ ระยะที่ 2” นับเป็นการบูรณาการความร่วมมือในการติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติฯ ในพื้นที่ป่าต้นน้ำ ให้บรรลุตามความมุ่งหมายจำนวน 510 สถานี โดย มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยากฯ มีศ.พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองประธานกรรมการที่ปรึกษา ทำหน้าที่แทนประธานกรรมการมูลนิธิ เป็นผู้ลงนาม ร่วมกับตัวแทนหน่วยงานภาคี10 หน่วยงาน เข้าร่วมพิธีลงนาม ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดย ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช., สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ โดย สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ, กองทัพบก โดย พลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ เสนาธิการทหารบก ผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช (อส.) โดย อรรถพล เจริญชันษา อธิบดี อส., กรมป่าไม้โดย สุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้, กรมการปกครอง อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์อธิบดีกรมการปกครอง, กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โดย ไชยวัฒน์จุนถิระพงศ์ อธิบดี ปภ., กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ศิริพันธ์ ศรีกงพลี รองอธิบดี ผู้แทนอธิบดี สถ., การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)ชาติชาย ภุมรินทร์ รองผู้ว่าการภาคกลางและใต้ ผู้แทนผู้ว่าการ กฟภ. และ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) โดย รอยบุญ รัศมีเทศ ผู้อำนวยการ สสน.

ศ.พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย พร้อมด้วยคณะกรรมการมูลนิธิฯ พล.อ.อ.สมคิด สุขบาง, ฉัตรชัย พรหมเลิศ, ศ.เกียรติคุณ นพ.ดำรง เหรียญประยูร, ดร.รอยล จิตรดอน, วีระศักดิ์ โควสุรัตน์, สายสม วงศาสุลักษณ์ และ ฐิติวัฒน์ ว่องวรรณกุล

ศ.พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองประธานกรรมการที่ปรึกษาทำหน้าที่แทนประธานกรรมการมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย กล่าวว่า จากการดำเนินโครงการติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติฯ ระยะที่ 1 มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยากฯ ได้ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติฯ ไปแล้ว 242 สถานี จากการใช้งานสามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้สามารถรับมือกับสถานการณ์อุทกภัยได้อย่างทันท่วงที ดังนั้น เพื่อให้การติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติฯ ในพื้นที่ป่าต้นน้ำสำเร็จตามความมุ่งหมาย จึงได้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ เพื่อตรวจวัดข้อมูลภูมิอากาศ ปริมาณน้ำฝน และระดับน้ำ ในพื้นที่ป่าต้นน้ำ ระยะที่ 2” ซึ่งทุกหน่วยงานภาคีได้เห็นพ้องถึงความสำคัญในการดำเนินการติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติฯ ในพื้นที่ป่าต้นน้ำ ให้บรรลุตามความมุ่งหมาย จำนวน 510 สถานี เพื่อส่งข้อมูลผ่านระบบโทรคมนาคมไปใช้ในการเฝ้าระวังและเตือนภัย รวมทั้งการบริหารจัดการน้ำทั่วประเทศ และได้บรรลุความตกลงที่จะลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระยะที่ 2 ร่วมกันในวันนี้

ศ.พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย และตัวแทนภาคีเครือข่าย 10 องค์กร ที่จะร่วมมือกันติดตั้งโทรมาตรอัตโนมัติให้ครบ 510 สถานี ที่มาร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง

“สถานีโทรมาตรอัตโนมัติฯ ที่ติดตั้งไปแล้ว จำนวน 242 สถานี สามารถช่วยเฝ้าระวัง และแจ้งเตือนก่อนเกิดอุทกภัย เนื่องจากสถานีโทรมาตรอัตโนมัติฯ ในพื้นที่ป่าต้นน้ำ จะติดตั้งบนยอดเขาหรือพื้นที่สูง ข้อมูลปริมาณน้ำฝนที่ตรวจวัดได้ จะรายงานทุก 10 นาที ทุก 1 ชั่วโมง ทุก 24 ชั่วโมง ประชาชนทั่วไปสามารถดูข้อมูลได้ที่ระบบคลังข้อมูลน้ำแห่งชาติwww.thaiwater.net แอปพลิเคชั่น ThaiWater และแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ไปยังหน่วยงานของรัฐ ภาคประชาสังคม และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรวมทั้งเครือข่ายเตือนภัยพิบัติชุมชนเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ทั้ง 19 ชุมชน ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ในภาวะปกติข้อมูลนี้ยังสามารถใช้ในการศึกษา วิจัย เพื่อประเมินศักยภาพการให้น้ำของป่าต้นน้ำ ที่สำคัญยังสามารถนำไปใช้ในการบริหารจัดการและวางแผนการใช้น้ำในฤดูแล้งเพื่อให้เพียงพอต่อการอุปโภคและการเกษตร

จากเหตุการณ์อุทกภัยล่าสุดในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย มูลนิธิฯได้ติดตามข้อมูลจากสถานี โทรมาตรอัตโนมัติฯ ในพื้นที่ป่าต้นน้ำ เพื่อติดตามสถานการณ์ฝนตกหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงราย น่าน พะเยา แพร่ และจัดทีมปฏิบัติการภัยพิบัติ ลงพื้นที่เพื่อเตรียมให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันท่วงที อย่างไรก็ตาม การติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติฯ ในพื้นที่ป่าต้นน้ำ ยังไม่ครอบคลุมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งจะได้ดำเนินการต่อไปในระยะที่ 2 นี้โดยพยายามที่จะติดตั้งให้ครบ 510 สถานี ภายใน 2 ปี”

สถานีโทรมาตรอัตโนมัติฯ พร้อมติดตั้งบนพื้นที่ดอยสูง

มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ตระหนักดีว่าอุทกภัยเป็นภัยธรรมชาติที่สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ดังนั้น การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างยั่งยืนประการหนึ่งก็คือ การเฝ้าระวัง ป้องกันการเกิดภัย ถือเป็นภารกิจที่สำคัญของมูลนิธิฯเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยสามารถเตรียมความพร้อม และรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการเกิดอุทกภัยซ้ำซ้อน มูลนิธิฯ เป็นองค์กรการกุศลที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการช่วยเหลือประชาชนจากอุทกภัยแบบครบวงจรและยั่งยืนโดยเน้นการเชื่อมโยง สนับสนุน ร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน ชุมชน เพื่อก้าวไปสู่การเป็นตัวอย่างของโลกในการบรรเทาทุกข์และการพัฒนาอย่างยั่งยืน