เชื่อว่าผู้อ่านหลายคนน่าจะพอรู้จัก Oasis วงดนตรีร็อกจากเมืองแมนเชสเตอร์ ของอังกฤษที่มีสองพี่น้อง เลียม และ โนลกัลลาเกอร์ กันเป็นอย่างดี พวกเขาตั้งวงในปี 1991 เปิดตัวผลงานจากอัลบั้ม Definitely Maybe ในปี 1994 ที่มีเพลงดังอย่าง Rock “n” Roll Star และ Live Forever ก่อนโด่งดังเป็นพลุแตกจาก What’s the Story) Morning Glory? ผลงานชุดที่สองในปี 1995ที่ทำให้ Oasis โด่งดังไปทั่วโลก จากซิงเกิ้ลฮิตอย่าง Don’t Look Back in Anger, Roll with It และWonderwall จน เลียม และ โนล กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ อีกทั้งยังช่วยผลักกระแสความนิยมดนตรี“บริตป๊อป” ในขณะนั้น ให้แพร่หลายไปทั่วโลก รวมถึงในบ้านเราด้วย

อย่างไรก็ดี Oasis ประกาศยุบวงในปี 2009 เมื่อ โนลกัลลาเกอร์ มือกีตาร์และคนเขียนเพลงหลักของวง กล่าวว่า เขาจะไม่ทำงานร่วมกับ เลียม นักร้องนำผู้เป็นน้องชายของเขาอีกต่อไป หลังจากทั้งคู่เกิดกระทบกระทั่งกันมาหลายปีก่อนหน้านั้น จนถึงจุดแตกหักก่อนขึ้นเวทีคอนเสิร์ตที่ฝรั่งเศสในปีดังกล่าว จนทำให้ Oasis ต้องยุบวง

หลังจากแยกวงไป ทั้ง เลียมและ โนล ต่างประสบความสำเร็จกับผลงานเดียวของตัวเอง และมักจะเหน็บแนมกันไปมาผ่านสื่อ จนแฟนๆ Oasis หลายคนพากันทำใจแล้วว่า สองพี่น้องคู่นี้คงมาเผาผี ไม่ญาติดีกันอีก ความฝันที่จะได้เห็นพวกเขากลับมารวมตัวกันทำอัลบั้มใหม่ หรือขึ้นเวทีคอนเสิร์ตคงไม่มีทางได้เกิดขึ้น

อย่างไรก็ดี ในปี 2024 นี้ซึ่งเป็นปีที่อัลบั้ม Definitely Maybeวางจำหน่ายครบ 30 ปี ก็เริ่มมีกระแสข่าวว่า เลียม และ โนล อาจกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง แม้ว่าในตอนแรก ทั้งสองคนจะปฏิเสธพัลวัน แต่เค้าลางแห่งความหวังของแฟนเพลง Oasis ก็เริ่มใกล้ความจริงมากขึ้น เมื่อทั้งสองคนเริ่มส่งสัญญาณคืนดีด้วยการยกย่องอีกฝ่ายบนเวทีคอนเสิร์ต ตามด้วยข้อความที่ใช้ตัวอักษรและตัวเลขแบบวง Oasis ไปโผล่ในสื่อออนไลน์ X ว่า 27/07/2024

จนในที่สุด ทั้ง เลียม และ โนล ก็ออกมาประกาศผ่านสื่อสังคมออนไลน์ X ช่วงเช้าวันที่ 27 สิงหาคม เกี่ยวกับรายละเอียดการแสดงคอนเสิร์ตของ Oasis จำนวน 14 รอบในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมปีหน้า ทั้งในลอนดอนแมนเชสเตอร์ คาร์ดิฟฟ์ เอดินเบอระและดับลิน เริ่มจำหน่ายบัตรตั้งแต่ 31 สิงหาคมนี้ ถือเป็นการแสดงคอนเสิร์ตแรกของ Oasis ในรอบกว่า 16 ปี แต่จากกระแสตอบรับล้นหลาม บัตรคอนเสิร์ตมากกว่า 10 ล้านใบถูกจำหน่ายหมดอย่างรวดเร็วในเวลาไม่ถึง 12 ชั่วโมง หลังเปิดจำหน่ายทางออนไลน์ ทำให้ในเวลาต่อมา Oasis ประกาศเพิ่มรอบการแสดงอีก 3 รอบ ในเมืองแมนเชสเตอร์ กรุงลอนดอน และเมืองเอดินเบอระ และล่าสุดเมื่อไม่กี่วันก่อน Oasis แจ้งผ่านแอปพลิเคชั่น X ว่า จะเพิ่มคอนเสิร์ตที่สนามเวมบลีย์ กรุงลอนดอนอีก 2 รอบ คือในวันที่ 27 และ 28 กันยายนปีหน้า

ในวันแรกของการประกาศเริ่มจำหน่ายบัตรคอนเสิร์ต แฟนเพลง Oasis เข้าคิวรอกันหลายชั่วโมงเพื่อจองและซื้อบัตร บางคนบอกว่า มีคิวรอซื้ออยู่ก่อนหน้าเขาถึง 1 ล้านคิว แฟนเพลงบางคนเผชิญสถานการณ์ที่เรียกว่ารอเข้าคิวเพื่อรอเข้าคิว (queue forthe queue) ไม่นับปัญหาเนตค้าง, Server ไม่สามารถจัดการคำขอได้ชั่วคราว หรือระบบแจ้งเตือนว่าลูกค้าที่กำลังรอเข้าคิวเป็น bot

ก่อนที่จะพบว่า ราคาบัตรพุ่งสูงขึ้นจากระบบการจองบัตรที่ราคาจะเพิ่มไปตามความต้องการของตลาด หรือที่เรียกว่า dynamicpricing แฟนเพลงที่เข้าคิวรอ3 ชั่วโมง คิดว่า พวกเขาจะต้องจ่ายค่าตั๋วตามที่โฆษณาไว้ที่148.50 ปอนด์ (ประมาณ 6,620บาท) แต่ปรากฏว่าสุดท้ายแล้วต้องเสียเงินกว่าเท่าตัวถึง 355.20ปอนด์ (ประมาณ 15,840 บาท) จึงจะได้บัตรชมคอนเสิร์ตครั้งนี้แต่ทาง Oasis ย้ำว่า ทางวงไม่ทราบเรื่องนี้ ทั้งหมดเป็นเรื่องของบริษัทผู้จัดจำหน่ายบัตรคอนเสิร์ต ซึ่งก็คือ Ticketmaster

ราคาบัตรคอนเสิร์ตซื้อจากตัวแทนจำหน่ายว่าแพงแล้ว ราคาขายต่อพุ่งไปยิ่งกว่านั้น มีรายงานว่ามีบัตรคอนเสิร์ตรอบการแสดงวันที่ 26 กรกฎาคม 2 ใบ ซึ่งเป็นที่นั่งที่ทั้งสูงและไกลจากเวทีสุดกู่ หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า nosebleed seats ไปโผล่จำหน่ายในเว็บไซต์ Viagogo ด้วยราคาสูงถึงใบละ 23,603 ปอนด์ (กว่า1 ล้านบาท)

ไม่ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของการประกาศกลับมารวมตัวขึ้นเวทีคอนเสิร์ตของ Oasis จะเป็นอย่างไร จะเป็นอย่างที่สื่อในอังกฤษบอกว่าเป็นเพราะเรื่องเงินเป็นหลัก เพราะ โนลเพิ่งหย่าขาดกับอดีตภรรยา ที่ทำให้เขาหมดตัวไปกว่า 20 ล้านปอนด์ หรือจะมีเหตุผลอย่างอื่น แต่นี่คือฝันที่เป็นจริงของแฟนเพลงทั่วโลกที่เติบโตมากับดนตรี Britpop ของพวกเขา กระแสการกลับมาแสดงคอนเสิร์ตในปีหน้าของ Oasis ถึงขนาดทำให้เพลงดังในอดีตของพวกเขา ทั้ง Don’t Look Back in Anger, Wonderwall และ Live Forever กลับมาติดชาร์ตเพลงฮิตในอังกฤษอีกครั้ง เช่นเดียวกับผลงานอัลบั้ม (What’s the Story) Morning Glory?,Definitely Maybe และ Time Flies... 1994-2009 ซึ่งเป็นอัลบั้มรวมเพลงฮิต ก็กลับเข้าชาร์ตอัลบั้มฮิตเช่นกัน

โดย ดาโน โทนาลี