ภูมิบ้าน ภูมิเมือง : ‘พระเขี้ยวแก้ว’ภูมิศรัทธาสักการะของชาวไทย

ภูมิบ้าน ภูมิเมือง : ‘พระเขี้ยวแก้ว’ภูมิศรัทธาสักการะของชาวไทย

วันอาทิตย์ ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

พระเขี้ยวแก้ว ศรีลังกา

การที่รัฐบาลไทย ได้ร่วมกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน อัญเชิญพระเขี้ยวแก้วจากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนมาประดิษฐาน ณ ลานท้องสนามหลวง เป็นการชั่วคราว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ และในโอกาสการครบรอบ ๕๐ ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ในปี พ.ศ.๒๕๖๘ โดยเปิดให้ประชาชนสักการะระหว่างวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๗-๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ รวมเป็นเวลา ๗๓ วัน และร่วมกันอัญเชิญกลับสาธารณรัฐประชาชนจีนในวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ นั้น ทำให้ทุกคนพากันศรัทธาสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว)ที่ประดิษฐาน ณ วัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนนั้นเชื่อว่าเป็นพระเขี้ยวแก้วเบื้องบนซ้ายของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเดิมประดิษฐาน ณ แคว้นคันธาระ ต่อมาได้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่เมืองฉางอัน (ชีอาน) สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยพระภิกษุฟาเหียน เมื่อคราวจาริกไปสืบพระศาสนายังอินเดีย ปัจจุบันพระเขี้ยวแก้วองค์นี้ไปประดิษฐาน ณ วัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ลักษณะองค์พระเขี้ยวแก้วมีความยาวประมาณ ๑ นิ้ว ประดิษฐานในพระสถูปทองคำประดับอัญมณีล้ำค่าตามลักษณะศิลปกรรมแบบจีน ด้วยเป็นพระเขี้ยวแก้ว ๑ ใน ๒ องค์ที่ปรากฏในโลก

อนุสาวรีญ์พระภิกษุฟาเหียน


พระเขี้ยวแก้ว หรือ พระทาฐธาตุ คือพระทันตธาตุส่วนที่เป็นเขี้ยวของพระโคตมพุทธเจ้า ซึ่งตามลักขณสูตรในพระไตรปิฎกภาษาบาลี ได้กล่าวถึงมหาปุริสลักขณะ ๓๒ ประการมีข้อความตอนหนึ่งกล่าวถึง ลักษณะของพระทาฐะหรือเขี้ยวของบุคคลผู้มีลักษณะแห่งมหาบุรุษว่า“เขี้ยวพระทนต์ทั้งสี่งามบริสุทธิ์” จากการที่ โฑณพราหมณ์ แบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้กษัตริย์เมื่อครั้งพุทธกาลนั้น ว่า “ท่านทั้งหลายจงสดับคำแห่งเราสักครู่หนึ่ง ซึ่งพระบรมครูแห่งเราย่อมตรัสเทศนาซึ่งขันติธรรมว่าประเสริฐแล ซึ่งมาเกิดยุทธประหารในที่พระสารีริกธาตุ อันศาสดาปรินิพพานนี้ บ่มิดีบ่มิสมควร ดูกรท่านทั้งหลาย จงอดกลั้นเสียซึ่งโทษจึงคิดประนีประนอมพร้อมหฤทัยยินดีด้วยกัน เราจะแบ่งปันพระบรมธาตุออกเป็น ๘ ส่วน ให้แก่บพิตรทั้งปวงตามควร องค์ละส่วนเสมอกัน จะได้อัญเชิญไปก่อพระสถูปบรรจุไว้ทุกพระนคร เป็นที่ให้ไหว้บูชาแห่งมหานครในทิศทั้งหลายต่างๆ”

พระภิกษุฟาเห็ยน

การแบ่งครั้งนั้น ถ้า โฑณพราหมณ์ ไม่ซ่อนพระเขี้ยวแก้วไว้ในพระประโฑณแล้ว ไหนเลยจะหลุดรอดมาให้สักการบูชากัน ข้อมูลนี้จึงทำให้เชื่อกันว่า พระเขี้ยวแก้วมีทั้งหมด ๔ องค์ คือ ๑.พระเขี้ยวแก้วเบื้องบนขวา ท้าวสักกะอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ พระจุฬามณีเจดีย์ บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ๒.พระเขี้ยวแก้วเบื้องต่ำขวา ประดิษฐานที่แคว้นกลิงคะ แล้วจึงถูกอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ ลังกาทวีป ที่วัดพระเขี้ยวแก้ว ประเทศศรีลังกา ปัจจุบัน ๓.พระเขี้ยวแก้วเบื้องบนซ้าย ประดิษฐาน ณ แคว้นคันธาระ แล้วเชื่อว่าถูกอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่เมืองฉางอัน หรือเมืองฉางอัน ประเทศจีน โดย พระภิกษุฟาเหียน เมื่อคราวจาริก ไปสืบพระศาสนายังอินเดีย ปัจจุบันพระเขี้ยวแก้วองค์นี้ถูกอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ พระมหาเจดีย์ณ วัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง ๔.พระเขี้ยวแก้วเบื้องต่ำซ้ายประดิษฐานในภพบาดาลของพญานาค สรุปว่าเป็นที่เชื่อกันว่าบนโลกมนุษย์นี้มีพระเขี้ยวแก้วขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่๒ องค์ นอกจากนี้ พระเขี้ยวแก้วยังจัดเป็นพระบรมสารีริกธาตุที่ไม่แยกกระจัดกระจาย องค์มีลักษณะแข็งแกร่งรวมกันแน่น ด้วยความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนเลื่อมใสในองค์พระเขี้ยวแก้วเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมืองแคนดี้ ศรีลังกา นั้นจัดงานแห่พระเขี้ยวแก้วด้วยช้างที่มีสีสัน สร้างชื่อเสียงเช่นเดียวกับพิธีแห่พระเขี้ยวแก้วที่วัดพระพุทธบาท สระบุรี และเรื่องพระเขี้ยวแก้วจึงมีปรากฏศรัทธาสักการะอยู่หลายแห่งในไทย

ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ เสด็จฯ สักการะ
ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ เสด็จฯ สักการะ
โฑณพราหมณ์ แบ่งพระบรมสารีริกธาตุ
โฑณพราหมณ์ แบ่งพระบรมสารีริกธาตุ
วัดหลิงกวง ปักกิ่ง
วัดหลิงกวง ปักกิ่ง
วัดแคนดี้ ศรีลังกา
วัดแคนดี้ ศรีลังกา
รัฐบาลไทย-จีน ร่วมกันจัดงาน
รัฐบาลไทย-จีน ร่วมกันจัดงาน
พราหมณ์โฑณพราหมณ์ซ่อนพระธาตุ
พราหมณ์โฑณพราหมณ์ซ่อนพระธาตุ
พระเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี้ ศรีลังกา
พระเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี้ ศรีลังกา
พระเขี้ยวแก้ว ที่วัดหลิงกวง
พระเขี้ยวแก้ว ที่วัดหลิงกวง
พระเขี้ยวแก้วที่เมืองแคนดี้
พระเขี้ยวแก้วที่เมืองแคนดี้
พระภิกษุฟาเหียน
พระภิกษุฟาเหียน
พระเขี้ยวแก้ว วัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง
พระเขี้ยวแก้ว วัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top