โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกับ ซาโนฟี่ เปิดตัวแคมเปญรณรงค์ “Together Against RSV” ในประเทศไทย รณรงค์ป้องกันโรคติดเชื้ออาร์เอสวีในเด็กทารก โดยได้รับการสนับสนุนจาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย (PIDST) ชมรมเวชศาสตร์ทารกแรกเกิดแห่งประเทศไทย และราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย (RCPedT) พร้อมได้รับเกียรติจากเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยเป็นประธานในพิธีเปิด ตอกย้ำความมุ่งมั่นระดับนานาชาติในการต่อสู้กับเชื้อไวรัสอาร์เอสวี
การติดเชื้ออาร์เอสวี ก่อให้เกิดภาระโรคที่สำคัญโดยเฉพาะในทารก ด้วยความเป็นโรคติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจที่พบได้บ่อย จึงมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา โดยมีอาการต่างๆ เช่น ไข้ ไอ น้ำมูกไหล และเจ็บคอ ซึ่งจะปรากฏขึ้นภายใน 4-6 วันหลังจากได้รับเชื้อ อย่างไรก็ตาม โรคติดเชื้ออาร์เอสวีนี้ ต่างจากไข้หวัดธรรมดา ตรงที่สามารถลุกลามอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นการติดเชื้อในปอดที่รุนแรง และก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น หลอดลมฝอยอักเสบ หรือปอดอักเสบ ซึ่งจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยร้อยละ 90 ของทารกและเด็กเล็กจะติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวีภายใน 2 ขวบ แม้ว่าโรคติดเชื้ออาร์เอสวีเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย ทารกทุกคนที่อายุต่ำกว่าหนึ่งปี ไม่ว่าจะเกิดก่อนกำหนด หรือเกิดมาแข็งแรงครบกำหนด ล้วนมีความเสี่ยงสูงสุดต่อการติดเชื้ออาร์เอสวีอย่างรุนแรง และมักต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
พญ.สุรางคณา เตชะไพฑูรย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวชและโรงพยาบาลบีเอ็นเอช และผู้อำนวยการโรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล ในเครือบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในโอกาสการเปิดอาคารของโรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับซาโนฟี่ ในการเปิดตัวโครงการรณรงค์ “Together Against RSV” และการเปิด “ศูนย์การวินิจฉัย รักษา และป้องกันการติดเชื้ออาร์เอสวี” เพื่อให้การดูแลแบบครบวงจร สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาการติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจอาร์เอสวี พร้อมเป็นสถานพยาบาลแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่จะได้มีภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปที่ป้องกันการติดเชื้ออาร์เอสวีในทารก สำหรับผู้รับบริการ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในวงการแพทย์เด็ก เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป Nirsevimab (เนอร์ซีวิแมบ) นี้ จะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อ ลดความเสี่ยงของโรคระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี รวมถึงป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากการติดเชื้อไวรัส อาร์เอสวี เช่น ปอดอักเสบ ปอดบวม เป็นต้น ทำให้เด็กไทยมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงเพราะเราอยากเห็นเด็กโตไปสุขภาพดี #โตไปไม่ป่วย”
เซนัป ซาดัท (Zainab Sadat) ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจวัคซีน ซาโนฟี่ ประจำภาคพื้นเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย กล่าวว่า “ซาโนฟี่ ภูมิใจที่ได้ริเริ่มแคมเปญสร้างความตระหนักรู้ “Together against RSV” ในประเทศไทย ถือเป็นก้าวสําคัญสําหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม รวมถึงสมาคมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกันรณรงค์สร้างความตระหนักรู้เพื่อป้องกันโรคติดเชื้ออาร์เอสวีในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการจัดการกับความท้าทายด้านสุขภาพที่สําคัญที่เกิดจากโรคติดเชื้ออาร์เอสวี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบต่อทารก จากการผนึกกำลังในวันนี้ เราปรารถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เป็นรูปธรรมในการปกป้องทารกไทยทุกคนจากโรคติดเชื้ออาร์เอสวี ซึ่งตรงกับภารกิจของเราในการมุ่งมั่นไขว่คว้าความมหัศจรรย์ทางวิทยาศาสตร์เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คน”
ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “โรคติดเชื้ออาร์เอสวี เป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง และการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในประเทศไทยในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี ภาระโรคนั้นรุนแรงมาก ทั้งทางตรงและทางอ้อม อาจร้ายแรงถึงแก่ชีวิต หรือก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจตามมา เราจะสามารถลดผลกระทบของอาร์เอสวีต่อทารกและครอบครัวได้อย่างมีนัยสําคัญ ผ่านการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรค และให้ความรู้ในด้านการป้องกัน ล่าสุดมีวิวัฒนาการเทคโนโลยีในการป้องกัน 2 วิธี คือ การให้วัคซีนในคุณแม่ขณะตั้งครรภ์เพื่อส่งต่อภูมิคุ้มกันมายังทารกทันทีหลังคลอด และการให้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปฉีดแก่ทารกเลย ซึ่งเด็กเล็กทุกคนควรได้รับการป้องกัน เพราะโรครุนแรงเกิดได้แม้ในเด็กที่แข็งแรงดี ที่จริงแล้วเด็กที่นอนโรงพยาบาลจากอาร์เอสวีรุนแรงส่วนใหญ่เป็นเด็กที่แข็งแรงดีมาก่อน
แคมเปญ Together Against RSV นี้ นอกจากจะมุ่งหวังในการเผยแพร่และให้ความรู้เกี่ยวกับโรคแล้ว ยังรณรงค์ให้พิจารณาเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กทารกแรกเกิดปลอดภัยจากโรคติดเชื้อ RSV ตามแนวทางการให้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป Nirsevimab เพื่อป้องกันโรครุนแรงจากการติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวีที่จัดทำโดยราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย (RCPedT)
ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ฤดูกาลในการระบาดของโรคติดเชื้ออาร์เอสวี มักเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงตุลาคม ดังนั้นทารกทุกคนควรได้รับการป้องกันก่อนฤดูกาลการระบาดจะเริ่มขึ้น ทางราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย (RCPedT) ร่วมกับสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ชมรมเวชศาสตร์ทารกแรกเกิดแห่งประเทศไทย สมาคมโรคระบบหายใจและเวชบำบัดวิกฤตในเด็กแห่งประเทศไทย และสมาคมโรคหัวใจเด็กประเทศไทย จึงได้จัดทำแนวทางการให้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป Nirsevimab1 ขึ้นมาโดยทางราชวิทยาลัยฯ แนะนำให้ Nirsevimab ในทารกแข็งแรงดีที่อายุต่ำกว่า 8 เดือนทุกราย และอาจพิจารณาให้ในทารกแข็งแรงดีอายุ 8-12 เดือน เพื่อป้องกันโรครุนแรงจากการติดเชื้ออาร์เอสวี โดยให้เพียงโดสเดียวก่อนฤดูกาลการระบาด สามารถคงประสิทธิภาพในการป้องกันครอบคลุมทั้งฤดูกาลการระบาด สำหรับทารกที่เกิดในช่วงฤดูกาลการระบาดสามารถรับภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปนี้ได้ทันที โดยสามารถให้พร้อมกับวัคซีนพื้นฐานชนิดอื่นๆ ได้”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี