ในบรรดายันต์ที่รู้จักกันทั่วไปนั้นไม่ใครที่ไม่รู้จักยันต์เกราะเพชร์ของพระยาพิชัยดาบหัก นักรบคู่ใจของพระยาตาก(สิน)เป็นผู้มีส่วนกอบกู้เอกราชของชาติไทยหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง มีชื่อเสียงอย่างยิ่งจากความกตัญญูกตเวทีและความกล้าหาญ หนึ่งในสี่ทหารเสือของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้แก่ หลวงราชเสน่หา (สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท), หลวงพิชัยอาสา (พระยาพิชัยดาบหัก), พระยาเชียงเงิน (พระยาสุโขทัย), หลวงพรหมเสนา (เจ้าพระยานครสวรรค์) เดิมท่านชื่อ จ้อย เกิดที่บ้านห้วยคา อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา ศึกษาอยู่กับท่านพระครูวัดมหาธาตุหรือวัดใหญ่ เมืองพิชัย ภายหลัง จ้อยได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นทองดี หรือ ทองดีฟันขาว มีความสามารถและชื่อเสียงอย่างยิ่งทั้งทางเชิงมวยและเชิงดาบจากครูเมฆ บ้านท่าเสา อุตรดิดต์จนได้เข้ารับราชการกับสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ตั้งแต่ครั้งดำรงตำแหน่งเป็นพระยาตาก ต่อมานายทองดีได้รับแต่งตั้งเป็นองครักษ์มีบรรดาศักดิ์เป็น "หลวงพิชัยอาสา" เมื่อรับราชการมีความดีความชอบจึงได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าหมื่นไวยวรนาถ พระยาสีหราชเดโช และพระยาพิชัย ผู้สำเร็จราชการครองเมืองพิชัย ซึ่งรับพระราชทานเครื่องยศเสมอเจ้าพระยาสุรสีห์ ตามลำดับ ภายหลังข้าศึกยกทัพมาตีเมืองพิชัย 2 ครั้ง ในการรบครั้งที่ 2 พระยาพิชัยถือดาบสองมือออกต่อสู้จนดาบหักไปข้างหนึ่ง และรักษาเมืองไว้ได้ จึงได้รับสมญานามว่า "พระยาพิชัยดาบหัก"เมื่อครั้งนายเวทย์ นิจถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิต์ สร้างอนุสาวรีย์นั้น ได้นำยันต์นี้ไว้ด้านหลังเหรียญรุ่นแรก จึงทำให้ยันต์เกราะเพชร แพร่หลายและสืบต่อรุ่นยันต์นี้มาถึงหลวงพ่อสุ่น อุปัชญาจาย์ ของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ท่านได้เรียนมาจากอาจารย์แจง ซึ่งเป็นฆราวาส ชาวสวรรคโลก ที่สืบจากตำราสมัยพระร่วง ยันต์เกราะเพชรนี้ มาจากการเขียนบทพระพุทธคุณห้องต้น คือ พระอิติปิโสภควา จนถึงพุทธโธภควาติ เรียกว่า พระอิติปิโสแปดทิศนี้๑. อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา ( ឥ រ ចា គ ត្ត រ សា )บทนี้ชื่อ กระทู้ ๗ แบก ประจำอยู่ทิศบูรพา (ทิศตะวันออก) ใช้เสกเป่าแก้พิษสัตว์กัด ต่อยได้ ๒. ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง ( តិ ហំ ច តោ រោ ថិ នំ )บทนี้ชื่อว่า ฝนแสนห่า ประจำอยู่ทิศอาคเณย์ (ทิศตะวันออกเฉียงใต้)ใช้ เสกทำน้ำมนต์ รดคนเจ็บไข้ได้ป่วย ผีเจ้าเข้าทรง๓. ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท ( បិ ស្ម័ រ លោ បុ ស្ត័ ពុ )บทนี้ชื่อ นารายณ์เกลื่อนสมุทร ประจำอยู่ทิศทักษิณ (ทิศใต้)ใช้ เสกภาวนากันภูตผีปีศาจเป่าพิษบาดแผล๔. โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ ( សោ មា ណ ក រិ ថា ទ្ធោ )บทนี้ชื่อ นารายณ์ถอดจักร์ ประจำอยู่ทิศหรดี (ทิศตะวันตกเฉียงใต้)ใช้ เสกจดครบ 108 จบ ทำน้ำมนต์ ไล่ผีหรือ ให้คนท้องกิน จะคลอดลูกง่าย๕. ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ ( ភ ស្ម័ ស្ម័ វិ ស ទេ ភ )บทนี้ชื่อ นารายณ์ขว้างจักร์ตรึงไตรภพ ประจำอยู่ทิศประจิม (ทิศตะวันตก)ใช้ เสกพรมร่างคนไข้ ไล่ภูตผีปีศาจร้าย ดีนัก๖. คะ พุท ปัน ทู ทัม วะ คะ ( គ ពុ ប្ន័ ទូ ទ្ម វ គ )บทนี้ชื่อ นารายณ์พลิกแผ่นดิน ประจำอยู่ทิศพายัพ (ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ)ใช้เสกทำน้ำมนต์ ป้องกันผีเจ้าเข้าทรง หรือถูกคุณกระทำชะงัดนัก๗. วา โธ โน อะ มะ มะ วา ( វា ទ្ធោ នោ អ ម ម វា )บทนี้ชื่อ ตวาดฟ้าป่าหิมพานต์ ประจำอยู่ทิศอุดร (ทิศเหนือ)ใช้เสกด้าย หวาย มีด ข้าวสาร ขับไล่ผีบ้าน ผีป่าเวลาเดินทางดีนัก๘. อะ วิช สุ นุต สา นุส ติ ( អ វិ សុ នុ សា នុ តិ )บทนี้ชื่อ นารายณ์แปลงรูป ประจำอยู่ทิศอีสาน (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ)ใช้เสกเป่าตัวเองป้องกันตัวเองเวลาเดินทางออกจากบ้าน แคล้วคลาดได้ ยันต์เกราะเพรชของหลวงพ่อปานนี้ ก็ใช้บทพุทธคุณต้นห้องต้นนั้นมาเรียงกันตามตำรากำหนดแล้ว ขีดเส้นโยงเป็นตารางสานกันไปมา ระหว่างตัวอักขระพระอิติปิโสนี้ บังเกิดเป็นเกราะแก้วประสานกันรอบตัวยันต์ โดยเพิ่มตัวอุณาโลมและตัวโมลงไปด้วย ยันต์เกราะเพชรจึงสามารถคุ้มกันอันตราย ในสมัยที่ท่ายมีชีวิตอยู่นั้น ในงานไหว้ครูประจำปีของท่านทุกปี ท่านจะทำการเป่ายันต์เกราะเพชรให้กับลูกศิษย์และผู้เคารพนับถือปีละหน และผู้ที่ได้รับการเป่ายันต์เกราะเพชรแล้วไม่ต้องมาเป่าอีก และถ้าเป่าแล้วจะไปทำให้เสื่อมลง จะมาเป่าอีกก็ไม่ได้ผล การเป่ายันต์เกราะเพชรนี้หลวงพ่อได้อรรถธิบายว่า เพื่อให้ยันต์นี้เข้าไปสถิตย์อยู่ในตัวของผู้ที่ต้องการ ตรงบริเวณหน้าผากให้คุ้มครองให้พ้นจากภัยพิบัติทั้งปวง ซึ่งเป็นคุณวิเศษของยันต์เกราะเพชรนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี