สานต่อความสำเร็จจากปีที่ 5 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานนวัตกรรม แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มหาวิทยาลัยมหิดล และพันธมิตรองค์กรชั้นนำ ได้แก่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด และเครือข่ายบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมอาหารอีกมากมาย เปิดโครงการ “SPACE-F ปี 6 : โครงการบ่มเพาะและเร่งการเติบโตฟู้ดเทคสตาร์ทอัพระดับสากลแห่งแรกของประเทศไทย” สนับสนุนและส่งเสริมสตาร์ทอัพที่สามารถพัฒนานวัตกรรมสำหรับแก้ไขปัญหาในอุตสาหกรรมอาหารทั้งปัจจุบันและอนาคต เพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปีนี้มีสตาร์ทอัพเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 20 ราย แบ่งเป็น Incubator Program 10 ราย และ Accelerator Program 10 ราย ทั้งนี้ สตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับ
คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ โอกาสการเข้าถึงเครือข่ายและแหล่งเงินทุนเพื่อการเติบโตทางธุรกิจ อีกทั้งยังสามารถใช้สถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล รวมถึงโอกาสการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำอุตสาหกรรมอาหารทะเลระดับโลก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด อีกด้วย
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวว่า NIA ในฐานะผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรมมุ่งมั่นขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ชาตินวัตกรรมภายใต้แนวคิด Groom-Grant-Growth-Global ซึ่งพร้อมจะสนับสนุนและส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมทั้งมิติเงินทุน การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการนวัตกรรม การเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานนวัตกรรม และการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลง พร้อมกันนี้ ยังมุ่งผลักดันนวัตกรรมเพื่อสร้างการเติบโตและเพิ่มมูลค่าในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยที่ผ่านมาได้ผลักดันหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศคือ “นวัตกรรมอาหาร” ผ่านโครงการ SPACE-F ซึ่งเป็นโครงการบ่มเพาะและเร่งการเติบโตทางธุรกิจเทคโนโลยีอาหารระดับสากลพร้อมช่วยผลักดันกลุ่มฟู้ดเทคสตาร์ทอัพทั้งในและต่างประเทศ ให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาด และเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมไทยมีความได้เปรียบในด้านการแข่งขันกับทุกบริบทที่เปลี่ยนแปลง
“SPACE-F ปีที่ 6 พร้อมเดินหน้าสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งสำหรับฟู้ดเทคสตาร์ทอัพ ด้วยการบ่มเพาะและเร่งการเติบโต ผ่านเครือข่ายความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มหาวิทยาลัยมหิดล และพันธมิตรอย่างบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เพื่อเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพเข้าถึงแหล่งเงินทุน ผู้เชี่ยวชาญ และพันธมิตรทางธุรกิจ ต่อยอดแผนธุรกิจ และพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ตลาด พร้อมรับมือกับความท้าทายของอุตสาหกรรมอาหารทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ทั้งนี้ ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาโครงการ SPACE-F สามารถผลักดันให้ได้รับการระดมทุนกว่า 5,000 ล้านบาท และช่วยพัฒนาสตาร์ทอัพกว่า 80 ราย จาก 18 ประเทศทั่วโลก สามารถขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนที่มีตลาดผู้บริโภคกว่า 650 ล้านคน และมีมูลค่าสูงกว่า 60,000 ล้านบาท ทำให้สตาร์ทอัพสามารถสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง และนำนวัตกรรมเข้ามาพลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหารให้เติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ โครงการ SPACE-F ยังมุ่งมั่นสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็น “ครัวของโลก” ด้วยจุดแข็งด้านทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ การลงทุนในนวัตกรรมอาหารอย่างต่อเนื่อง และมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล NIA หวังว่า SPACE-F ปีที่ 6 จะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของสตาร์ทอัพทุกคนในการสร้างสรรค์และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน”
ด้าน รศ.ดร.พสิษฐ์ ภควัชร์ภาณุรัตน์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม กล่าวเสริม สำหรับโครงการ SPACE-F Batch 6 นี้ เรามั่นใจว่าเทคโนโลยีจะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้สตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการสามารถเติบโตและขยายธุรกิจไปสู่เวทีโลกได้ ซึ่งมหาวิทยาลัยมหิดลพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ สตาร์ทอัพจะสามารถใช้ทรัพยากรและสิ่งอำนวยความสะดวกของเราได้อย่างเต็มที่ สามารถเข้าถึงคำแนะนำจากคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิที่จบการศึกษาจากสถาบันชั้นนำทั่วโลก และยังอาจได้แรงบันดาลใจและกำลังสำคัญในการทำงานจากนักศึกษาของเราอีกด้วย
สำหรับฟู้ดเทคสตาร์ทอัพ 10 ราย ที่ได้เข้าร่วมโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพ (Incubator Program) ได้แก่ 1.BioNano Solution (ไทย) : พัฒนาเทคโนโลยีการห่อหุ้มระดับนาโนเพื่อเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่มีความคงตัว/การละลายต่ำให้มีคุณภาพสูงขึ้น 2.Haruna (ไทย) : พรีไบโอติกธรรมชาติจาก RS (Natural Resistant Starch) สำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูกเรื้อรัง 3.HILLKOFF (ไทย) : การนำเปลือกเชอร์รีกาแฟมาเพิ่มมูลค่า 4.LOCOL (ไทย) : การใช้ประโยชน์จากของเหลือจากโกโก้สำหรับการผลิตเนื้อวัวที่มีคาร์บอนต่ำ 5.MadeSweetly (สหราชอาณาจักร) : สารให้ความหวานจากพืชทางเลือกโดยใช้การหมักที่แม่นยำเพื่อผลิตโปรตีนที่มีความหวานตามธรรมชาติ 6.Karmic Global (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) : พลาสติกชีวภาพย่อยสลายได้จากการนำของเสียจากอุตสาหกรรมกุ้งมาใช้ 7.ZenxTag Technology (ฮ่องกง) : พัฒนาไพรเมอร์ตรวจจับการเน่าเสียแบบละเอียด (TVB, pH, H2S, TMA) สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร 8. Sherapis(ไทย) : ซุปก้อนโซเดียมต่ำ 9.MAMAY Technologies (อิสราเอล) : การแปลงสัมผัสทางประสาทสัมผัสให้เป็นดิจิทัล และ 10.Nano Onions (ไทย) :หลอดดูดน้ำจากสาหร่ายทะเล
ส่วนฟู้ดเทคสตาร์ทอัพ 10 รายที่ได้เข้าร่วมโครงการเร่งการเติบโตทางธุรกิจ (Accelerator Program) ได้แก่ 1.Akarso Bio (สหรัฐอเมริกา) : พัฒนาส่วนผสมที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะและเป็นฉลากสะอาด ซึ่งช่วยเพิ่มการหลั่ง GLP-1 เพื่อความอิ่มและสุขภาพเมตาบอลิซึม 2.Poseidona (สเปน) : การใช้สาหร่ายทะเลที่ได้รับการกอบกู้เพื่อพัฒนาส่วนผสมโปรตีนสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร 3.Warich Food (ไทย) : พัฒนาอาหารใหม่จากผลไม้สุกและเปลี่ยนให้เป็นผลิตภัณฑ์แปลกใหม่ 4.Alcheme Bio (สหรัฐอเมริกา): พัฒนา “ไขมันแทรกในเนื้อ” ระดับเซลล์ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเอนไซม์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่เปลี่ยนโปรตีนทางเลือกโดยการปรับปรุงรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ 5.TIGAMILK (ฮ่องกง) : นมจากถั่วลายเสือรายแรกของโลก6.Jupitair (โปแลนด์) : นวัตกรรมเครื่องยนต์โฟโตคะตะไลติกที่จดสิทธิบัตรโดยอาศัยชั้นเซรามิกโครงสร้างนาโน ซึ่งถูกกระตุ้นการทำงานด้วยแสงยูวีเอ LED 7. Genbioma (สเปน) : ส่วนผสมและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากธรรมชาติที่ควบคุมการเผาผลาญผ่านความสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้8.Neramit Foodtech (ไทย) : ข้าวปลอดแป้งรายแรกของไทยจากโปรตีนสูงและใยอาหารจากสาหร่ายทะเล 9.Hypercell Technologies (สหรัฐอเมริกา) : ช่วยให้สามารถตรวจจับเชื้อโรคณ จุดเกิดเหตุได้อย่างรวดเร็วภายใน 40 นาที ด้วยความแม่นยำระดับห้องปฏิบัติการ และ 10.Singular Intelligence (สหราชอาณาจักร) : ใช้ประโยชน์จาก AI และโซลูชั่นที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทานอาหาร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี