วันพุธ ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
‘หูดหงอนไก่’ โรคที่แฝงตัวมาอย่างเงียบๆ แต่รักษาได้ด้วยเลเซอร์

‘หูดหงอนไก่’ โรคที่แฝงตัวมาอย่างเงียบๆ แต่รักษาได้ด้วยเลเซอร์

วันอังคาร ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 06.17 น.
Tag : หูดหงอนไก่
  •  

แม้จะเป็นเพียงตุ่มเนื้อเล็กๆ ที่ดูไม่รุนแรงในสายตาของใครบางคน แต่ "หูดที่อวัยวะเพศ" หรือที่รู้จักกันในชื่อ “หูดหงอนไก่” กลับเป็นปัญหาที่ซับซ้อนกว่าที่คิด ทั้งในเชิงสุขภาพร่างกายและจิตใจ เพราะเป็นโรคที่แฝงตัวมาอย่างเงียบๆ ทั้งที่สามารถป้องกันและรักษาได้ ซึ่งปัจจุบันสามารถรักษาได้ด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีรอยแผลเป็น

ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์คมกฤช เอี่ยมจิรกุล สูตินรีแพทย์ชำนาญการด้านนรีเวชทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลเวชธานี อธิบายว่า หูดที่อวัยวะเพศ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "หูดหงอนไก่" (Condyloma Acuminata) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อ HPV (Human Papillomavirus) โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่ 6 และ 11 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง แต่สามารถทำให้เกิดติ่งเนื้อขรุขระคล้ายหงอนไก่ขึ้นที่บริเวณอวัยวะเพศ ขาหนีบ ทวารหนัก หรือแม้แต่ในช่องปาก


ผช.ศ.นพ.คมกฤช เอี่ยมจิรกุล สูตินรีแพทย์ชำนาญการด้านนรีเวชทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลเวชธานี 

 

การติดต่อของเชื้อ HPV มักเกิดขึ้นผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทั้งทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก โดยไม่จำเป็นต้องมีการสอดใส่เต็มรูปแบบ การสัมผัสบริเวณอวัยวะเพศก็นำไปสู่การแพร่กระจายของเชื้อได้ นอกจากนี้ ผู้ติดเชื้อ HPV อาจไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นพาหะ เพราะอาการอาจไม่แสดงออกนานหลายเดือนหรือแม้กระทั่งหลายปี

ผู้ที่ติดเชื้อหูดหงอนไก่มักเริ่มจากอาการเล็กน้อย เช่น ตุ่มเนื้อเล็กๆ สีชมพูหรือสีเนื้อที่ขึ้นเดี่ยวๆ หรือเป็นกลุ่ม ต่อมาอาจขยายขนาดจนก่อให้เกิดความรำคาญ คัน หรือเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ บางรายอาจมีเลือดออก หรือมีปัญหาเรื่องปัสสาวะหากหูดอยู่ในตำแหน่งใกล้ท่อปัสสาวะ ในผู้หญิง หูดอาจเกิดลึกเข้าไปในช่องคลอด ซึ่งทำให้ตรวจพบได้ยาก และอาจต้องอาศัยการตรวจภายในเพื่อยืนยันการวินิจฉัย

แม้หูดหงอนไก่จะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ในทางปฏิบัติกลับมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตไม่น้อย โดยเฉพาะด้านความมั่นใจ และความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ ในปัจจุบันมีการรักษาหูดที่อวัยวะเพศหลากหลายวิธี ตั้งแต่การใช้ยาทา การจี้ด้วยความเย็น (Cryotherapy) การจี้ด้วยไฟฟ้า (Electrocautery) ไปจนถึงการใช้เลเซอร์ CO₂ ซึ่งเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ทันสมัยและแม่นยำ

การใช้เลเซอร์ CO₂ เป็นการใช้พลังงานความร้อนจากแสงเลเซอร์ในการทำลายเซลล์หูดอย่างเฉพาะเจาะจง โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อโดยรอบมากนัก ซึ่งช่วยลดโอกาสเกิดแผลเป็นหลังการรักษา ทั้งยังไม่ต้องเย็บแผล ไม่มีเลือดออกมาก และใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่าวิธีอื่น ผู้ป่วยบางรายสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ภายใน 1–2 วัน

 

การเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์

งดมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 3-5 วันก่อนการรักษา เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือการแพร่กระจายของเชื้อเพิ่มเติม รวมถึงช่วยให้พื้นที่ที่รักษาอยู่ในสภาพดีที่สุด ทำความสะอาดร่างกายโดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศให้สะอาดในวันเข้ารับการรักษา แนะนำให้ใช้น้ำสะอาดและสบู่อ่อน หลีกเลี่ยงการใช้สารที่มีน้ำหอม แจ้งแพทย์หากตั้งครรภ์ หรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เพราะอาจต้องปรับแผนการรักษา หรือมีแนวทางพิเศษในการดูแลแผลฃรวมทั้งงดยาบางชนิด เช่น แอสไพริน หรือยาละลายลิ่มเลือด (ถ้ามี) ตามคำแนะนำของแพทย์
เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากเลือดออก

การดูแลตนเองหลังทำเลเซอร์

ทำความสะอาดแผลอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้น้ำเกลือเช็ดแผลเบาๆ วันละ 1–2 ครั้ง และใช้ยาทาแผลตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ งดเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 2–4 สัปดาห์ เพื่อให้แผลหายสนิทและลดโอกาสการติดเชื้อซ้ำหรือระคายเคือง สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้ารัดแน่น เช่น กางเกงในรัดรูป เพื่อให้บริเวณแผลไม่อับชื้นและระบายอากาศได้ดี สังเกตอาการผิดปกติ เช่น มีหนอง บวม แดงจัด หรือเจ็บมากขึ้น หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบกลับมาพบแพทย์ทันที เพราะอาจเกิดการติดเชื้อ ติดตามผลตามนัดของแพทย์ เพื่อประเมินแผลและตรวจซ้ำว่ามีหูดหลงเหลือหรือไม่ และพิจารณาการรักษาเพิ่มเติมหากจำเป็น รวมทั้งพิจารณาฉีดวัคซีน HPV หลังการรักษา เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ และลดความเสี่ยงในการเกิดหูดหรือมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับ HPV ในอนาคต

ถึงแม้เลเซอร์จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันการกลับมาใหม่ของหูดได้ 100% เพราะเชื้อไวรัสอาจยังคงอยู่ในร่างกายหลังการรักษา ดังนั้น สิ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่าการรักษาคือ การป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ถุงยางอนามัย การตรวจสุขภาพประจำปี หรือที่สำคัญที่สุดคือ การฉีดวัคซีน HPV ซึ่งแนะนำให้ฉีดตั้งแต่อายุยังน้อยก่อนเริ่มมีเพศสัมพันธ์ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

ช้างศึกกร่อย!บุกพ่ายเติร์กเมนิสถาน1-3ลุ้นหนักเข้ารอบเอเชี่ยนคัพ

'เสก โลโซ'ฟอร์มวงดนตรีใหม่ เตรียมขึ้นแสดงในงานนิทรรศการผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ครั้งที่ 54

ยกให้เป็นคนดีศรีอุดร! ชื่นชมแม่ทัพภาค 2 ศิษย์เก่าบ้านดุงวิทยา ส่งใจเชียร์ปกป้องชาติ

'วัดไพรพัฒนา'ไร้เงานักท่องเที่ยวกัมพูชา หลังปรับเปลี่ยนวันเวลาเปิด-ปิดด่านใหม่

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved