ท่ามกลางการประท้วงเดือดในสหรัฐฯ การใช้กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ (National Guard) จุดประเด็นถกเถียงเรื่องบทบาทที่ครอบคลุม ทั้งช่วยเหลือภัยพิบัติ รักษากฎหมาย และภารกิจทหารทั่วโลก สถานะกึ่งกลางระหว่างอำนาจผู้ว่าการรัฐและประธานาธิบดีทำให้เกิดคำถามถึงขอบเขตการใช้อำนาจ
การประท้วงต่อต้านนโยบายกวาดล้างผู้อพยพของสหรัฐฯ ในลอสแอนเจลิสดำเนินมาครบ 1 สัปดาห์เมื่อวันศุกรที่ผ่านมา (13 มิ.ย.) ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น เมื่อ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ 4,000 นาย และนาวิกโยธิน 700 นายลงพื้นที่ โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก แกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย
การเคลื่อนไหวนี้จุดประเด็นถกเถียงร้อนแรงในโซเชียลมีเดียของสหรัฐฯ ถึงความหมายของ "เสรีภาพ" ในดินแดนที่ร้องเพลงชาติว่าเป็น "ดินแดนแห่งเสรีชน" พร้อมสะกิดบาดแผลเก่าจากเหตุการณ์สังหารหมู่ปี 2513 ที่กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิยิงนักศึกษาประท้วงสงครามเวียดนาม เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 9 ราย
กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ (National Guard) คือใคร ?
กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ หรือ National Guard เป็นหน่วยทหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาทั้งจากผู้ว่าการรัฐและประธานาธิบดี แต่เดิม กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ มีรากฐานมาตั้งแต่ยุคอาณานิคม เริ่มต้นจากการเป็น "กองกำลังอาสาสมัครของชุมชน" หรืออีกชื่อเรียกว่า "Minutemen" พร้อมจะลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องตัวเองและชุมชนภายในเวลาอันสั้น
หลังการปฏิวัติอเมริกา ผู้ก่อตั้งสหรัฐฯ รักษาโครงสร้างนี้ไว้เพื่อป้องกันภัยจากกองทัพขนาดใหญ่ที่อาจคุกคามประชาธิปไตย
กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิและหน่วยสำรอง จะมีทั้งในกองทัพบกและอากาศ แต่ไม่มีในนาวิกโยธินหรือหน่วยยามฝั่ง การบังคับบัญชาของกองทัพอยู่ภายใต้กระทรวงกลาโหม ยกเว้นหน่วยยามฝั่งอยู่ภายใต้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิในยามสงบ กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิมีอยู่ประมาณ 450,000 นาย แบ่งเป็นกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิบก (Army National Guard) และกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิอากาศ (Air National Guard) ทำหน้าที่ทั้งในและนอกประเทศ
ปัจจุบัน กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิมีบทบาทหลากหลาย ตั้งแต่ช่วยเหลือภัยพิบัติ เช่น ไฟป่าในแคลิฟอร์เนีย พายุเฮอริเคน ไปจนถึงแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 รักษาความปลอดภัยชายแดน และสนับสนุนการเลือกตั้ง
ส่วนกองกำลังนาวิกโยธินที่ถูกเรียกตัวมาเสริมทัพในเหตุการณ์ประท้วงลอสแอนเจลิส เป็นหน่วยรบสะเทินน้ำสะเทินบกที่มีความเชี่ยวชาญด้านการยกพลขึ้นบกและปฏิบัติการในวิกฤตการณ์ มีหน่วยพิเศษอย่าง Special Purpose Marine Air-Ground Task Forces (MAGTF) สำหรับตอบสนองวิกฤต เช่น การปกป้องสถานทูตหรือช่วยเหลือภัยพิบัติ นอกจากนี้ยังมีหน่วย Marine Security Guard (MSG) รักษาความปลอยภัยสถานทูตทั่วโลก
แต่ประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดขณะนี้คือเรื่อง "อำนาจในการสั่งการ" โดยปกติแล้ว กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิของแต่ละรัฐจะอยู่ภายใต้การบัญชาการของผู้ว่าการรัฐนั้น ๆ ยกเว้น กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ที่ถูกโอนเข้าสังกัดรัฐบาลกลางจะอยู่ภายใต้การควบคุมของประธานาธิบดีโดยตรงเสมอ การโอน กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ เข้าสังกัดรัฐบาลกลางนี้เองที่ทำให้เกิดความยุ่งยาก โดยปกติแล้ว กฎหมายที่เรียกว่า Posse Comitatus Act จะห้ามไม่ให้ทหารภายใต้การบัญชาการของรัฐบาลกลาง ซึ่งรวมถึงกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิที่ถูกโอนสังกัดแล้ว ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ยังมีกฎหมายอีกฉบับหนึ่งที่เรียกว่า Insurrection Act ซึ่งเป็นกฎหมายช้างสารที่มอบอำนาจให้ประธานาธิบดีสามารถใช้กองกำลังทหาร รวมถึงกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิที่ถูกโอนสังกัดแล้ว เข้าไปทำหน้าที่รักษากฎหมายในประเทศได้ หากประธานาธิบดีเห็นว่ามีความวุ่นวายหรือการกบฏ ที่ทำให้ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ตามปกติ กฎหมายนี้เคยถูกใช้มาแล้วหลายครั้งในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ เช่น เมื่อ อดีตประธานาธิบดี ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ ใช้กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ เพื่อบังคับใช้การเลิกการแบ่งแยกสีผิวในโรงเรียนที่เมือง ลิตเติล ร็อค ในปี 2500 และถูกใช้ครั้งล่าสุดในปี 2535 ในช่วงเหตุจลาจลที่ลอสแอนเจลิสหลังจากกรณี ร็อดนีย์ คิง
หลังสงครามเวียดนาม กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิถูกปฏิรูปผ่านนโยบาย Total Force ในปี 2516 ทำให้เป็นกำลังสำคัญของกองทัพสหรัฐฯ โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์ 9/11 ที่ร้อยละ 40 ของทหารในอิรักและอัฟกานิสถานมาจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ อย่างไรก็ตาม การใช้กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิในประเทศ โดยเฉพาะการคุมประท้วง กลับสร้างความกังวล เนื่องจากกฎหมาย Posse Comitatus Act ห้ามทหารรัฐบาลกลาง รวมถึงกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิที่ถูกโอนจากรัฐ ทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย เว้นแต่จะใช้ กฎหมาย Insurrection Act 1807 ซึ่งให้อำนาจประธานาธิบดีส่งทหารปราบจลาจลหรือกบฏได้
ความขัดแย้งของอำนาจในลอสแอนเจลิส
การประท้วงในลอสแอนเจลิสปะทุจากการจับกุมผู้อพยพผิดกฎหมายโดยเจ้าหน้าที่สำนักงานเข้าเมืองและศุลกากร หรือไอซ์ (ICE) เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.นำไปสู่การปิดทางหลวงและปะทะกับตำรวจ ทรัมป์ตอบโต้ด้วยการส่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ 4,000 นาย โดยโอนอำนาจจากผู้ว่าการรัฐสู่นายพล สแตนลีย์ แมคคริสตัล แห่งกองทัพสหรัฐฯ และส่งนาวิกโยธิน 700 นายจาก Camp Pendleton เข้าสมทบ
นิวซัมเรียกการกระทำนี้ว่า "การละเมิดอธิปไตยรัฐ" และยื่นฟ้องศาลรัฐบาลกลางเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ขอคำสั่งห้ามทหารลงพื้นที่ ต่อมา ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ ซึ่งประจำอยู่ที่นครซานฟรานซิสโกออกคำสั่งในวันพฤหัสบดี (12 มิ.ย.) ห้ามประธานาธิบดีทรัมป์ ส่งกำลังทหารกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ เข้าไปประจำการในนครลอสแอนเจลิส อย่างไรก็ดี ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9 ของสหรัฐฯ อนุญาตให้ทรัมป์ ยังคงส่งกำลังทหารกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเข้าประจำการในนครลอสแอนเจลิสต่อไปได้ เป็นการระงับคำตัดสินของศาลชั้นต้นที่สั่งห้ามการระดมกำลังพลดังกล่าวเป็นการชั่วคราว
ทรัมป์ยืนยันการตัดสินใจ เขาอ้างว่า ลอสแอนเจลิสกำลังถูกศัตรูต่างชาติบุกรุก และกล่าวหานิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย กับ คาเรน แบสส์ นายกเทศมนตรีลอสแอนเจลิส ว่าสนับสนุนนักยุยงและกบฏโดยไม่มีหลักฐาน การใช้ถ้อยคำของทรัมป์ชวนให้นึกถึง Insurrection Act ซึ่งเขาเคยขู่ใช้ในปี 2563 แต่ในครั้งนี้ เขายังไม่ต้องใช้กฎหมายดังกล่าว เพราะกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิถูกส่งในฐานะ 'ผู้ปกป้องเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง' ซึ่งจำกัดอำนาจการจับกุม
ขณะนี้การประท้วงลามไปกว่า 10 เมือง เช่น ซานฟรานซิสโก, ซีแอตเทิล, นิวยอร์ก และดัลลัส โดยเฉพาะในเมืองหลบภัย (Sanctuary Cities) ที่มีผู้อพยพจำนวนมาก แคลิฟอร์เนียมีผู้อพยพกว่า 10 ล้านคน หรือ 1 ใน 4 ของประชากรรัฐ การกวาดล้างของ ICE ที่จับผู้อพยพกว่า 100,000 คนใน 4 เดือนยิ่งเพิ่มความโกรธแค้น
ชาวเน็ตหลายคนแสดงความกังวลว่าการกระทำเหล่านี้กำลังผลักดันประเทศไปสู่ "ฟาสซิสต์" หรือระบบที่รัฐบาลใช้อำนาจอย่างเด็ดขาดและจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน พวกเขามองว่ารัฐบาลกำลังพยายามปิดปากประชาธิปไตยและละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญข้อแรก (First Amendment) และมีบางส่วนที่หยิบยกประเด็นการแก้กฎหมาย (Second Amendment) ที่อนุญาตให้ประชาชนมีสิทธิในการถือครองอาวุธ เพื่อปกป้องตนเองจากรัฐบาลที่ใช้อำนาจกดขี่ ซึ่งเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนและอันตรายมาก
โดย ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี