อุณหภูมิ 15 องศาเซลเซียส และ 35 องศาเซลเซียส คืออุณหภูมิของเมืองฮาร์บินและกรุงเทพฯ ในเดือนพฤษภาคม และกว่า 4,000 กิโลเมตร คือระยะห่างของการบินระหว่างสองเมืองดังกล่าว ทว่าความแตกต่างทางอุณหภูมิและความห่างไกลนับพันกิโลเมตรนี้ไม่ได้หยุดยั้งความนิยมชมชอบ “อาหารไทย” ในเมืองแห่งน้ำแข็งอย่างฮาร์บินในมณฑลเฮยหลงเจียงทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน
บูธแสดงสินค้าไทย ณ งานแสดงสินค้าทางเศรษฐกิจและการค้านานาชาติฮาร์บิน ครั้งที่ 34 ได้ต้อนรับผู้คนมากหน้าหลายตาเข้าเยี่ยมชมตั้งแต่เปิดต้อนรับสาธารณชนเมื่อวันอาทิตย์ (18 พ.ค.) โดยมีกลิ่นหอมอบอวลของข้าวหอมมะลิ เสริมด้วยเมนูผัดไทยและข้าวเหนียวมะม่วงจากฝีมือเชฟ “จิ้งตง” คอยดึงดูดความสนใจ ซึ่งอาหารไทยนั้นถือเป็นดาวเด่นอีกดวงหนึ่งนับตั้งแต่ไทยเข้าร่วมงานนี้ครั้งแรกในปี 2009
จิ้งตง วัย 30 ปีกว่า ซึ่งเป็นเชฟอาหารไทยมานาน 16 ปีแล้ว ปัจจุบันประจำอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่มีลูกค้าในช่วงสุดสัปดาห์เฉลี่ย 200-300 โต๊ะต่อวัน เผยว่า สิ่งสำคัญคือการสร้างสมดุลของรสชาติอาหารจากเมืองร้อนกับคนกินที่อยู่เมืองหนาว ส่วนสิ่งที่ยากที่สุดในการเอาชนะใจคนฮาร์บินคือ “ข้าว” เพราะภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนเป็นแหล่งปลูกข้าวเมล็ดใหญ่เนื้อแน่นแตกต่างจากข้าวหอมมะลิของไทยอย่างมาก
หญิงแซ่หวัง นักท่องเที่ยวจากฮาร์บินที่ต่อคิวรับข้าวเหนียวมะม่วง แสดงความเห็นว่า ข้าวหอมมะลิของไทยเหมาะจะรับประทานคู่กับผลไม้เพราะเมล็ดเล็กและเหนียวนุ่ม ส่วนข้าวของภูมิภาคจีนตะวันออกเฉียงเหนือหรือข้าวตงเป่ยเหมาะจะรับประทานคู่กับกับข้าวมื้อหลัก ซึ่งรสนิยมเช่นนี้ของคนท้องถิ่นส่งผลให้ร้านอาหารไทยบางส่วนในฮาร์บินเลือกเสิร์ฟข้าวตงเป่ยด้วย
รัตนภรณ์ ศรีจิตรเพชร หรือหลี่เหวินจิ้ง ผู้ดูแลบูธแสดงสินค้าไทย กล่าวว่า คนที่นี่ไม่ค่อยชอบกินข้าวหอมมะลิหุงสุก เธอจึงคิดหาวิธีส่งเสริมการขายข้าวหอมมะลิด้วยการประยุกต์เอาข้าวหอมและข้าวเหนียวของไทยมาหุงรวมและต้มเป็นโจ๊ก ซึ่งมีรสชาติหวานละมุนถูกปากจนมีลูกค้าแวะเวียนมาชิมกันหลายคน ทำให้รสหวานกลายเป็นเคล็ดลับไปแล้ว
ด้าน “ไท่เซียงเล่อ” ร้านอาหารที่เชฟจิ้งตงทำงานอยู่ ได้เปิดขายเมนูต้มยำกุ้งหม้อไฟในช่วงเดือนตุลาคม-พฤษภาคม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการอาหารร้อนๆ สร้างความอบอุ่นยามฮาร์บินอยู่ในฤดูหนาวอันยาวนานที่อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียสนานราว 7 เดือน หรือบางทีอากาศหนาวเย็นจัดจนอุณหภูมิ -30 องศาเซลเซียส
นอกจากนั้น “ไท่หลานเซียง” ร้านอาหารไทยอีกแห่งในฮาร์บิน ได้เปิดขายเมนู “ต้มเล้งแซ่บภูเขาไฟ” ที่ใส่น้ำปลาน้อยลง เพื่อปรับรสชาติตามความนิยมของคนท้องถิ่นที่ไม่คุ้นชินกับกลิ่นคาวอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของน้ำปลา แต่หากเป็นลูกค้าชาวไทย เมนูนี้จะถูกปรุงรสชาติให้ได้ตามต้นตำรับความแซ่บเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ดี อาหารไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนเผชิญปัญหาเรื่องราคาและปริมาณ โดยอาหารตงเป่ยนั้นขึ้นชื่อเรื่องให้เยอะจนอิ่มแน่ ประกอบกับคนตงเป่ยให้ความสำคัญกับราคาด้วย จึงอาจเกิดอาการลูกค้าเบือนหน้าหนีได้ หากเห็นว่าให้ปริมาณน้อยแถมราคาสูงอีก
อย่างไรก็ดี เชฟจิ้งตงสำทับว่า เพื่อรับประกันรสชาติที่ดี ร้านไท่เซียงเล่อที่เขาทำงานอยู่ยังคงยืนกรานใช้วัตถุดิบนำเข้า แม้ลูกค้าที่เข้ามารับประทานจะต้องจ่ายเฉลี่ย 90 หยวน (ราว 413 บาท) ต่อคน ซึ่งสูงกว่าการรับประทานอาหารตงเป่ยที่จ่ายเฉลี่ย 30-50 หยวน (ราว 137-229 บาท) ต่อคน โดยเชฟจิ้งตงเสริมว่า “แค่เปลี่ยนน้ำกะทิ รสชาติก็เพี้ยนแล้ว”
เชฟจิ้งตงทิ้งท้ายว่าเขาหวังจะเปิดร้านอาหารไทยของตัวเองในอนาคต และเชื่อมั่นว่าตลาดยังคงต้องการทักษะทำอาหารไทยของเขาต่อไป
ทั้งนี้ งานแสดงสินค้าทางเศรษฐกิจและการค้านานาชาติฮาร์บิน ครั้งที่ 34 ในเมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียงทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งจัดขึ้นวันที่ 17-22 พ.ค. มีบริษัทผู้ประกอบการจาก 38 ประเทศและภูมิภาค รวมถึงมณฑล เขตปกครองตนเอง และเทศบาลนครของจีน 23 แห่ง จำนวนกว่า 1,500 แห่ง เข้าร่วมจัดแสดงสินค้ามากมาย
รายงานระบุว่า ไทยและมองโกเลียได้รับเชิญเป็น “ประเทศเกียรติยศ” ประจำงานครั้งนี้เป็นครั้งแรก และคาดว่าจะมีผู้ซื้อระดับมืออาชีพจากทั้งในประเทศและต่างประเทศมากกว่า 3,000 ราย ซึ่งก่อให้เกิดพื้นที่แห่งความร่วมมืออันหลากหลายระหว่างผู้จัดแสดงและผู้ค้าของจีนและต่างชาติ
ขอบคุณเนื้อหา จากสำนักข่าวซินหัวไทย
โดย ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี