ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีในฐานะซีอีโอของเทสลา (Tesla) และ สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) เคยมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกันมาก ถึงขั้นที่มัสก์บริจาคเงินสนับสนุนหลายร้อยล้านดอลลาร์ รวมถึงช่วยหาเสียงจนมีส่วนทำให้ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีที่แล้ว และเข้าไปช่วยงานการเมืองให้ประธานาธิบดีทรัมป์ในรัฐบาลชุดนี้ โดยเป็นผู้นำของกระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล (DOGE) ซึ่งมีเป้าหมายในการลดการใช้จ่ายของรัฐบาล ก่อนที่เขาจะถอนตัวในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม แต่ทั้งคู่ก็แตกคอกันในเวลาต่อมา จนนำไปสู่การเปิดศึกวิวาทะกันแบบไม่มีใครยอมใครเมื่อต้นเดือนมิถุนายน ก่อนจะลดอุณหภูมิความขัดแย้งลงชั่วคราว
แต่ล่าสุด ทั้งคู่เปิดฉากตอบโต้กันรอบใหม่ ชนวนเหตุจากการที่มัสก์ออกมาวิจารณ์ร่างกฎหมายลดภาษีและการใช้จ่ายที่ผู้นำสหรัฐฯ เรียกว่าร่างกฎหมายที่ยิ่งใหญ่และงดงาม (One Big Beautiful Act) ซึ่งผ่านการอนุมัติจากวุฒิสภาแล้ว และกำลังรอการรับรองจากสมาชิกสภาผู้แทนราฎรในวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น มัสก์ให้เหตุผลว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้มีแนวโน้มจะเพิ่มหนี้สาธารณะอีก 3.3 ล้านล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันที่สหรัฐฯ แบกหนี้สินรวมมากถึง 36.2 ล้านล้านดอลลาร์อยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ร่างกฎหมายนี้จะยกเลิกมาตรการจูงใจด้านพลังงานสะอาดของอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน หมายความว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ของมัสก์ จากการยกเลิกเงินอุดหนุน 7,500 ดอลลาร์ที่ให้กับผู้ซื้อรถ EV ทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่จะตัดเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลางทั้งหมดที่มอบให้กับบริษัทของมัสก์ ทั้งเทสลาและสเปซเอ็กซ์ ด้านมัสก์ก็ไม่ยอมง่ายๆ ขู่จะตั้งพรรคใหม่ขึ้นมาท้าชนกับรีพับลิกัน
ความสัมพันธ์ที่พลิกผันทำให้ตลาดมีความกังวล ซึ่งสะท้อนผ่านราคาหุ้นของเทสลา ที่เคยพุ่งสูงทำสถิติ 479.86 ดอลลาร์ต่อหุ้น หลังประธานาธิบดีทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง กลับดิ่งลงมาเคลื่อนไหวแถวกว่า 300 ดอลลาร์ในขณะนี้ โดยนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ราคาหุ้นของเทสลา ลดลงแล้วร้อยละ 22 ถือเป็นผลงานที่ย่ำแย่สุดเมื่อเทียบกับบรรดาบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐฯ แต่มูลค่าตลาด (market cap) ยังคงอยู่แถว 1 ล้านล้านดอลลาร์
ราคาหุ้นที่ลดลงดังกล่าวส่งผลให้ความมั่งคั่งของมัสก์ลดลงด้วย ข้อมูลจาก Bloomberg Billionaires Index ระบุว่า ความมั่งคั่งสุทธิของมัสก์ ลดลงมากถึง 33,900 ล้านดอลลาร์ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่ขัดแย้งกันในรอบแรก การลดลงเกิดจากหลายปัจจัย อาทิ ราคาหุ้นของเทสลา ที่ขณะนั้นลดลงร้อยละ 14 และความตึงเครียดระหว่างมัสก์กับประธานาธิบดีทรัมป์ อย่างไรก็ตาม แม้จะรวยลดลง แต่มัสก์ยังคงเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลก แม้ความมั่งคั่งของมัสก์จะหายไปแล้วราว 71,000 ล้านดอลลาร์ จากที่มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของเขาเคยพุ่งทำสถิติที่ 486,000 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นมหาเศรษฐีคนแรกที่รวยทะลุหลัก 400,000 ล้านดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากราคาหุ้นที่พุ่งสูงขึ้นของเทสลา และการประเมินมูลค่าที่สูงของสเปซเอ็กซ์
ขณะเดียวกัน บริษัทเทสลากำลังเผชิญความท้าทายหลายเรื่องที่ประเดประดังเข้ามา นอกเหนือจากกระแสต้านที่เกิดจากการเข้าไปทำงานการเมืองของมัสก์ ที่กระทบยอดขายและชื่อเสียงแล้ว เทสลาก็เผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด EV ทั่วโลก ข้อมูลล่าสุด ระบุว่า ยอดส่งมอบรถ EV ของเทสลาลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 384,122 คัน ลดลงร้อยละ 13.5 เมื่อเทียบกับ 443,956 คัน ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เป็นการลดลงต่อเนื่องจากยอดส่งมอบในไตรมาสแรกปีนี้ที่อยู่ที่ 336,681 คัน ลดลงร้อยละ 13 เมื่อเทียบรายปี
เทสลาเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงโดยเฉพาะจากผู้ผลิตรถ EV ของจีน ซึ่งทยอยออกรถรุ่นใหม่และราคาจับต้องได้มากกว่า ขณะที่รถของเทสลาไม่ค่อยมีรุ่นใหม่ ๆ ลูกค้าบางส่วนเลื่อนการสั่งซื้อเพื่อรอรุ่น Model Y SUV เวอร์ชันปรับปรุงใหม่ที่เริ่มจัดส่งในเดือนมีนาคม การที่เทสลาจะบรรลุเป้าหมายในการกลับมาเติบโตอีกครั้งในปีนี้ บริษัทจะต้องส่งมอบรถยนต์มากกว่า 1 ล้านคันในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่และเป็นความท้าทายอย่างมาก ถึงแม้ว่าตามปกติแล้วยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังจะแข็งแกร่งขึ้นก็ตาม
วอชิงตัน โพสต์ ระบุว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มัสก์และธุรกิจของเขาได้รับเงินจากการทำสัญญากับรัฐบาล รวมถึงเงินกู้ เงินอุดหนุน และเครดิตภาษี รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 38,000 ล้านดอลลาร์ แต่จำนวนเงินทั้งหมดอาจมากกว่านี้ เพราะตัวเลขนี้รวมเฉพาะสัญญาที่เปิดเผยต่อสาธารณะเท่านั้น ขณะที่งานด้านการป้องกันประเทศและข่าวกรองเป็นความลับของรัฐบาลกลาง สัญญาของรัฐบาลที่ทำกับสเปซเอ็กซ์ ผ่านองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือนาซา และกระทรวงกลาโหมถือเป็นเงินส่วนใหญ่ ส่วนเทสลา ได้รับเงินอุดหนุนด้านกฎระเบียบมูลค่า 11,400 ล้านดอลลาร์จากโครงการของรัฐบาลกลางและมลรัฐที่มุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงยอดขายของบริษัทได้รับแรงหนุนจากมาตรการลดหย่อนภาษีรถ EV ของรัฐบาลกลาง ที่อุดหนุนเงิน 7,500 ดอลลาร์สำหรับผู้ซื้อรถ
แน่นอนว่า หากรัฐบาลทรัมป์ยกเลิกมาตรการนี้ก็จะส่งผลกระทบอย่างมาก เจพี มอร์แกน ประเมินว่า การยกเลิกเงินอุดหนุนรถ EV อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของเทสลามากถึง 1,200 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณร้อยละ 17 ของรายได้จากการดำเนินงานในปี 2567 และจะกระทบต่อการขายเครดิตคาร์บอนอีกราว 2,000 ล้านดอลลาร์
ความบาดหมางระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ และมัสก์ ยังอาจทำให้เกิดความท้าทายใหม่ต่ออาณาจักรธุรกิจของมัสก์ ซึ่งมากกว่าการไม่จ่ายเงินอุดหนุนรถ EV โดยเฉพาะเมื่อเทสลาที่เป็นแหล่งรายได้หลัก กำลังหันไปเดิมพันกับความสำเร็จของระบบแท็กซี่ไร้คนขับ (robotaxi) ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการทดสอบในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส เพื่อทดแทนยอดขาย EV ที่ชะลอตัว ดังนั้น การขยายธุรกิจแท็กซี่ไร้คนขับจะเกิดขึ้นได้รวดเร็วแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับกฎระเบียบเกี่ยวกับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติทั้งในระดับมลรัฐและรัฐบาลกลาง
แม้เทสลา จะเกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ แต่สเปซเอ็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอากาศยานที่มีมูลค่า 350,000 ล้านดอลลาร์ กลับต้องพึ่งพาสัญญาจากรัฐเพื่อสนับสนุนธุรกิจมากกว่า ซึ่งหลายปีมานี้ สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับภารกิจสำรวจดวงจันทร์ และใช้บริการจรวดของสเปซเอ็กซ์ ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับผลกระทบอย่างมาก ประเมินว่า นับตั้งแต่ปี 2543 สเปซเอ็กซ์ได้ทำสัญญามูลค่ารวม 22,000 ล้านดอลลาร์ จากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และนาซา
นอกจากนี้ ยังไม่รวมถึงธุรกิจอื่น ๆ ที่อาจเผชิญความเสี่ยง ทั้งแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X, บริษัทปัญญาประดิษฐ์ xAI และบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีเชื่อมสมองมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ นิวรัลลิงก์ (Neuralink) ต่างก็เผชิญการกำกับดูแลจากรัฐบาลกลาง
เพิ่มความเสี่ยงว่า มัสก์จะแตกหักกับทรัมป์ต่อหรือไม่ หรือหลังจากนี้ จะยอมลดวิวาทะเดือดกลับมาฟื้นสัมพันธ์ เพื่อประคองอาณาจักรธุรกิจของเขาให้อยู่รอดต่อไปได้
ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี