มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ร่วมรณรงค์การส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ใน “สัปดาห์นมแม่โลก 2567” วันที่ 1-7 สิงหา คมนี้ หนุน “นมแม่ล้วน 6 เดือนแรก ไม่ต้องเสริมน้ำ” สร้างคุณภาพเด็กไทยเริ่มด้วย “นมแม่” โดย องค์กรพันธมิตรโลกเพื่อการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ หรือ  WABA : World Alliance for Breastfeeding Actions ได้กำหนดคำขวัญสัปดาห์นมแม่โลกปีนี้คือ  Prioritize Breastfeeding: Create Sustainable Support Systems หรือ “เอาใจใส่นมแม่ สร้างระบบสนับสนุนอย่างยั่งยืน”

แพทย์หญิงศิริพร กัญชนะ ประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า องค์กรพันธมิตรโลกเพื่อการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ หรือ WABA ได้กำหนดให้ทุกวันที่ 1-7 สิงหาคมของทุกปีเป็น “สัปดาห์นมแม่โลก” เพื่อกระตุ้น ชี้ชวนให้ประชาคมโลกเห็นความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และร่วมกันผลักดันให้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นวาระของคนทั้งโลก ตาม ปฏิญญาอินโนเซนติ (Innocenti Declaration) ซึ่งเป็นข้อตกลงของนานาชาติตั้งแต่ คศ.1990 ในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทั่วโลก ทำให้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นบรรทัดฐานสากล(Global Norm)  เพื่อให้เด็กได้รับอาหารที่ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับร่างกาย จิตใจ และสมอง ในวัยเริ่มแรกของชีวิต และการมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว

“คำขวัญสัปดาห์นมแม่โลกปีนี้ เน้นย้ำถึงความสำคัญการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และการช่วยกันสร้างระบบสนับสนุนที่ยั่งยืน ในทุกระดับ ตั้งแต่ความพร้อมของแม่ ครอบครัว โรงพยาบาล ชุมชน และนโยบายระดับประเทศ เพื่อให้แม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้อย่างประสบความสำเร็จ โดย การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในระยะ 6 เดือนแรกของชีวิต เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดภาวะโภชนาการระดับโลก ( Global Nutrition Initiative) ที่ทุกประเทศต้องร่วมกันขับเคลื่อนเพื่อก้าวสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)  โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ร้อยละ 50 ซึ่งจากการสำรวจสถานการณ์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของประเทศไทย( MICS 2565) พบว่าไทยมีอัตราการการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน อยู่เพียงร้อยละ 28.6 ในขณะที่พบว่ามีทารกที่ได้รับนมแม่ควบคู่กับน้ำและเครื่องดื่มที่มีน้ำเป็นส่วนผสมมีจำนวนมากถึงร้อยละ 45.3 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 42.1 ใน พ.ศ. 2562 ทำให้อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวร้อยละ 50 ของเราจึงยังไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ยังมีช่องว่างในเรื่องความรู้และความเข้าใจที่จำเป็นต้องเร่งรัดช่วยกันแก้ไข”

 ผศ.ดร.จริยา วิทยะศุภร  ผู้จัดการโครงการสานพลังภาคีสร้างสุขภาวะเด็กด้วยนมแม่และการเลี้ยงดูคู่เรียนรู้ กล่าวเสริมว่าปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุข มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย และภาคีเครือข่ายได้มีการขับเคลื่อนนโยบายการปกป้องสนับสนุนการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ด้วยการบังคับใช้ พรบ.ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก พ.ศ.2560 ควบคู่ไปกับการพัฒนามาตรฐานโรงพยาบาลสายสัมพันธ์แม่ลูก(BFHI) เร่งผลักดันขยายสิทธิลาคลอดจาก 98 วัน เป็น 180 วัน สร้างสิ่งแวดล้อมที่สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทั้งในสถานประกอบการและชุมชน ขับเคลื่อนคลินิกนมแม่ และพัฒนาศูนย์เด็กอายุต่ำกว่า3ปี ส่งเสริมนมแม่และการเลี้ยงดูคู่เรียนรู้ เพื่อช่วยลูกได้ดูดนมแม่อย่างถูกวิธีและแม่มีนมให้ลูกก่อนกลับบ้าน

 “เป้าหมายเด็กไทยได้กินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน และกินนมแม่ควบคู่กับอาหารตามวัยจนถึง 2 ปีหรือนานกว่า เป็นการวางรากฐานสุขภาวะและคุณภาพชีวิตให้กับเด็กไทย ช่วงสัปดาห์นมแม่โลกในปีนี้จึงได้นำเอาประเด็น ‘นมแม่ล้วน 6 เดือนแรกไม่ต้องเสริมน้ำ’ มารณรงค์ให้สังคมไทยเกิดความตระหนักและเห็นความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่  ผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิการจัดรายการ สถานีนมแม่  ทุกวันพฤหัสบดีของแต่ละสัปดาห์ ในเวลา 20.30-21.30 น.ต่อเนื่องไปจนถึงเดือนตุลาคม การสร้าง Influencer นมแม่ในภูมิภาคต่างๆ การพัฒนา Website ให้เป็นแหล่งเข้ามาเรียนรู้ และอื่นๆ เพื่อช่วยปิดช่องว่าง สร้างสังคมนมแม่ถ้วนหน้า เพื่อให้แม่สามารถให้นมแม่ล้วน 6 เดือนแรก ไม่ต้องเสริมน้ำได้สำเร็จ”

ติดตามรายการ “สถานีนมแม่” ที่ได้ Facebook เพจมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย และ เพจนมแม่ สำหรับแม่ที่กำลังตั้งครรภ์-หลังคลอด สามารถศึกษาหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพื่อเตรียมตัวอย่างถูกต้องได้ที่ www.thaibf.com หรือดาวน์โหลด Application : Everyday Doctor ของกรมอนามัยที่เปิดคลินิกนมแม่ออนไลน์ เพื่อให้คำปรึกษาแม่ที่มีปัญหาในการให้นมแม่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง