สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ร่วมกับสมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ไทย (THPCA) และสมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ฮ่องกง (HKPCA) ประกาศยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ด้านแผ่นวงจรพิมพ์ (PCB) และเซมิคอนดักเตอร์แห่งภูมิภาคเอเชีย ผ่านการจัดงาน Thailand Electronics Circuit Asia (THECA 2025) ซึ่งเป็นเวทีแสดงสินค้าและบริการวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ครอบคลุมอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ งานนี้ตอกย้ำความเชื่อมั่นในศักยภาพของไทยในการก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีขั้นสูงของภูมิภาค

นายนฤชา ฤชุพันธุ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และเจ้าภาพการจัดงาน THECA 2025 เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 การลงทุนในประเทศไทยยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า มีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 125,786 ล้านบาท จาก 268 โครงการ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ยังคงเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนความเชื่อมั่นในประเทศไทยในฐานะ "จุดยุทธศาสตร์แห่งอาเซียน" บีโอไอเชื่อว่า กุญแจสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ใช่แค่การส่งเสริมเงินลงทุน แต่ต้องประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงและซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้อง การสนับสนุนทางด้านนโยบายจากภาครัฐ และ การเร่งพัฒนาบุคลากรคุณภาพอย่างเป็นระบบ

งาน THECA 2025 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20–22 สิงหาคม พ.ศ. 2568 ณ ไบเทค บางนา กรุงเทพฯ บนพื้นที่ 12,000 ตารางเมตร โดยมีการจัด BOI Forum ภายใต้หัวข้อ "Building the Future: Investment Policies Shaping Thailand’s Advanced Electronics and Semiconductor Ecosystem" เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน และแสดงให้เห็นถึงระบบนิเวศอิเล็กทรอนิกส์ที่ครบถ้วนสมบูรณ์ของไทย

นายพิธาน องค์โฆษิต นายกสมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ไทย (THPCA) และประธานจัดงาน THECA 2025 ได้ย้ำถึงบทบาทสำคัญของประเทศไทยในการเป็น "ศูนย์กลางการผลิตและนวัตกรรมอิเล็กทรอนิกส์แห่งเอเชีย" โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม PCB ซึ่งเป็นหัวใจหลักของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด สมาคมฯ มีบทบาทสำคัญในการรวบรวมผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศเพื่อพูดคุยและประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐเพื่อขอรับการสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่เอื้อต่ออุตสาหกรรม

นายพรพิสิทธิ์ นิติสุพรรัตน์ ผู้อำนวยการ สมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ไทย ได้ให้มุมมองเพิ่มเติมว่าอุตสาหกรรม PCB มีความเฉพาะทางและซับซ้อนอย่างมาก และมี “มูลค่าเพิ่มสูงกว่า” อุตสาหกรรมยานยนต์หรือไฟฟ้าทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสายไฟที่ไม่ซับซ้อน ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้มหาศาล สมาคมฯ จึงต้องการสื่อสารกับภาครัฐเพื่อให้มีนโยบายที่เอื้อต่ออุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงนี้

กลยุทธ์ของสมาคมฯ ครอบคลุม 3 มิติ ได้แก่

1.            การสร้างห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่แข็งแกร่ง เชื่อมโยงอุตสาหกรรมต้นน้ำ (ผู้ผลิตสารเคมี, วัสดุตั้งต้น), กลางน้ำ (ผู้แปรรูปวัตถุดิบเป็น PCB, ผู้ผลิตเครื่องจักร), และปลายน้ำ (การประกอบขั้นสุดท้าย, การทดสอบคุณภาพ) ให้ครบวงจร ซึ่งจะลดความเสี่ยงจากสถานการณ์โลกที่ผันผวน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน

2.            การเชิญชวนบริษัทชั้นนำจาก 11 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วมจัดแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจในงาน THECA 2025 ซึ่งตอกย้ำความได้เปรียบของไทยทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน ต้นทุนที่แข่งขันได้ และแรงงานคุณภาพสูง

3.            การยกระดับระบบนิเวศอิเล็กทรอนิกส์ของไทย ผ่านความร่วมมือแบบบูรณาการระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันวิจัย เพื่อรองรับความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านมาตรฐานสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีขั้นสูง และความคาดหวังของลูกค้าในยุคดิจิทัล

นายลูเธอร์ หว่อง รองนายกสมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ฮ่องกง (HKPCA) และผู้ร่วมจัดงาน THECA 2025 เน้นย้ำว่า การผลิตแบบคาร์บอนต่ำ การปฏิบัติตามหลัก ESG และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็น "เงื่อนไขสำคัญ" สำหรับผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์และ PCB ที่ต้องการอยู่รอดในเวทีโลก

โดยหนึ่งไฮไลต์ของงานปีนี้ คือ กิจกรรม Job Fair ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษา ผู้จบใหม่ รวมถึงผู้ที่มีประสบการณ์ ได้พบกับบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์โดยตรง ทั้งในกลุ่ม PCB, PCBA และ EMS พบโอกาสที่ได้พูดคุยกับตัวแทนบริษัท เพื่อเสริมสร้างโอกาสในการมีงานทำ และสร้างแรงจูงใจให้บุคลากรรุ่นใหม่เข้าสู่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง

ในฐานะที่เป็นปัจจัยสำคัญในการยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางอิเล็กทรอนิกส์ของเอเชีย การพัฒนาบุคลากรคุณภาพถือเป็นหัวใจหลักที่ไม่สามารถละเลยได้ เพื่อตอบรับความต้องการบุคลากรที่มีทักษะเฉพาะทางและพร้อมทำงานในโรงงานเทคโนโลยีสูง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร (MUT) ได้รับการแต่งตั้งจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ให้เป็น ศูนย์ฝึกอบรมเซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ (National Semiconductor Training Center) ซึ่งเป็นหนึ่งในสามแห่งที่สำคัญของประเทศ

รองศาสตราจารย์ ดร. ภานวีย์ โภไคยอุดม อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ได้กล่าวถึงความร่วมมือกับสมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ไทยในงาน THECA 2025 เพื่อแสดงความพร้อมในการ ผลิตกำลังคน เข้าสู่ระบบนิเวศของอุตสาหกรรมนี้อย่างเป็นรูปธรรม อธิการบดี ยังเน้นย้ำว่าการมีกำลังคนที่มีความพร้อมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากขาดแคลน โรงงานที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ก็อาจย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่นที่มีความพร้อมกว่าได้

รัฐบาลไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของการมีบุคลากรที่มีความพร้อม โดยได้ประกาศเป้าหมายเชิงรุกที่จะผลิตบุคลากรด้านเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงให้ได้ถึง 80,000 คน ภายใน 5 ปี เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว มีการวางกลยุทธ์การพัฒนากำลังคนในระยะต่างๆ อย่างเป็นระบบ

ระยะสั้น: เน้นการ Upskill และ Reskill บุคลากรเดิมที่มีอยู่ประมาณ 60,000 คน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังถูก Disrupted (เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป) เพื่อให้สามารถเปลี่ยนผ่านและเข้าสู่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงและเซมิคอนดักเตอร์ได้ภายในระยะเวลาเพียง 6 เดือน

นอกจากนี้ยังมีโครงการสหกิจศึกษาและการฝึกงานระยะเวลา 1 ปี เพื่อเตรียมความพร้อมให้บุคลากรได้ปฏิบัติงานจริง อุตสาหกรรมนี้มีความต้องการบุคลากรที่หลากหลาย ไม่ได้จำกัดอยู่แค่วิศวกรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้จบสายวิทยาศาสตร์ (เช่น เคมีและฟิสิกส์) และผู้ที่มีความรู้ด้านบริหารธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซัพพลายเชนและการค้าระหว่างประเทศ

สอดคล้องกับที่ ดร.วุฒินันท์ เจียมศักดิ์ศิริ นักวิจัยอาวุโส ศูนย์เทคโนโลยีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ได้เน้นย้ำถึงความต้องการ 'นักคิด-นักแก้ปัญหา' ที่เข้าใจกระบวนการทั้งระบบ และการ "เปลี่ยน Mindset จากแรงงานผลิต เป็นแรงงานเทคโนโลยี" โดยเฉพาะในสายการผลิต PCB ที่เชื่อมโยงกับ AI Server, 5G Satellite และระบบยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งต้องการบุคลากรที่สามารถควบคุมระบบอัตโนมัติ แก้ไขข้อบกพร่องแบบ real-time และมี Soft Skill ด้านคุณภาพและความคิดสร้างสรรค์

ระยะกลาง: กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้จัดทำ หลักสูตร Sandbox Semiconductor และ Advanced Electronics ซึ่งใช้ระยะเวลาเรียน 3 ปีครึ่ง โดยมีมหาวิทยาลัย 15 แห่งที่เปิดสอน (เริ่มดำเนินการแล้ว 5 แห่ง) และมหานครได้ร่วมกับ THPCA ในการออกแบบหลักสูตรให้ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง

ระยะยาว: มุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรระดับปริญญาเอกและนักวิจัย โดยมหานครได้รับการสนับสนุนจาก อว. ให้ไปเปิดศูนย์วิจัยเซมิคอนดักเตอร์ที่ Imperial College of London ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำอันดับ 2 ของโลกที่เน้นด้านเซมิคอนดักเตอร์

ความท้าทายหลักประการหนึ่งที่ต้องเร่งแก้ไขคือการที่เด็กไทยเรียนสาย STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์) ในสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนามและจีน ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลตระหนักดี อย่างไรก็ตาม มีความเชื่อมั่นว่าผู้ที่จบสาย STEM ในอนาคตจะมีคุณค่าและได้รับการสนับสนุนมากขึ้นจากทั้งภาครัฐและภาคอุตสาหกรรม เพราะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาประเทศ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจให้เด็กไทยสนใจเรียนสาย STEM มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมแห่งอนาคตอย่างยั่งยืน

นายพรพิสิทธิ์ นิติสุพรรัตน์ ผู้อำนวยการ สมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ไทย ได้เสริมจากมุมมองของภาคเอกชนว่า ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในโรงงานเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานแล้ว แม้กระทั่งก่อนที่การลงทุนจากต่างประเทศจะเข้ามา ทำให้พนักงานและบุคลากรที่มีคุณสมบัติเหมาะสมหาได้ยากขึ้นเรื่อยๆ โดย นายเสวก ประกิจฤทธานนท์ อุปนายกและเลขานุการสมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ไทย และประธานศูนย์แผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ไทย ได้ย้ำว่า "วันนี้เราไม่ขาดโรงงาน แต่เราขาดคนที่พร้อมทำงานในโรงงานเทคโนโลยีสูง" เพื่อแก้ไขปัญหานี้ สมาคมฯ จึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคการศึกษาเพื่อผลิตบุคลากรที่มีความเหมาะสม ในอดีตไม่มีหลักสูตรเฉพาะทางที่สามารถป้อนแรงงานเข้าสู่อุตสาหกรรม PCB ได้โดยตรง แต่ปัจจุบันมีการพูดคุยและเริ่มจัดหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อให้บัณฑิตใหม่สามารถเข้าสู่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ได้โดยไม่ต้องมีการปรับตัวมากนัก

การเชื่อมโยงงานวิจัยสู่การผลิตจริงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ศูนย์เทคโนโลยีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (TMEC: Thailand Microelectronics Center) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยด้านไมโครอิเล็กทรอนิกส์ระดับแนวหน้า ได้ร่วมออกแบบหลักสูตร เครื่องจักร และแนวทางการฝึกอบรมกับภาคอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดการเรียนรู้แบบ Hands-on Training ที่ตรงกับความต้องการของผู้ผลิต PCB และ Semiconductor [12, 15.4]. โดยมี ศูนย์แผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ไทย (TECC:Thailand Electronics Circuit Center) ที่ถูกออกแบบให้เป็น "สนามฝึกจริง" สำหรับแรงงานยุคใหม่ ซึ่งจะเชื่อมโยงงานวิจัยจาก TMEC เข้ากับระบบการผลิตในโรงงานจริง และเป็น "กลไกหลัก" ที่จะปั้นบุคลากรไทยให้มีทักษะเฉพาะทางพร้อมใช้จริงในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง

นายสราญโรจน์ สุทัศน์ชูโต รองผู้อำนวยการ (Chief Operating Officer : COO) และรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB ผู้สนับสนุนการจัดงาน กล่าวสนับสนุนว่า งาน THECA 2025 สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของ TCEB ที่ผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางงานแสดงสินค้าเทคโนโลยีในภูมิภาค โดยเน้นแนวคิด Carbon Neutral Exhibition ผ่านนวัตกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ลดคาร์บอน ซึ่งตอบโจทย์ Thailand 4.0 และปูทางสู่ Industry 5.0 พร้อมส่งเสริมมาตรฐาน ESG และการจัดงานอย่างยั่งยืน เพื่อเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยในเวทีโลก

งาน THECA 2025 ถูกวางตำแหน่งให้เป็น 'แพลตฟอร์ม' ที่สำคัญ ในการส่งเสริมการเรียนรู้เทคโนโลยีการพัฒนา PCB ขั้นสูง, อำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างเครือข่ายความร่วมมือ, รวมถึงเป็นช่องทางในการเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี อุปกรณ์ และเครื่องมือใหม่ๆ ในการผลิต PCB

ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าชมงานล่วงหน้าได้ที่ https://thecaregistrations.jupinnothai.net/Registration/ChooseTypeRegis.aspx?codeInv=THECA6

-(016)