คุยกัน7วันหน :  ปรากฎการณ์ ‘ฟ้ารั่ว’ (cloudburst) ทำฝนถล่มหนักในปากีสถาน-อินเดีย

คุยกัน7วันหน : ปรากฎการณ์ ‘ฟ้ารั่ว’ (cloudburst) ทำฝนถล่มหนักในปากีสถาน-อินเดีย

วันอาทิตย์ ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนักชนิดไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จนเกิดน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่และดินโคลนถล่มในแถบเอเชียใต้ ทั้งในปากีสถานและอินเดีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันแล้วมากกว่า 450 ราย และสร้างความเสียหายต่อพื้นที่ประสบภัยมหาศาล ภาษาอังกฤษเรียกปรากฎการณ์ฝนตกหนักเช่นนี้ว่า ‘คลาวด์เบิร์สต์’ (cloudburst)

มันคืออะไร ส่งผลกระทบมากแค่ไหน แล้วเราควรรับมือกับมันอย่างไร?


เหตุการณ์ฝนตกหนักเฉียบพลัน หรือ ‘คลาวด์เบิร์สต์’ (cloudburst)  สื่อบางสำนักอาจใช้คำว่า ‘เมฆระเบิด’ แปลตรงตัวมาจากภาษาอังกฤษ แต่เราขอใช้ความว่า ‘ฟ้ารั่ว’ ซึ่งน่าจะตรงกับคำแบบไทยๆ มากกว่า กำลังสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในพื้นที่ภูเขาของอินเดียและปากีสถาน โดยมีน้ำฝนปริมาณมากตกลงมาในระยะเวลาอันสั้นและในพื้นที่จำกัด ซึ่งปรากฏการณ์น้ำท่วมรุนแรงเฉียบพลันนั้นได้คร่าชีวิตผู้คนในทั้งสองประเทศไปจำนวนมาก เฉพาะในปากีสถาน มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 440 คน ฝนที่ตกหนักและแรงทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ดินถล่ม และโคลนถล่ม ก้อนหินขนาดใหญ่ที่ตกลงมาจากพื้นที่ลาดชันพังทลายลงมาตามน้ำ ทำลายบ้านเรือนและหมู่บ้านจนพังทลายเหลือแต่ซากปรักหักพัง

 

ส่วนรัฐอุตตราขัณฑ์ ภาคเหนือของอินเดีย ก็เผชิญฝนตกหนักในลักษณะนี้ไปเมื่อต้นช่วงเดือนที่ผ่านมา โทรทัศน์ท้องถิ่นรายงานภาพน้ำไหลทะลักลงมาจากภูเขาและซัดเข้าสู่ธาราลี หมู่บ้านในเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งในปี 2556 มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 6,000 คน และหมู่บ้าน 4,500 แห่งได้รับผลกระทบเมื่อเกิดฝนตกหนักเฉียบพลันในลักษณะเดียวกันในรัฐนี้

ศาสตราจารย์กิตติคุณ จอห์นนี เฉิน คณะพลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยซิตียูนิเวอร์ซิตีออฟฮ่องกง อธิบายให้เข้าใจอย่างง่าย ๆ ว่า สาเหตุที่เรียกว่า ‘เมฆระเบิด’ เพราะมีฝนจำนวนมากตกลงมาจากเมฆในเวลาสั้น ๆ อาจจะราว 10-20 นาที แท้จริงแล้ว cloudburst คือ พายุฝนฟ้าคะนองที่สะสมละอองน้ำไว้เป็นจำนวนมากแล้วกลายเป็นฝน ตกกระหน่ำในช่วงเวลาสั้น ๆ คล้ายกับการระเบิด ยิ่งเป็นพื้นที่เทือกเขา คลาวด์เบิร์สต์ยิ่งมีความรุนแรง เนื่องจากอากาศร้อนจะยิ่งลอยตัวสูงขึ้นจากการปะทะกับเทือกเขา ส่งผลให้พายุฝนฟ้าคะนองเกิดได้เร็วขึ้นและรุนแรงขึ้น เมื่อกลายเป็นฝน จึงตกกระหน่ำรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก

อย่างเหตุการณ์ฝนตกหนักแบบไม่ลืมหูลืมตา ที่เกิดขึ้นในเขตบูเนอร์ พื้นที่แถบเทือกเขาห่างไกลในจังหวัดไคเบอร์ปักตุนควา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถาน ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 400 ราย และยังสูญหายอีกกว่า 200 คน เกิดจากฝนที่ตกหนักเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ปริมาณน้ำฝนกว่า 150 มิลลิเมตรภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงเศษ ตรงกับเกณฑ์ฝนตกหนักเฉียบพลันแบบฟ้ารั่ว เกิดขึ้นเมื่อมีปริมาณฝนจำนวนมากตกลงมาในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยปกติจะมากกว่า 100 มิลลิเมตรภายในหนึ่งชั่วโมง และเกิดขึ้นในพื้นที่จำกัดประมาณ 30 ตารางกิโลเมตร มีผลกระทบที่ทำลายล้างและก่อให้เกิดความเสียหายอย่างกว้างขวาง เพราะปริมาณฝนตกลงมามหาศาลในระยะเวลาสั้นๆ นั้น อาจเทียบเท่ากับปริมาณน้ำฝนที่โดยปกติแล้ว ตกในระยะเวลานานนับเดือน หรือหลายเดือน หรือทั้งฤดูฝนตกปกติ เหตุการณ์นี้เปรียบเสมือนเมฆระเบิดที่ปล่อยปริมาณน้ำฝนทั้งหมดออกมาพร้อมกัน คล้ายกับระเบิดฝน

 

ศ.กิตติคุณเฉินอธิบายว่า เหตุที่ปรากฎการณ์ ‘เมฆระเบิด’ ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม ปัจจัยแรกเกิดจากฝนตกลงมาเร็วมากจนแม่น้ำลำคลองรองรับไม่ทันจึงเกิดน้ำท่วมฉับพลัน  ปัจจัยที่สอง เกิดจากหลายพื้นที่มีการตัดไม้ทำลายป่า ดินที่ไม่มีต้นไม้ปกคลุมจึงถูกน้ำฝนชะจนถล่มลงมา

มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดฝนตกหนักเฉียบพลัน เช่น อากาศอุ่นและชื้นที่ลอยตัวขึ้นสู่ที่สูง ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศที่สูง, ความกดอากาศต่ำ ความไม่เสถียรของชั้นบรรยากาศ และการก่อตัวของเมฆแบบการพาความร้อน (convective cloud) โดยอากาศชื้นถูกบังคับให้ลอยตัวขึ้นเมื่อปะทะกับเนินเขาหรือภูเขา อากาศที่ลอยตัวขึ้นนี้จะเย็นตัวลงและกลั่นตัวกลายเป็นหยดน้ำ เกิดเป็นเมฆที่มีขนาดใหญ่ หนาแน่น และสามารถทำให้เกิดฝนตกหนักได้

 

เนินเขาหรือภูเขาทำหน้าที่เสมือนกำแพงกั้น และมักจะดักเมฆเหล่านี้ไว้ ทำให้เมฆไม่สามารถกระจายตัวหรือเคลื่อนที่ไปได้ง่าย ๆ กระแสอากาศที่พัดขึ้นอย่างรุนแรงยังช่วยพยุงความชื้นเอาไว้ภายในเมฆ ซึ่งจะชะลอไม่ให้ฝนตกลงมาในทันที แต่เมื่อเมฆไม่สามารถกักเก็บความชื้นที่สะสมไว้ได้อีกต่อไป เมฆก็จะแตก และปล่อยน้ำฝนทั้งหมดออกมาพร้อมกัน

ทั้งอินเดียและปากีสถานมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยฝนตกหนักเฉียบพลัน พร้อมเกิดขึ้นในสภาพที่มีความชื้น มรสุม และภูเขา ซึ่งหลายภูมิภาคของอินเดียและปากีสถานมีครบทั้งสามปัจจัยนี้ ทำให้พื้นที่เหล่านี้มีความเสี่ยงต่อการเกิดเหตุการณ์สภาพอากาศรุนแรงเช่นนี้ โดยเทือกเขาหิมาลัย การาโกรัม และฮินดูกูช ล้วนเป็นที่ตั้งของยอดเขาที่สูงและมีชื่อเสียงที่สุดในโลก ทอดตัวยาวผ่านหลายประเทศ รวมถึงอินเดียและปากีสถาน ขณะที่ความถี่ของฝนตกหนักเฉียบพลันในสองประเทศแถบเอเชียใต้นี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบรรยากาศที่อุ่นขึ้นสามารถกักเก็บความชื้นได้มากขึ้น ซึ่งสร้างเงื่อนไขให้เกิดฝนที่ตกอย่างรุนแรงและฉับพลัน

 

ภูมิภาคเอเชียใต้ โดยทั่วไปมีฤดูมรสุมสองช่วง ช่วงแรกมักเกิดขึ้นระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกันยายน โดยฝนจะเคลื่อนตัวจากตะวันตกเฉียงใต้ไปยังตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนอีกช่วงหนึ่งเกิดประมาณเดือนตุลาคมถึงธันวาคม และเคลื่อนตัวในทิศทางตรงกันข้าม แต่ด้วยปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นในบรรยากาศ ทำให้รูปแบบฝนเหล่านี้เริ่มคลาดเคลื่อนจากเดิม สาเหตุคือ อากาศที่อุ่นขึ้นสามารถกักเก็บความชื้นจากทะเลอาหรับและมหาสมุทรอินเดียได้มากขึ้น และฝนที่สะสมไว้จึงมักเทลงมาอย่างรวดเร็วและรุนแรงในคราวเดียว ซึ่งหมายความว่า ฤดูมรสุมในปัจจุบันไม่ใช่ฝนตกต่อเนื่องเหมือนในอดีต แต่กลายเป็นช่วงเวลาของน้ำท่วมหนักสลับกับช่วงแล้ง

ฝนตกหนักเฉียบพลัน เป็นปรากฏการณ์ที่คาดการณ์ได้ยาก เนื่องจากมีขนาดเล็ก ระยะเวลาสั้น เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และเกี่ยวข้องกับกลไกในบรรยากาศที่ซับซ้อน แต่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ฝนตกหนักเฉียบพลันมีแนวโน้มเกิดเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ขณะเดียวกัน ความเสียหายจากพายุที่เกี่ยวข้องก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากการพัฒนาเมืองในพื้นที่ภูเขาโดยขาดการวางแผน

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้กระตุ้นปัจจัยที่ก่อให้เกิดฝนตกหนักเฉียบพลันโดยตรง โดยเฉพาะในปากีสถาน โดยทุก ๆ การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ 1 องศาเซลเซียส จะทำให้อากาศสามารถกักเก็บความชื้นได้มากขึ้นราวร้อยละ 7 ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดฝนตกหนักในระยะเวลาสั้นๆ

ศ.กิตติคุณเฉินเตือนว่า ฝนตกหนักเป็นสิ่งที่พยากรณ์ได้ยากมาก สาเหตุหนึ่งเพราะเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นแบบสุ่มพื้นที่ ประกอบกับมนุษย์ยังไม่มีความรู้มากเพียงพอเกี่ยวกับกระบวนการทั้งหมดที่ทำให้ฝนตกหนัก สิ่งที่นักอุตุนิยมวิทยาสามารถทำได้ คือ การพยากรณ์ฝนตกหนักในระยะสั้น แต่ในระยะยาวที่เราทราบอยู่แล้วว่า มีโอกาสที่จะเกิดฝนตกหนักมากยิ่งขึ้น จึงควรต้องดำเนินยุทธศาสตร์ในการลดโอกาสที่จะเกิดน้ำท่วมและผลกระทบที่เกี่ยวข้อง

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top