หยุด ‘ต้อหิน’ ด้วยการผ่าตัดแผลเล็ก PreserFlo MicroShunt

หยุด ‘ต้อหิน’ ด้วยการผ่าตัดแผลเล็ก PreserFlo MicroShunt

วันอังคาร ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

“ต้อหิน” เป็นหนึ่งในโรคทางตาที่พบได้บ่อย และเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของการสูญเสียการมองเห็นแบบถาวร ในปัจจุบันมีแนวทางการรักษาต้อหินหลากหลายวิธี แต่สำหรับผู้ป่วยที่การรักษาด้วยยาและเลเซอร์ไม่สามารถควบคุมความดันตาให้กลับมาปกติได้ การผ่าตัดจึงเป็นทางเลือกสำคัญในการป้องกันการสูญเสียการมองเห็นที่อาจรุนแรงขึ้น

พญ. พรปวีณ์ จินดารักษ์ จักษุแพทย์ชำนาญการด้านโรคต้อหิน โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า โรคต้อหิน (Glaucoma) เป็นสาเหตุสำคัญของภาวะตาบอดที่เกิดขึ้นทั่วโลก สามารถพบได้ในผู้ป่วยทุกเพศทุกวัย เป็นกลุ่มโรคที่มีการเสื่อมของขั้วประสาทตา ส่งผลให้เกิดการสูญเสียลานสายตาและการมองเห็นอย่างถาวร โดยปัจจัยเสี่ยงสำคัญของการเกิดต้อหินได้แก่ ความดันลูกตาที่สูง ซึ่งอาจเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเนื่องจากความเสื่อมของลูกตา หรือเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากปัจจัยภายนอกอื่น ๆ เช่น การใช้ยา การผ่าตัด อุบัติเหตุ หรือโรคร่วมอื่น ๆ โดยโรคต้อหินมักไม่มีอาการในระยะแรก แต่เมื่อเริ่มมีสัญญาณเตือนควรรีบพบแพทย์ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจลุกลามจนสูญเสียการมองเห็นได้ในที่สุด


พญ. พรปวีณ์ จินดารักษ์ จักษุแพทย์ชำนาญการด้านโรคต้อหิน โรงพยาบาลเวชธานี 

 

แนวทางการรักษาต้อหินในปัจจุบันมีหลากหลายวิธี ได้แก่  การใช้ยาหยอดตาเพื่อลดความดันภายในลูกตา และการใช้เลเซอร์ช่วยเปิดทางระบายน้ำในลูกตา แต่สำหรับผู้ป่วยที่การรักษาด้วยยาและเลเซอร์ไม่สามารถควบคุมความดันตาให้กลับมาปกติได้แล้ว การผ่าตัดจึงเป็นทางเลือกสำคัญในการป้องกันการสูญเสียการมองเห็นที่อาจรุนแรงขึ้น

เดิมทีการผ่าตัดต้อหินจะใช้วิธีการผ่าตัดสร้างทางระบายน้ำในลูกตาแบบแผลใหญ่ (Trabeculectomy) แม้จะมีประสิทธิภาพสูงในการลดความดันตา แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงจากการผ่าตัดที่เปิดแผลขนาดใหญ่ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะความดันตาต่ำเกินไป หรือการเกิดพังผืดและแผลเป็นหลังผ่าตัด

ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ป่วยมากขึ้น จึงมีการพัฒนาเทคโนโลยีผ่าตัดรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า MIGS หรือ Minimally Invasive Glaucoma Surgery ซึ่งเป็นการผ่าตัดผ่านแผลขนาดเล็ก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเจ็บปวดและระยะเวลาพักฟื้นของผู้ป่วย รวมถึงลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้หลังผ่าตัด

หนึ่งในเทคโนโลยีที่มักใช้ร่วมกับการผ่าตัด MIGS ก็คือ “ PreserFlo MicroShunt ” ซึ่งเป็นท่อขนาดเล็กที่ได้รับการออกแบบเพื่อช่วยระบายน้ำในลูกตา ให้ออกไปยังบริเวณใต้เยื่อบุตาขาวด้านหลังลูกตา ทำให้ความดันในตาลดลงอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยอุปกรณ์ชิ้นนี้มีขนาดเล็กกว่าขนตาเพียงเล็กน้อย ความยาวประมาณ 8.5 มิลลิเมตร ผลิตจากวัสดุทางการแพทย์ชนิดพิเศษที่ชื่อว่า SIBS ซึ่งทนทานต่อการสึกกร่อน ไม่ก่อให้เกิดการอักเสบหรือกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย

 

PreserFlo MicroShunt จะถูกใส่เข้าไปในช่องหน้าม่านตาผ่านแผลขนาดเล็ก โดยส่วนปลายของท่อที่อยู่ภายในลูกตามีลักษณะลาดเอียง และมีครีบขนาดเล็กช่วยยึดอุปกรณ์ให้อยู่กับที่ ซึ่งระหว่างการผ่าตัด แพทย์จะใส่ยาป้องกันการเกิดพังผืด เพื่อช่วยให้ทางระบายน้ำคงประสิทธิภาพได้นานที่สุด

ข้อดีที่สำคัญของ PreserFlo MicroShunt คือสามารถควบคุมการไหลของน้ำในลูกตาได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้ความดันตาหลังผ่าตัดไม่ต่ำจนเกินไป ซึ่งลดโอกาสเกิดภาวะ hypotony หรือภาวะความดันลูกตาต่ำกว่าปกติ ได้ดีกว่าการผ่าตัดแบบดั้งเดิม อีกทั้งยังลดการพึ่งพายาหยอดตาหลายชนิดในระยะยาว ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้ป่วย

เทคโนโลยีนี้เหมาะกับผู้ป่วยที่เป็นต้อหินชนิดมุมเปิดตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจนถึงปานกลาง โดยเฉพาะในผู้ที่ไม่สามารถควบคุมความดันตาได้ด้วยการใช้ยา หรือมีข้อจำกัดในการใช้ยาหยอด เช่น แพ้ยา หรือหยอดยาได้ไม่ต่อเนื่อง ทั้งนี้ PreserFlo MicroShunt ยังสามารถทำร่วมกับการผ่าตัดต้อกระจกได้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีทั้งสองปัญหาพร้อมกัน

“ในด้านประสิทธิภาพ PreserFlo MicroShunt ได้รับการพิสูจน์ในงานวิจัยระยะยาวหลายฉบับว่าช่วยลดความดันตาได้อย่างมีนัยสำคัญ และลดจำนวนยาหยอดตาที่ต้องใช้ลงอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีความปลอดภัยสูง อัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่ำ และผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ในเวลาไม่นาน” พญ. พรปวีณ์ กล่าว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top