นิวซีแลนด์ ไม่ได้เป็นเพียงจุดหมายปลายทางการศึกษาที่มีคุณภาพระดับโลกเท่านั้น แต่ยังเป็น "ห้องเรียนชีวิต" ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ ผ่านเรื่องราวของศิษย์เก่าที่ก้าวออกไปสู่ความสำเร็จในหลากหลายแวดวง ซึ่งทุกความสำเร็จมีที่มาและทุกการเดินทางมีบทเรียนให้เรียนรู้ สำหรับศิษย์เก่านิวซีแลนด์ เส้นทางการศึกษาไม่ได้จบเพียงแค่ในห้องเรียน แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาตัวตน การลงมือสร้างฝัน และต่อยอดสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนได้ 

มาร่วมถอดบทเรียนกการศึกษานิวซีแลนด์ผ่านเรื่องราวของศิษย์เก่าดีเด่นนิวซีแลนด์ ซึ่งปีนี้หน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ (Education New Zealand – ENZ) สถานเอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ ประจำประเทศไทย มอบรางวัล “ศิษย์เก่าดีเด่นนิวซีแลนด์ 2025” ให้แก่ จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา, ดร.อริสราวัลย์ ธนาสินสิริ  และ ภญ.ดร.ตีรวรรณ วนดุรงค์วรรณ โดยได้เข้ารับรางวัลจาก ฯพณฯ นายโจนาธาน คิงส์ เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย ในงานการศึกษาสถานทูตนิวซีแลนด์ (New Zealand Education Fair 2025) ณ สามย่านมิตรทาวน์

ถอดบทเรียนจาก ท๊อป-จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด บริษัทเทคโนโลยีบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยถึงจุดเริ่มต้นของการเรียนระดับมัธยมที่นิวซีแลนด์ถึง 5 ปี ว่า “การเดินทางไปเรียนที่ประเทศนิวซีแลนด์ ณ Marlborough Boys' College และ Whanganui Collegiate School  เป็นโอกาสที่ครอบครัวมอบให้ผมได้ไปศึกษาความรู้ต่างภาษาต่างวัฒนธรรม ลองใช้ชีวิตที่ต้องพึ่งพาตนเองมากขึ้น รวมถึงได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ในประเทศที่เปิดกว้างและให้อิสระในการกล้าคิดกล้าทำ ส่งเสริมการเรียนรู้ตามความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านวิชาการหรือจะเป็นด้านกีฬาโดยเฉพาะฟุตบอล ผมก็ได้รับการสนับสนุนในสิ่งที่ชอบอยู่เสมอ เรื่องหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครทราบคือ ผมเคยได้เป็นตัวแทนโรงเรียนและตัวแทนเขตไปร่วมแข่งขันฟุตบอลด้วย นับเป็นโอกาสและประสบการณ์ที่ดีครั้งหนึ่งในชีวิตที่ผมได้รับมา

คุณท๊อป เล่าว่า “ประสบการณ์ที่ได้รับนั้นมีคุณค่ามากกว่าเรื่องการเรียนในห้องสอบ รูปแบบการสอนของนิวซีแลนด์จะท้าทายให้เราตั้งคำถามว่า ‘ทำไมจะไม่ได้ล่ะ’ แทนที่จะถามแค่ว่า ‘ทำไม’ ซึ่งช่วยเปิดมุมมองให้กล้าถกเถียงและมีความคิดเป็นของตนเอง ผมจึงได้เรียนรู้ว่าอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั้นคือสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง และความกล้าที่จะคิดและพยายามลงมือทำมุ่งสู่จุดหมาย สิ่งนี้เองคือหัวใจสำคัญในการเปิดประตูไปสู่โอกาสใหม่ๆ ในฐานะนักเรียนต่างชาติ ผมได้เรียนรู้ที่อะไรหลายอย่างที่มากกว่าแค่วิชาความรู้ แต่ยังรวมถึงความเข้าใจในวัฒนธรรมที่แตกต่าง และมิตรภาพจากเพื่อนๆ หลากหลายชาติด้วย ประสบการณ์การมาศึกษาต่อในครั้งนั้นประเมินค่าไม่ได้เลยครับ สำหรับน้องๆ ที่กำลังพิจารณาเส้นทางนี้ การศึกษาที่นิวซีแลนด์เป็นมากกว่าหนทางสู่การคว้าใบปริญญา แต่มันคือการเดินทางเพื่อค้นพบศักยภาพของตนเอง คือการลงทุนเพื่ออนาคตที่คุณจะไม่ใช่แค่พร้อมสำหรับการทำงาน แต่พร้อมที่จะสร้างสรรค์ ค้นหาตัวตน และเปิดรับโอกาสอีกหลายอย่างในชีวิตข้างหน้าครับ”

ถอดบทเรียนจาก ดร.อริสราวัลย์ ธนาสินสิริ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ กองนโยบายมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหาร สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มก.อช.) ศึกษาในระดับปริญญาเอก สาขาพัฒนศึกษา (Development Studies) ที่มหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์ ระหว่างปี 2560 - 2564 ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตเ รวมถึงได้เปิดโลกทัศน์และให้ประสบการณ์ที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง ในช่วงการทำวิจัยได้รับโอกาสพิเศษในการหารือเชิงลึกกับนักการเมืองและผู้เชี่ยวชาญแถวหน้าของนิวซีแลนด์ในประเด็นการค้า การพัฒนา และอุตสาหกรรมนม ทำให้ได้รับข้อมูลเชิงลึกโดยตรงเกี่ยวกับแนวคิดและกรอบนโยบายในด้านต่างๆของนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการปฏิบัติงานภายใต้หน้าที่ความรับผิดชอบในปัจจุบัน โดยเฉพาะในการดำเนินงานร่วมกับนิวซีแลนด์ ทั้งในด้านความร่วมมือทางวิชาการและการเปิดตลาดสินค้าเกษตรทางเทคนิค

การศึกษาในระดับปริญญาเอกได้ต่อยอดและพัฒนาทักษะในการวิจัย ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในภายหลัง เมื่อได้กลับมาทำงานที่เมืองไทยและได้รับมอบหมายให้เป็นนักวิจัยร่วมในโครงการต่างๆ  นอกจากนี้ ประสบการณ์ที่นิวซีแลนด์ ทำให้มีความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในประเด็นความท้าทายระดับโลกที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น เรื่อง land-grabbing, climate justice และความเชื่อมโยงระหว่างนโยบายการค้าและความช่วยเหลือระหว่างประเทศ โดยได้เรียนรู้จากนักวิชาการชั้นนำระดับนานาชาติ นอกจากนี้ เครือข่ายทางวิชาการ ได้เปิดโอกาสให้สามารถเข้าถึงกรอบการหารือเชิงนโยบายต่างๆ ที่สำคัญอีกด้วย

ดร.อริสราวัลย์ กล่าวสรุปว่า ช่วงเวลาที่ศึกษาต่อที่นิวซีแลนด์ ทำให้ได้พัฒนาตนเองอย่างสูง ผ่านการจัดการกับความกดดันจากการเรียนในระดับปริญญาเอก การเรียนรู้ในการรับมือกับความเครียดทางอารมณ์และการสูญเสีย การดูแลตนเอง การเผชิญกับมาตรการล็อกดาวน์จากโควิด-19 ซึ่งทำให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการกำหนดนโยบายสาธารณะและมาตรการฉุกเฉินเพื่อรับมือกับปัญหาเร่งด่วน นอกเหนือจากการเรียนแล้ว ยังได้วิ่งฮาล์ฟมาราธอนและเดินป่าหลายครั้ง พร้อมทั้งเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย  ได้เติมเต็มและเสริมพลังให้สามารถก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง แข็งแกร่ง และเป็นอิสระ นอกจากนี้ ประสบการณ์ในนิวซีแลนด์ได้ตอกย้ำความเชื่อหลักที่สำคัญ นั่นคือ ทุกคนควรสามารถเข้าถึงการศึกษาและโอกาสต่างๆ ได้อย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่คำนึงถึงเพศ เชื้อชาติ หรือความเชื่อใดๆ

ภญ.ดร.ตีรวรรณ วนดุรงค์วรรณ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มโรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล มองว่าการศึกษาที่นิวซีแลนด์คือ “กุญแจสู่ความเป็นผู้นำและความยั่งยืน” ประสบการณ์จากการศึกษาและใช้ชีวิตในนิวซีแลนด์ไม่ได้ให้แค่ใบปริญญา แต่ยังปลูกฝังจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อโลกและสังคม คุณสมบัติสำคัญที่โลกปัจจุบันต้องการ นี่คือสิ่งที่ทำให้การศึกษาในนิวซีแลนด์แตกต่าง และเตรียมความพร้อมให้คุณก้าวสู่ความสำเร็จในฐานะผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน

ระบบการศึกษานิวซีแลนด์โดดเด่นด้วยการสร้างสรรค์ผู้เรียนให้มีมุมมองที่กว้างขวาง พร้อมกับการลงมือปฏิบัติจริง ซึ่งต่างจากการเรียนรู้แบบท่องจำอย่างสิ้นเชิง ที่นี่เปิดโอกาสให้สำรวจบริบทหลากหลาย ทั้งวิชาการ สังคม และวัฒนธรรม การผสมผสานนี้ช่วยให้ผู้เรียนเชื่อมโยงความรู้กับสถานการณ์จริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเน้นการฝึกฝนให้ผู้เรียนรู้จักวิเคราะห์ทั้งโอกาสและความเสี่ยง เพื่อนำไปสู่การ ตัดสินใจอย่างชาญฉลาด ความสามารถนี้เป็นรากฐานสำคัญที่หล่อหลอมให้บุคคลมีวิจารณญาณ และสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาได้อย่างมีเหตุผล นอกเหนือจากความรู้ทางวิชาการ ประสบการณ์ที่นิวซีแลนด์ยังมอบให้คือ การปลูกฝังแนวคิดความยั่งยืน การใช้ชีวิตในประเทศที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ปลอดภัย เคารพซึ่งกันและกัน ได้หยั่งรากลึกในความคิดของผู้ที่ได้สัมผัส โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม การใช้ชีวิตที่นิวซีแลนด์จึงเป็นก้าวสำคัญที่บ่มเพาะให้บุคคลกลายเป็น “ผู้นำด้านความยั่งยืนในองค์กร” ได้อย่างแท้จริง

เรื่องราวของศิษย์ดีเด่นนิวซีแลนด์ในวันนี้ ไม่เพียงสะท้อนให้เห็นพลังของระบบการศึกษาที่เน้นการลงมือทำและการคิดเชิงสร้างสรรค์ ตอกย้ำว่าการเรียนรู้ที่นิวซีแลนด์สามารถต่อยอดเป็นโอกาสจริงทั้งในชีวิตและการทำงาน