นี่ก็เข้าช่วงกลางเดือนกันยายนแล้ว เป็นช่วงที่หลายพื้นที่ในประเทศไทย โดยเฉพาะภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง รวมถึงภาคตะวันออก แล้วก็ภาคตะวันตกมีฝนตกชุกมาก ดังจะได้ยินข่าวน้ำท่วมในจังหวัดภาคเหนือและภาคอีสานหลายแห่ง แล้วที่สำคัญก็คือมีความหวาดวิตกว่าน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ เหมือนปี 2554 หรือไม่ ซึ่งก็ต้องตามดูกันว่าสุดท้ายแล้วปีนี้กรุงเทพฯ จะรอดพ้นจากมวลน้ำขนาดมหึมาจากภาคเหนือหรือเปล่า แต่หากคุณต้องการจะมีความสบายใจ ก็ขอแนะนำให้ขนย้ายข้าวของต่าง ๆ ที่อยู่ในจุดที่เสี่ยงจะถูกน้ำท่วม โดยขนย้ายไปไว้ในที่สูงพ้นน้ำ แต่มีคำถามว่าหากน้ำท่วมกรุงเทพฯ สูงเกิน 2 เมตร จะรอดพ้นปัญหาหรือไม่ คำตอบนี้ตอบยากมาก เพราะขึ้นอยู่กับว่าบ้านคุณมีกี่ชั้น แล้วอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำหรือที่ดอนของเมืองกรุงฯ หากเป็นที่ลุ่มต่ำก็ต้องเตรียมรับมือไว้ให้ดีในกรณีที่เกิดน้ำท่วมสูง

จั่วหัวนำคอลัมน์ด้วยเรื่องน้ำท่วม อาจจะทำให้คุณผู้อ่านใจคอไม่ค่อยดี และเกิดความไม่สบายอกสบายใจ แต่ก็ต้องย้ำเหมือนเดิมว่า ไม่ได้ต้องการให้คุณหวาดวิตก แต่ต้องการให้คุณเตรียมพร้อมกับทุกสถานการณ์ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น หากคุณเตรียมตัวไว้ดี คุณก็ไม่ต้องเสียสติเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น

แต่ก็ต้องย้ำว่า เรื่องน้ำท่วม น้ำแล้ง เป็นเรื่องที่เกือบจะเรียกได้ว่าปรกติสามัญของคนไทยมาตั้งนานแล้ว เพราะปัญหานี้เกิดมาไม่น้อยกว่า 4-5 ทศวรรษแล้ว เพราะว่าระบบการบริหารจัดการน้ำของไทยอยู่ในขั้นที่นับว่าค่อนข้างเลวร้าย เพราะฉะนั้น ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งจึงไม่เคยหมดไปจากประเทศ เพราะฉะนั้น หนทางแก้ปัญหาเรื่องน้ำต่าง ๆ ให้ดีที่สุดคือ ต้องเตรียมตัวแล้วรับมือให้ดี

แต่เมื่อหน้าน้ำ หน้าฝนของเดือนแห่งฤดูลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ผ่านพ้นไปจากเมืองไทย ก็หมายความว่าเป็นช่วงเวลาเข้าหน้าหนาวของประเทศไทย (ใช้คำว่าหนาวกับประเทศไทยนี่นับว่าอาจเข้าข่ายโฆษณาชวนเชื่อ เพราะเมืองไทยในหลายเขตไม่เคยประสบความหนาวเย็นมานานแล้ว ยกเว้นบนเขตภูเขาสูงมาก ๆ ในเขตภาคเหนือและภาคอีสานเท่านั้น ที่ยังมีความหนาวเย็นให้สัมผัสได้ในช่วงหน้าหนาว ในช่วงลมจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือพัดพาเอาความหนาวเย็นมาจากประเทศจีน

เมื่อถึงช่วงหน้าหนาวมาเยือนภาคเหนือ ภาคอีสานของไทย ก็หมายถึงเป็นช่วงเวลาการท่องเที่ยวทางทะเลในเขตมหาสมุทรอินเดีย เพราะทะเลฝั่งนี้จะราบเรียบ สงบ และน้ำทะเลก็ใสแจ๋ว เพราะฉะนั้น จึงทำให้ผู้คนที่รักหลงใหลการเที่ยวทะเลบังเกิดอาการต้องการทะเลขึ้นมาทุกครั้งเมื่อถึงช่วงปลายเดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนมีนาคม หรือต้องไม่เกินช่วงกลางเดือนเมษายน

สองสามปีมานี้ Mr. Flower พาสมาชิกไปเที่ยวระนอง แล้วข้ามไปเที่ยวทะเลของเมียนมา โดยเฉพาะเกาะนาวโอพี (Nyuang Oo Phee) เกาะซาลิ (Sali) เกาะบรูเออร์ (Bruer) หมู่เกาะช้างเผือก (Cockburn Island) เกาะหัวใจมรกต (Cock Comb Island) เกาะเกือกม้า (Horseshoe) หมู่เกาะมังกร แล้วเมื่อไปเที่ยวเกาะในทะเลเมียนมาแล้วก็ต้องไปเที่ยวเกาะในเขตจังหวัดระนองด้วย เช่น เกาะค้างคาว เกาะกำ เกาะญี่ปุ่น ทั้งสามเกาะนี้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแหลมสน และที่ต้องไม่พลาดคือเกาะพยาม ซึ่งเมื่อไปเกาะพยามแล้วต้องไปเยี่ยมชมบ้านชาวมอแกน ที่หาดเขาควาย บนเกาะพยาม และที่ต้องไม่พลาดคือหาดบางเบน

แต่อันที่จริงนั้น เมื่อไปเที่ยวเมืองระนองแล้วก็ต้องเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองระนองด้วย เช่น เขตบ้านเกาะของเจ้าเมืองระนอง ต้นตระกูล ณ ระนอง บ้านเทียนสือ (บ้านของลูกหลานฝ่ายหญิงแห่งตระกูล ณ ระนอง) แต่เนื่องจากวันนี้เน้นเรื่องเที่ยวทะเล จึงยังไม่ลงรายละเอียดที่เที่ยวบนฝั่งของจังหวัดระนอง แต่รับรองว่ามีที่เที่ยวมากมาย และมีอาหารอร่อย ๆ ให้กินอย่างจุใจ

สำหรับภาพทะเลสวย ๆ ที่นำมาฝากในวันนี้ ส่วนใหญ่คือภาพจากเกาะซาลิ และเกาะค้างคาว รวมถึงเกาะญี่ปุ่น ส่วนภาพเกาะอื่น ๆ นั้น จะนำมาฝากคุณ ๆ ที่คิดถึงทะเลในฝั่งอันดามัน หรือมหาสมุทรอินเดียในสัปดาห์อื่น ๆ หลังจากนี้นะครับ

แต่หากคุณสนใจไปเที่ยวชมทะเลสวย น้ำใส ทรายละเอียดราวกับแป้งฝุ่นเนื้อดี แล้วต้องการชมโลกใต้ท้องทะเลที่แสนสวย ชมปลาการ์ตูน ปะการังสารพัดชนิด ชมฝูงปลาหลากหลายสีสัน โปรดเตรียมตัว เตรียมสุขภาพให้ดี แล้วช่วงประมาณกลางเดือนมกราคมปี 2569 เราจะไปเที่ยวทะเลฝั่งอันดามันกันครับ สนใจร่วมทริปโปรดติดต่อจองที่นั่งที่หมายเลข 091 7233615 รับสมาชิกเพียง 18-20 คนเท่านั้นครับ

ตะลอนเที่ยว by Mr. Flower