นับเป็นก้าวสำคัญที่สร้างความตื่นตัวให้แก่วงการศิลปะของไทย เมื่อกลุ่มผู้ประกอบการ และบุคลากรชั้นนำในแวดวงธุรกิจศิลปะ นำโดย “เสริมคุณ คุณาวงศ์” เจ้าของธุรกิจและนักสะสม รวมไปถึงเจ้าของแกลลอรี่ ผู้ผลิตสีสำหรับงานศิลปะ โรงหล่อประติมากรรม รวมไปถึงบริษัทขนส่ง และ Art Space พร้อมใจกันเข้ามาร่วมการระดมความคิดจัดตั้ง “สมาคมวิชาชีพธุรกิจศิลปะในประเทศไทย” เพื่อเป็นองค์กรกลางในการสร้างมาตรฐาน ยกระดับศักยภาพที่แข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมศิลปะของประเทศ พร้อม วางเป้าหมาย 2 ปี ผลักดันเรื่องภาษีศิลปะ - สัมมนาการยกระดับมาตรฐาน Art space และแกลเลอรี – แสวงหาสมาชิกสร้างเครือข่ายความร่วมมือ
เสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท อาร์ต แท็งก์ กรุ๊ป จำกัด กลุ่มบริษัทธุรกิจศิลปะครบวงจรแห่งแรกในประเทศ เปิดเผยว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมศิลปะไทยเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ยังขาดการรวมตัวและพัฒนาอย่างที่เป็นระบบ การจัดตั้ง TABA ขึ้นมา จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่เข้มแข็ง เรามุ่งหวังที่จะให้สมาคมฯ เป็นเวทีกลางสำหรับทุกคนในแวดวง เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทาง ผลักดันนโยบายที่เป็นประโยชน์ และสร้างมาตรฐานจริยธรรมให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
“ไอเดียการก่อตั้ง สมาคมวิชาชีพธุรกิจศิลปะฯ (TABA) ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากคนในวงการ ซึ่งมองว่า จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านศิลปะของไทยให้เป็นที่ประจักษ์ในเวทีโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภาครัฐเริ่มมีนโยบายสนับสนุนที่ชัดเจนขึ้น เช่น มาตรการลดหย่อนภาษีจากการซื้อผลงานศิลปะ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นตลาดให้คึกคักยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี สมาคมวิชาชีพธุรกิจศิลปะฯ นี้ เป็นสมาคมของภาคธุรกิจเอกชนอย่างเต็มตัว ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเป็นสมาคมภายใต้การกำกับของรัฐบาล ตั้งขึ้นมาเพื่อความเข้มแข็งที่สมาชิกรวมกัน ซึ่งขณะนี้ เริ่มก่อร่าง แต่กฏเกณฑ์ต่างๆ ยังต้องมีพิจารณาอีกมากเมื่อมีการจัดตั้งสมาคมอย่างเป็นทางการ” เสริมคุณ กล่าว
ทั้งนี้ สมาคมวิชาชีพธุรกิจศิลปะในประเทศไทย เปิดโอกาสให้ผู้ทำธุรกิจศิลปะในไทยได้มีโอกาสรวมตัวกัน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ โดยมีวัตถุประสงค์ เป็นแหล่งรวมตัวขององค์กรและบุคคลผู้ซึ่งประกอบอาชีพธุรกิจศิลปะ มาร่วมกันพัฒนาศักยภาพของบุคลากร และมาตรฐานจริย ธรรมของวิชาชีพ ตลอดจนส่งเสริม สนับสนุน และเผยแพร่การศึกษา ค้นคว้า การวิจัยและพัฒนา เพื่อความก้าวหน้าในการประกอบวิชาชีพและการประกอบธุรกิจศิลปะ และให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงต่อยุคสมัย
ลินดา เชง กรรมการผู้จัดการ ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก (River City Bangkok) กล่าวว่า River City มีพื้นที่สำหรับงานศิลปะมากมาย ซึ่งศิลปะไม่ได้เป็นเพียงแค่ภาพวาดหรือประติมากรรม ศิลปะมีหลากหลายรูปแบบมาก ไม่ว่าจะเป็นดนตรี, ภาพยนตร์, การถ่ายภาพ, ศิลปะการแสดง หรือวรรณกรรม ทั้งหมดนี้ คือ ศิลปะ ดังนั้น เมื่อเราพูดถึง "พื้นที่ศิลปะ" จริงๆ แล้วมันเป็นหัวข้อที่หลากหลายมาก และแต่ละคนก็ให้คำนิยามแตกต่างกันไป มีศักยภาพอีกมาก ทั้งนี้ จากประสบการณ์หลายปีที่ทำงานใน River City ถึงจะยังมือใหม่ในโลกศิลปะนี้ แต่ก็รู้สึกสนุกกับการเรียนรู้จากศิลปินทุกคน จากแกลเลอรี่ต่างๆ ซึ่งรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ผู้คนเห็นความสำคัญของพื้นที่ศิลปะในชีวิตประจำวันของ River City และเชื่อว่าสิ่งนี้จะเติบโตขยายกว้างออกไปอีก การได้ทำงานร่วมกับสมาคมฯ เชื่อว่าเราจะสามารถก้าวไปสู่จุดที่ดีขึ้น เพื่อยกระดับประเทศไทยในเวทีนา นาชาติได้ ดังนั้น ยังมีอะไรให้ทำอีกมากและเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ต่อไป
“สำหรับ เป้าหมายของ River City อยากจะให้ทุกคนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ถ้านึกถึงศิลปะ ก็ต้องมาที่ River City ก่อนเลย ซึ่งแน่ นอนว่าก็ยังมีพื้นที่ศิลปะดีๆ อีกมากมาย เช่น หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC), MOCA และอีกหลายแห่งให้ผู้คนได้ไปชม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก เราต้องการพื้นที่ที่เป็นเหมือนที่พักพิงใจเช่นนี้อีก สำหรับกรุงเทพฯ ที่แสนวุ่นวาย และในเมืองอื่นๆ ด้วย ถ้ามีพื้นที่แบบนี้อยู่ทั่วประเทศก็จะดีมากเลย” ลินดา กล่าวทิ้งท้าย
สุคนธ์ทิพย์ นาคเกษม ผู้ก่อตั้ง La Lanta Fine Art และ Warin Lab Contemporary กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่จะมีการรวมตัวเป็นสมาคมของกลุ่มผู้ประกอบการอาชีพธุรกิจศิลปะ เพราะระบบนิเวศศิลปะ ไม่ได้มีแต่ศิลปินสร้างสรรค์ผลงาน แต่จะทำยังไงให้ผลงานขายได้ ก็ต้องมีเรื่องของคนทำธุรกิจ ซึ่งคนกลุ่มนี้ เรียกว่าธุรกิจการขาย การสร้างสรรค์ การส่งออก มันก็เหมือนกับธรรมชาติ น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า อย่างกับงานอาร์ตแฟร์ในต่างประเทศ บางทีเขาก็จะให้พื้นที่สำหรับภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง เช่น อาบูดาบี , ฮ่องกง ที่ไปเป็นกลุ่ม แล้วได้โลเคชั่น แต่ประเทศไทยไปคนเดียว ก็ทำให้ไม่ได้ ซึ่งหากมีการรวมกลุ่มสมาชิกผู้ประกอบการอาชีพธุรกิจศิลปะขึ้นมา ก็จะทำให้มีพลังมากขึ้น
ปุณณภา ปริเมธาชัย ผู้อำนวยการ JWD Art Space กล่าวว่า หนึ่งเสียง ดังไม่พอ แต่ถ้าเรารวมตัวเป็นสมาคมและมีจำนวนสมาชิกมากพอ เราก็จะมีตัวแทนไปช่วยผลักดัน เช่น เรื่องภาษี เรื่องขอทุนสนับสนุนต่างๆ ด้านศิลปะ การให้สปอนเซอร์ไปร่วมอาร์ตแฟร์ ถ้าก่อตั้งสมาคมขึ้น อาจจะทำให้แบ่งเบาภาระ อาร์ตแกลอรีต่างๆ ได้ดี
ด้าน นำทอง แซ่ตั้ง ผู้ก่อตั้ง นำทอง อาร์ต สเปซ กล่าวว่า มุมมองผมมีหลายแง่มุม มันไม่แค่เพื่อทางธุรกิจอย่างเดียว อย่างที่นิวยอร์ค กลุ่มดีลเลอร์เขาต่อรองรัฐบาลได้ ถ้าคุณจะสร้างอาคาร แต่ละอาคารจะต้องมีงบมาเพื่องานศิลปะ เพราะเป็นเรื่องของการให้ความรู้คนที่สนใจเรื่องศิลปะ รวมถึงเรื่องการศึกษาด้วย ยกตัวอย่างที่ประเทศญี่ปุ่น สมาคมศิลปะของเขาต่อรอง มีการให้แปลภาษาหนังสือศิลปะ ของต่างประเทศเป็นภาษาญี่ปุ่น ด้วย
นอกจากนี้ เป้าหมายหลักในระยะ 2 ปีข้างหน้า ของการจัดตั้งสมาคมฯ ประกอบด้วย 5 เรื่องสำคัญ ดังนี้
1. ผลักดันเรื่องภาษีศิลปะแบบครบวงจร เป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือการเจรจากับภาครัฐเพื่อพิจารณาอัตราภาษีที่เกี่ยวข้องกับวงการศิลปะทั้งหมด ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ประกอบด้วย ภาษีศุลกากรนำเข้าศิลปะ, ภาษีวัสดุอุปกรณ์สร้างงานศิลปะ ภาษีสรรพากรและรายได้บุคคลธรรมดาของศิลปิน
2. พัฒนาเครือข่ายการทำงานร่วมกันในระหว่างสมาชิก สมาคมฯ จะทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มกลางในการเชื่อมโยงสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นแกลเลอรี ผู้จัดประมูลหรือผู้ให้บริการด้านศิลปะ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการทำงานร่วมกัน(Collaboration) แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และสร้างโอกาสทางธุรกิจ แทนการแข่งขันกันเองอย่างในอดีต
3. ยกระดับมาตรฐานแกลเลอรีและ Art Space ไทย จะมีการจัดสัมมนาและเวิร์กช็อปอย่างต่อเนื่อง เพื่อระดมความคิดและกำหนดแนวทางปฏิ บัติที่เป็นมาตรฐานสากลสำหรับผู้ประกอบการ Art space และแกลเลอรีในประเทศไทย ทั้งในด้านการบริหารจัดการ, การจัดแสดง, การประ เมินราคา และการสร้างความสัมพันธ์กับศิลปินและนักสะสม เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตลาดโดยรวม
4. ขยายฐานสมาชิก สร้างความเป็นปึกแผ่น ในช่วง 2 ปีแรก สมาคมฯ จะมุ่งเน้นการแสวงหาสมาชิกจากทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมให้ครอบ คลุมที่สุด เพราะ "ความเป็นปึกแผ่น" คือหัวใจของพลังในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ
5. ระดมความคิดเพื่อพัฒนาวงการศิลปะ นอกจากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า สมาคมฯ จัดให้มีเวทีระดมความคิดเห็นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาและมองหาแนวทางใหม่ๆ ให้กับวงการศิลปะไทย เช่น การนำเทคโนโลยีมาปรับใช้, การบุกตลาดใหม่ๆ, และการวางยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ด้านทัศนศิลป์ของประเทศในระยะยาว
ทั้งนี้ สมาคมฯ จะเปิดรับสมาชิกจากกลุ่มต่างๆ ที่เป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมศิลปะ ไม่ว่าจะเป็น พื้นที่ศิลปะ (Art Space),แกลเลอรีเพื่อการค้า (Commercial Gallery),ผู้จัดประมูลศิลปะ (Auction House),ผู้ผลิตและผู้นำเข้าวัสดุอุปกรณ์ด้านศิลปะ (Art Equipment & Material Supplier ), ผู้หีบห่อ ขนส่งและติดตั้งงานศิลปะ (Logistic & Handler), โรงหล่อประติมากรรมและอาร์ตทอย (Casting) , ผู้จัดเทศกาลศิลปะและอาร์ตแฟร์(Art Fair & Festival Organizer) และผู้ให้บริการด้านการอนุรักษ์งานศิลปะ (Art Conservation) เพื่อร่วมกันสร้างพลังขับเคลื่อนที่ทรงประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไปในอนาคต
“การก่อตั้ง สมาคมวิชาชีพธุรกิจศิลปะประเทศไทยในครั้งนี้ ยังเป็นเพียงแนวคิดริเริ่ม แต่นับเป็นสัญญาณบวกที่แสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวและความมุ่งมั่นของคนในวงการที่จะร่วมกันผลักดันให้ธุรกิจศิลปะของไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมีระบบและเป็นที่ยอมรับ” เสริมคุณ กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี