ธ ผู้ทรงฟื้น ‘โขนพระราชทาน’ สู่การขึ้นทะเบียน ‘ยูเนสโก’ เป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ

ธ ผู้ทรงฟื้น ‘โขนพระราชทาน’ สู่การขึ้นทะเบียน ‘ยูเนสโก’ เป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ

วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสนพระราชหฤทัยงานด้านศิลปวัฒนธรรมอันเป็นรากเหง้าที่สำคัญของชาติ หนึ่งในนั้นคือ นาฏกรรมโขน ซึ่งมีพระราชประสงค์ให้อนุรักษ์และสืบสานอยู่คู่แผ่นดินไทย ดังพระราชปรารภที่ว่า “ทุกวันนี้ประชาชนชาวไทย ไม่ใคร่มีโอกาสได้ชมโขน เนื่องจากการจัดแสดงโขนแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย” จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประชุมผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโขน และงานหัตถศิลป์แขนงต่างๆ เพื่อรื้อฟื้นการแสดงโขนตามโบราณราชประเพณี เริ่มต้นจากการจัดสร้างเครื่องแต่งกายโขนขึ้นใหม่ สำหรับใช้ในการแสดงโขนพระราชทาน ทรงกำชับให้ยึดถือรูปแบบเครื่องแต่งกายโขนแบบโบราณ แต่มีความคงทนและสวยงามยิ่งขึ้น


 

 

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีสายพระเนตรที่ยาวไกลมากในการนำโขนมาสู่สังคมไทยอีกครั้งหนึ่ง เพราะการฟื้นฟูโขนนั้นไม่ใช่แค่การฟื้นฟูนาฏศิลป์ แต่เป็นการพลิกฟื้นฝีมือช่างหัตถศิลป์หลายแขนง ทั้ง วรรณศิลป์ นาฏศิลป์ คีตศิลป์ หัตถศิลป์ ศิลปกรรม และพัตราภรณ์ของไทย ให้คืนกลับมา ทั้งยังทำให้เกิดสกุลช่างในรัชกาลปัจจุบัน ในเรื่องของพัสตราภรณ์หรือเครื่องแต่งกาย  โดยมี อาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย เป็นผู้ควบคุมดูแลเรื่องการออกแบบและดูแลช่างที่เป็นสมาชิกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ที่ช่วยกันตัดเย็บเครื่องแต่งกายและทอผ้าเพื่อใช้การแสดงโขนโดยเฉพาะ

 

 

 

อาจารย์สมิทธิ ศิริภัทร์ ที่ปรึกษาส่วนพระองค์ด้านศิลปะ ได้ขอพระราชทานพระราชานุญาตสร้างเครื่องแต่งกายโขนของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ซึ่งเป็นการสร้างอาชีพอีกทางหนึ่ง เมื่อได้รับพระราชทานพระราชานุญาต จึงเริ่มดำเนินการในปีพุทธศักราช 2548 โดย มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และ กรมศิลปากร สนองพระราชดำริด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดสร้างเครื่องแต่งกายโขนขึ้นมาใหม่ที่คงความงดงามตามแบบโบราณ และกราบบังคมทูลขอพระราชทานเพื่อใช้ในการแสดงโขนเรื่อง “รามเกียรติ์” ชุด “ศึกพรหมาศ” ถวายทอดพระเนตร และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร  80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550

 

 

การแสดงครั้งนั้น ได้เชิญ อาจารย์สุดสาคร ชายเสม มาออกแบบฉาก ส่วน อาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย เป็นผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย จัดแสดงโขนในรูปแบบการบรรเลงคอนเสิร์ต เนื่องจาก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร  โปรดดนตรีสากล โดยเลือกบทพระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ใช้ชื่อว่า การแสดงเฉลิมพระเกียรติ เรื่องรามเกียรติ์ ตอน : พรหมาศ บรรเลงโดยวงโยธวาทิต กองดุริยางค์กองทัพบก และได้รับพระกรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปี เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทอดพระเนตรการแสดงรอบปฐมทัศน์ วันที่ 25 ธันวาคม พุทธศักราช 2550 (รอบประชาชนทั่วไปวันที่ 27-28 ธันวาคม) ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย หลังจบการแสดง มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ยังคงจัดแสดงโขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

 

 

จากนั้นในปีพุทธศักราช 2551 มิได้ทำการแสดงโขน เนื่องจาก สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สิ้นพระชนม์ ปีต่อมาจึงได้จัดแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ตอนพรหมาศ ฉบับปรับปรุงใหม่ เป็นครั้งที่ 2 โดยมีวงดนตรีสากลและวงดนตรีไทยเล่นประกอบโขน จัดแสดง 6 รอบ ต่อมาได้มีการเพิ่มรอบในภายหลังตามคำเรียกร้องของผู้ชม และในเดือนสิงหาคม ปีเดียวกันนั้น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดนิทรรศการโขนพระราชทาน ในงานเปิดหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร และเป็นครั้งแรกที่ได้พระราชทานการแสดงโขนในปีต่อไปคือ ตอน “นางลอย” จึงเป็นที่มาของการเปลี่ยนชื่อจาก “โขนเฉลิมพระเกียรติ” เป็น “โขนพระราชทาน” อันเป็นการแสดงที่พระราชทานลงมาให้แก่ปวงชนชาวไทยได้ชม

 

สำหรับโขนพระราชทาน ตอน “นางลอย” นั้น ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง โดยมีการจัดแสดงถึง 2 ช่วง ในเดือนมิถุนายนและพฤศจิกายน พุทธศักราช 2553 ทั้งยังเป็นปีแรกที่เปิดคัดเลือกนักแสดงรุ่นใหม่ รวมทั้งเริ่มมีการสร้างฉากที่วิจิตรตระการตาและเพิ่มเทคนิคต่างๆ เพื่อดึงดูดใจผู้ชมมากขึ้น และการแสดงโขนพระราชทานที่จัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีนั้นได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากประชาชนจนต้องเพิ่มรอบการแสดงขึ้นทุกปี ในปีพุทธศักราช 2554 มีการแสดงโขนพระราชทาน ชุด “ศึกมัยราพณ์” ต่อมามีการแสดงโขนพระราชทาน ชุด “จองถนน”  ในปีพุทธศักราช2555  การแสดงโขนพระราชทาน ชุด “ศึกกุมภกรรณ” ตอนโมกขศักดิ์ ในปีพุทธศักราช 2556  การแสดงโขนพระราชทานชุด “ศึกอินทรชิต” ตอน “นาคบาศ”

 

 

ในปีพุทธศักราช 2557 การแสดงโขนพระราชทาน ชุด “ศึกอินทรชิต” ตอน “พรหมาศ” ในปีพุทธศักราช 2558  และต่อมาในปีพุทธศักราช 2559 การแสดงโขนพระราชทาน ตอน “พิเภกสวามิภักดิ์” ต้องยกเลิกการแสดง เนื่องจาก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต และในปีพุทธศักราช 2560 ได้ว่างเว้นการแสดงไปอีก 1 ปี เนื่องจากอยู่ในห้วงเวลาถวายอาลัย

 

 

ในปีพุทธศักราช 2561 มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ได้เลือกบทโขนรามเกียรติ์ ตอน “พิเภกสวามิภักดิ์” อันเป็นการสื่อความหมายของความจงรักภักดีและการรักษาความเที่ยงธรรมสุจริต มาจัดแสดงระหว่างวันที่ 3 พฤศจิกายน ถึง 5 ธันวาคม 2561  ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ องค์การยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียน “โขน” ของไทย เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561  ถือเป็นการยืนยันบทบาทของประเทศไทยในเวทีโลกต่อการดำเนินงานตามอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ค.ศ. 2003  และภายใต้แนวปฏิบัติ การดำเนินงานตามอนุสัญญาฯ ประเทศไทยเพิ่มความตระหนักเพื่อให้เกิดความเคารพและเรียนรู้คุณค่าทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติและระดับนานาชาติ ตลอดจนสร้างการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางในการส่งเสริมและรักษามรดกวัฒนธรรมโขนให้สืบสานอย่างต่อเนื่อง

 

 

ในปีพุทธศักราช 2562 กำหนดแสดงเรื่องรามเกียรติ์ ตอน “สืบมรรคา" (สืบ-มัน-คา) ซึ่งจะเปิดการแสดงระหว่างวันที่ 6 พฤศจิกายน ถึง 5  ธันวาคม  2562  ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย การแสดงโขน ตอน “สืบมรรคา" (สืบ-มัน-คา)  จากนั้นปีพุทธศักราช  2563-2565 งดจัดแสดงเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ได้มีการจัดแสดงโขนผ่านช่องทางออนไลน์แทน เช่น โขนศึกอินทรชิต ตอน พรหมาศ ที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ และโขนชุด “อาสาศึกพบรักฆ่าขุนมาร” ในงานกาชาดออนไลน์

 

 

ปีพุทธศักราช 2565 กลับมาจัดการแสดงโขนอีกครั้งในตอน “สะกดทัพ” โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแสดงโขน รอบปฐมทัศน์ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย วันที่ 28 ตุลาคม 2565

 

ปีพุทธศักราช 2566 จัดการแสดงโขนตอน “กุมภกรรทดน้ำ” เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 71 พรรษา 28 กรกฎาคม 2566 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระชนมพรรษา  91 พรรษา 12 สิงหาคม 2566  โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแสดงโขน รอบปฐมทัศน์ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย วันที่ 3 พฤศจิกายน  2566

 

 

ปีพุทธศักราช 2567 ถือเป็นปีมหามงคล การแสงโขนได้คัดเลือกตอน “พระจักราวตาร” ที่มีความสำคัญในเรื่องรามเกียรติ์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 92 พรรษา 12 สิงหาคม 2567 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแสดงโขน รอบปฐมทัศน์ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย วันที่ 5 พฤศจิกายน  2567

 

 

 

 

ปีพุทธศักราช 2568  เป็นการแสดงโขนสุดยิ่งใหญ่ ตอน “สัตยาพาลี”  ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 6 พฤศจิกายน –  8 ธันวาคม 2568 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย  แม้จะเป็นช่วงแห่งการถวายอาลัยต่อการเสด็จสู่สวรรคาลัยของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง แต่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้การแสดงโขนพระราชทานยังคงดำเนินการจัดแสดงตามกำหนดการเดิมต่อไป เพื่อให้พสกนิกรชาวไทยได้ร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง  ทรงรื้อฟื้นการแสดงโขนตามโบราณราชประเพณีให้กลับมาสู่สังคมไทย และได้ขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติจากองค์การยูเนสโก 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top