วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568
การเมืองสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน โดยเฉพาะในพรรคเดโมแครตที่กำลังหาทางปรับตัวให้เข้ากับฐานเสียงรุ่นใหม่และชนชั้นกลางล่างที่เริ่มหันหลังให้กับนักการเมืองสายกลางเก่าแก่และระบอบนักการเมืองอุปถัมป์ที่ผูกขาดมานาน
ล่าสุด ชัยชนะของ โซห์ราน มัมดานี ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ที่ผ่านมา ถือเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกถึงการพลิกผันนี้ เพราะมัมดานีไม่ใช่แค่นักการเมืองหน้าใหม่ แต่เป็นสัญลักษณ์ของ ‘การเปลี่ยนแปลง’ ที่ฝ่ายซ้ายเฝ้ารอคอยมานาน
.jpg)
รู้จัก ‘โซห์ราน มัมดานี’
ย้อนดูประวัติของมัมดานี จะเห็นภาพชายหนุ่มที่เติบโตมาจากรากฐานที่ห่างไกลจากอำนาจการเมืองแบบดั้งเดิม เขาเกิดเมื่อปี 1993 ในกรุงคัมปาลา เมืองหลวงของยูกันดา ประเทศในแอฟริกาตะวันออก ซึ่งเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งทางชาติพันธุ์และการเมืองไม่มั่นคง
พ่อของมัมดานีเป็นชาวอินเดียเชื้อสายกุจราตีที่ย้ายถิ่นฐานมาอาศัยในยูกันดา ขณะที่แม่เป็นชาวยูกันดาเชื้อสายอินเดียเช่นกัน ครอบครัวมัมดานีเป็นมุสลิมนิกายชีอะห์ ซึ่งเป็นกลุ่มน้อยในสังคมยูกันดาที่ส่วนใหญ่เป็นคริสเตียนและมุสลิมนิกายซุนนี เมื่ออายุได้เพียง 7 ขวบ ครอบครัวต้องอพยพหนีภัยสงครามและความยากจน มุ่งหน้าสู่สหรัฐฯ โดยตั้งรกรากในย่านอัพเปอร์ เวสต์ ไซด์ ของนครนิวยอร์ก ย่านที่เต็มไปด้วยผู้อพยพจากทั่วโลก
ชีวิตวัยเด็กของมัมดานีในนิวยอร์กไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาเติบโตในครอบครัวชนชั้นกลางล่าง พ่อแม่ทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูลูก 4 คน โดยพ่อเป็นวิศวกรโยธา ส่วนแม่เป็นนักสังคมสงเคราะห์ มัมดานีเคยเล่าว่า เขาได้เรียนรู้เรื่องความเหลื่อมล้ำตั้งแต่เด็ก จากการเห็นเพื่อนบ้านที่เป็นผู้อพยพต้องดิ้นรนกับค่าเช่าบ้านที่พุ่งสูงและระบบการศึกษาที่ไม่เท่าเทียม
มัมดานีจบมัธยมจากโรงเรียนสาธารณะในย่านบรองซ์ ก่อนเข้าศึกษาที่วิทยาลัยโบวดวง คอลเลจ (Bowdoin College) ในรัฐเมน หลังจบปริญญาตรี มัมดานีทำงานเป็นครูสอนเด็กยากจนในบรูคลิน และเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาปัญหาบ้านถูกยึด ช่วยเหลือผู้อพยพในย่านควีนส์ให้เข้าถึงที่พักอาศัยราคาถูก ประสบการณ์ในเรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจให้มัมดานีลงสู่สนามการเมือง เพื่อหวังแก้ไขวิกฤตเรื่องที่อยู่อาศัยในนิวยอร์ก
เริ่มจากทำงานเป็นอาสาสมัครและผู้ช่วยให้นักการเมืองท้องถิ่นหลายคน สั่งสมประสบการณ์พักใหญ่ จนในปี 2019 มัมดานีชิงตำแหน่งสมาชิกรัฐสภาของรัฐนิวยอร์ก เขต 36 และชนะแบบถล่มทลายด้วยคะแนนกว่าร้อยละ 80 ตั้งแต่นั้นมา มัมดานีกลายเป็นดาวรุ่งของฝ่ายซ้ายในเดโมแครต โดยผลักดันกฎหมายขยายสิทธิสตรี การดูแลสุขภาพฟรีสำหรับเด็ก และการลดภาษีสำหรับชนชั้นกลางล่าง ประสบการณ์เหล่านี้หล่อหลอมให้เขาเป็นนักการเมืองที่จริงใจ และไม่ยอมประนีประนอมตามคำนิยมจากเพื่อนร่วมพรรค
.jpg)
จากโนเนม สู่นายกเล็กนิวยอร์ก
การหาเสียงชิงนายกเทศมนตรีครั้งนี้เริ่มต้นแบบ ‘ใต้ดิน’ ในปี 2024 มัมดานีไม่มีชื่อเสียง ไม่มีเงินทุนจากกลุ่มทุนใหญ่ และไม่มีตระกูลการเมืองคอยหนุนหลัง ต่างจากคู่แข่งอย่าง แอนดรูว์ คูโอโม ผู้เคยดำรงผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กระหว่างปี 2011-2021 ที่มีเครือข่ายกว้างขวาง
มัมดานีเริ่มจากฐานเสียงในย่านผู้อพยพ ใช้โซเชียลมีเดียอย่าง TikTok และ Instagram สร้างคลิปสั้น ๆ อธิบายนโยบายแบบเข้าใจง่าย เช่น ทำไมค่าเช่าบ้านในนิวยอร์กถึงแพงขนาดนี้ ? ซึ่งกลายเป็นไวรัลและดึงดูดคนรุ่นใหม่ และเหล่า Gen-Z ได้นับล้านๆ วิว
มัมดานีเน้นนโยบายแบบหัวก้าวหน้า (progressive) ชัดเจน เช่น ดูแลเด็กฟรี รถบัสโดยสารฟรี ขยายรถไฟฟ้า ลดอิทธิพลทุนเอกชนในที่อยู่อาศัย เพิ่มการก่อสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับคนรายได้น้อย และขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นชั่วโมงละ 30 ดอลลาร์ภายในปี 2030 เขาไม่กลัวที่จะประกาศตัวเป็น "สังคมนิยมประชาธิปไตย" (democratic socialist) ซึ่งเป็นคำที่รีพับลิกันใช้โจมตี แต่สำหรับฐานเสียงของเขา มันคือ "ความหวัง" แม้หลายฝ่ายจะตั้งข้อสังเกตว่า มัมดานีจะนำงบประมาณจำนวนมหาศาลมาจากไหนมาสนับสนุนโครงการในฝันทั้งหลาย
ชัยชนะถล่มทลายของมัมดานี ที่เอาชนะคูโอโมร้อยละ 50.3 ต่อ ร้อยละ 42 กวาดคะแนนเสียงเกิน 1 ล้านคะแนนเป็นคนแรกนับตั้งแต่ปี 1969 สะท้อนว่าไม่ใช่แค่นิวยอร์ก แต่เป็นจุดเปลี่ยนของเดโมแครต พรรคที่กำลังเผชิญวิกฤตหลุดฐานชนชั้นแรงงาน หลังทราบผลเลือกตั้ง มัมดานีประกาศชัยชนะต่อผู้สนับสนุน บอกว่าทุกคนในนิวยอร์กได้โค่นระบอบการเมืองแบบเดิมๆ ที่กำหนดโดยกลุ่มคนไม่กี่กลุ่ม แต่หลังจากนี้นิวยอร์กจะเป็นของทุกคน การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นทันที
มัมดานียังสามารถพิสูจน์ว่า ฝ่ายซ้ายสามารถดึงกลุ่มนี้กลับได้ โดยโฟกัสเศรษฐกิจจริง ๆ เช่น เสนองานพลังงานสะอาดที่สร้าง 100,000 ตำแหน่งในพลังงานหมุนเวียน เขายังเป็นสัญลักษณ์ความหลากหลาย เพราะเป็นชาวมุสลิมคนแรกจากแอฟริกาที่อายุน้อยสุดตั้งแต่ ซึ่งจะช่วยเสริมภาพลักษณ์เดโมแครตต่อฐานผู้อพยพและคนรุ่นใหม่
.jpg)
ฝ่าด่านการเปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายรออยู่อีกมาก ประการแรก อำนาจนายกเทศมนตรีจำกัด ต้องผ่านสภาเมืองที่สายกลาง และ แคธี โฮเคิล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ที่ไม่เห็นด้วยกับขึ้นภาษีเพื่อทุนโครงการใหญ่ มัมดานีเคยวิจารณ์ทุนวอลล์สตรีตดุเดือด แต่ตอนนี้ต้อง ‘เจรจา’ เพื่องบประมาณ หากล้มเหลวจะคล้าย บิล เดอ บลาซิโอ อดีตนายกเทศมนตรีนิวยอร์กคนเก่าอีกราย ที่ถูกวิจารณ์ว่าทำงานครึ่ง ๆ กลาง ๆ ในปี 2560
ประการสอง ศึกกับทรัมป์ ในสุนทรพจน์หลังคว้าชัยชนะ มัมดานีประกาศ ‘นิวยอร์กคือต้นแบบล้มทรัมป์’ และล้อทรัมป์ว่า ‘เปิดเสียงโทรทัศน์ให้ดังๆ’ ซึ่งจะจุดชนวนโจมตีจากฝ่ายขวาพวกเขาจะวาดภาพเป็น "สังคมนิยมสุดโต่ง" ที่นำพาเมืองสู่ล้มละลาย โดยขุดสถิติอาชญากรรมหรือเศรษฐกิจติดลบ
อีกประเด็นคือประเด็นต่างประเทศ มัมดานีเคยประณามอิสราเอลในสงครามกาซา และสัญญาจะจับกุมเนทันยาฮูหากมาเยือน ซึ่งอาจจุดชนวนต่อต้านจากชุมชนยิวในนิวยอร์ก ที่มีจำนวนประชากรราวร้อยละ 10 และสร้างความขัดแย้งกับรัฐบาลกลาง นอกจากนี้ ฐานเสียงของเขายังแคบอีกด้วย ผลสำรวจจาก CBS ชี้ร้อยละ 46 ชาวอเมริกันไม่รู้จักเขาเลย ทำให้ฝ่ายตรงข้ามมีช่องโจมตีง่าย และข้อเท็จจริงที่ว่า นักการเมืองหน้าใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์อย่างเขา จะรับมือกับฝ่ายตรงข้ามอย่างรัฐบาลกลางของทรัมป์ที่เขี้ยวลากดินได้อย่างไร
แต่โอกาสก็มีมหาศาล เพราะมัมดานีไร้ประวัติเก่า ไม่มีข้อกล่าวหาแบบคูโอโม ซึ่งได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กถึงสามสมัย แต่ลาออกในปี 2021 หลังมีรายงานจากอัยการสูงสุดของรัฐนิวยอร์กที่สรุปว่า เขาได้ล่วงละเมิดทางเพศผู้หญิง 11 คน ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วย มัมดานีสามารถสร้างแบรนด์ใหม่ได้ เริ่มจากนโยบายเร่งด่วนอย่าง "ที่อยู่อาศัยราคาถูก" ซึ่งตอบโจทย์วิกฤตคนไร้บ้านในนิวยอร์ก หากประสบความสำเร็จ จะเป็นโมเดลสำหรับเลือกตั้งชิงวุฒิสมาชิกหรือผู้ว่าฯ ในปี 2570 และช่วยฝ่ายซ้ายเดโมแครต ‘รีแบรนด์’ จากภาพสุดโต่งสู่ปฏิบัติได้จริง
.jpg)
ทรัมป์เดือด-ขู่จัดการ
ชัยชนะถล่มทลายของมัมดานี ทำให้ทรัมป์เดือดจัด เพราะรีพับลิกันแพ้เรียบทั้ง 3 สนามใหญ่ ทั้งสนามเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก รวมถึงศึกชิงผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนียและรัฐนิวเจอร์ซีย์ ท่ามกลางยอดผู้มาใช้สิทธิ์ทะลุ 2 ล้านคน สูงสุดในรอบ 40 ปี เป็นสัญญาณชัดว่าประชาชนนิวยอร์ก ‘ตอกกลับ’ ทรัมป์แบบไม่เกรงใจ หลังรู้ผลเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก ทรัมป์ถึงกลับจาบจ้วงคนยิวที่เลือกมัมดานี เรียกมัมดานีว่าเป็น ‘คอมมิวนิสต์’ ระบุว่า ฝ่ายตรงข้ามของเขากำลังพยายามเปลี่ยนอเมริกาให้เป็นคิวบาหรือเวเนซุเอลา และขู่ตัดงบกลาง ซึ่งก็จะทำให้รัฐบาลกลางอาจทำได้แค่ตั้งงบให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ตามกฎหมายกำหนด เพื่อกดดันนายกเทศมนตรีคนใหม่
อย่างไรก็ดี ทรัมป์ยอมรับว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างเป็นประชาธิปไตยอย่างมาก แต่ผลการเลือกตั้งที่ออกมาไม่เป็นผลดีสำหรับพรรครีพับลิกัน แต่ก็ยังแก้ต่างว่า ถ้ามีชื่อเขาให้กาในบัตรเลือกตั้ง รีพับลิกันก็ชนะไปแล้ว! และโยนความผิดให้การสถานการณ์ชัตดาวน์ ที่ตอนนี้ลากยาวเป็นสถิติใหม่ ทำให้ประชาชนไม่พอใจ และเร่งสั่งรีพับลิกันให้กลับสภาคองเกรส ดันกฎหมายฝ่าวิกฤตชัตดาวน์โดยเร็วที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี