วันพุธ ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2568
2 ธันวาคม 2568 นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยการอำนวยความยุติธรรมและการบูรณาการการดูแลสุขอนามัยแบบไร้รอยต่อแก่กลุ่มเปราะบาง ระหว่างกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมทั้งเปิดกิจกรรม Kick off การอำนวยความยุติธรรมและการบูรณาการการดูแลสุขอนามัยแบบไร้รอยต่อแก่กลุ่มเปราะบาง โดยมีนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ , นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม และนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมลงนาม MOU อีกทั้ง นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมเป็นสักขีพยาน พร้อมด้วย นายยอดศักดิ์ รักษาแก้ว ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นางสาวสุนีย์ ศรีสง่าตระกูลเลิศ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคณะผู้บริหารกระทรวง พม. ยธ. และ สธ. เข้าร่วมงาน ณ โรงแรมปริ๊นซ์ พาเลซ กรุงเทพมหานคร

นายอัครา กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ดำเนินนโยบาย “พม.ใกล้คุณ” ลดรายจ่าย สร้างรายได้ รีสตาร์ทชีวิต โดยมุ่งเน้นการดูแลทุกครอบครัวอย่างไร้รอยต่อแบบ Family First เพื่อเชื่อมสิทธิและสวัสดิการที่พึงได้ ควบคู่กับการคุ้มครองทางสังคม ด้วยสิทธิสวัสดิการสังคมสำหรับประชาชนทุกช่วงวัย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง และการพัฒนาอาชีพ ภายใต้แนวคิด “Care Economy” ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการบูรณาการด้านคุณภาพชีวิตและด้านคนเปราะบางของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่งผลให้วันนี้ มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยการอำนวยความยุติธรรมและการบูรณาการการดูแลสุขอนามัยแบบไร้รอยต่อแก่กลุ่มเปราะบาง เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย “พม.ใกล้คุณ” เป็น “นโยบายใกล้บ้าน” เพื่อให้ “นโยบายถึงบ้าน” ได้โดยเร็วและทั่วถึงมากขึ้น ผ่านการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวง พม. ยธ. และ สธ. ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสังคม การสร้างความเป็นธรรม และการส่งเสริมสุขภาพอนามัยของประชาชน
นายอัครา กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการส่งเสริมการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะการใช้กระบวนการยุติธรรมทางเลือก อาทิ การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ (Restorative Justice) ในการจัดการความขัดแย้ง โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัวเป็นสำคัญ ซึ่งจะอำนวยความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมแก่กลุ่มเปราะบาง รวมถึงบูรณาการการดูแลสุขอนามัย โดยการประสานส่งต่อเพื่อการดูแลรักษาโรคภัยไข้เจ็บ การเสริมสร้างสุขภาพ และการบริการด้านสาธารณสุขแก่กลุ่มเปราะบางแบบไร้รอยต่อ ทั้งนี้ หลังจากการลงนามความร่วมมือในวันนี้ ทั้ง 3 กระทรวง จะสามารถแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ พัฒนาศักยภาพบุคลากรในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและครบถ้วนทุกมิติ อีกทั้งยังมีการจัดอบรมหลักสูตรการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทฯ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับบุคลากรในการจัดการความขัดแย้ง เป็นกระบวนการสำคัญในการอำนวยความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมแก่กลุ่มเปราะบาง
นายกองตรี ดร.ธนกฤต กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ เป็นดำริของ นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยให้มีแนวทางการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันระหว่างกระทรวง พม. ยธ. และ สธ. เพราะภารกิจของกระทรวง พม. คือดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบางตั้งแต่เกิดไปจนถึงเสียชีวิต ซึ่งเกี่ยวข้องกับการดูแลด้านสุขภาพ และข้อกฎหมายต่างๆ จึงมี 3 กระทรวงหลักในการดูแลพี่น้องประชาชนเป็นจุดเริ่มต้น เพื่อการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันในทิศทางเดียวกัน อาทิ การเกิดอุทกภัยที่ภาคใต้ ทั้ง 3 กระทรวง มีส่วนร่วมในการดูแลประชาชน โดยกระทรวง พม. ดูแลด้านสิทธิสวัสดิการสังคม กระทรวง สธ. ดูแลด้านสุขภาพ และกระทรวง ยธ. ดูแลด้านข้อกฎหมายต่างๆ ที่เกิดจากความเสียหาย อีกทั้งยังมีโครงการที่เกี่ยวข้องเรื่องการไกล่เกลี่ยในกรณีที่มีข้อพิพาทที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะความรุนแรงในครอบครัว
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี