ทุกวันนี้เราจะได้ยินชื่อ “กลูต้าไธโอน”จนคุ้นเคยในชีวิตประจำวันไปแล้ว แต่เชื่อว่าหลายคนที่ยังไม่รู้จักยาหรือ สารตัวนี้ดีพอ แต่ด้วยการการโฆษณาตามสื่อต่างๆ ส่งผลให้หลายคนที่อยากมีผิวขาวใสอมชมพูเหมือนดารา (เกาหลี) ต่างหลงเชื่อและยอมเสี่ยงในการฉีดและรับประทานผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่ามีกลูต้าไธโอนผสมอยู่เพื่อหวังผลดังกล่าว ซึ่งก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อสุขภาพอย่างคาดไม่ถึงดังที่เป็นข่าวมาแล้ว ผู้เขียนขอเสนอบทความนี้เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจกลูต้าไธโอนดียิ่งขึ้น
กลูตาไธโอนคืออะไร กลูต้าไธโอน (Glutathione)…เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็กระดับเปปไทด์ เรียกว่า ไตรเปปไทด์ (tripeptide) เพราะประกอบด้วยกรดอะมิโนเพียง 3 ตัว คือ ซีสทีน (cystine), กรดกลูตามิค (glutamic acid) และไกลซีน (glycine) โดยร่างกายของเราสามารถผลิตกลูต้าไธโอนได้เอง และพบกลูต้าไธโอนในพืชและอาหารอื่นๆ เช่น นม ไข่ ผลอะโวคาโด สตรอเบอร์รี มะเขือเทศ ผักบรอคโคลี ส้มเกรปฟรุต และผักโขม
ประโยชน์ของกลูต้าไธโอน กลูต้าไธโอนมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น เป็นสารต้านอนุมูลอิสระหรือแอนตี้ออกซิแดนท์ (anti-oxidant) ที่เซลล์ในร่างกายมนุษย์สามารถสร้างได้ ทำหน้าที่ในการปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ (free radicals) ที่สะสมและก่อให้เกิดอันตรายต่อเซลล์ต่างๆทั่วร่างกาย ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยการเพิ่มความสามารถในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรคของเม็ดเลือดขาวชนิดนิวโทรฟิล (neutrophils) และยังเพิ่มความสามารถในการทำงานของเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิต้านทานของร่างกายด้วยทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันเพิ่มมากขึ้น ช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอมและสารพิษออกจากร่างกาย หรือที่เรียกว่า detoxification ด้วยการกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ชนิดต่างๆ โดยเฉพาะเอนไซม์ glutathione-S-transferase ที่อยู่ในตับ นอกจากนี้กลูต้าไธโอน ยังช่วยสร้างโปรตีนและซ่อมแซม DNA ด้วย
การใช้กลูต้าไธโอนทางการแพทย์ แม้จะยังไม่มีการอนุมัติข้อบ่งใช้อย่างเป็นทางการจากองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA) พบว่าในทางการแพทย์มีการใช้กลูต้าไธโอนเป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาท ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย นอกจากนี้ยังมีการทดลองใช้ในการรักษาโรคต่างๆ เช่น ภาวะเป็นหมันในเพศชาย มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคหัวใจ โรคข้ออักเสบ โรคพาร์กินสัน เป็นต้น โดยการฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำหรือเข้าที่กล้ามเนื้อ โดยแพทย์จะฉีดให้คนไข้เพียง 200 มิลลิกรัมต่อครั้ง ซึ่งผลข้างเคียงอย่างหนึ่งที่น่าแปลกใจ คือผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยการฉีดกลูต้าไธโอนมีสีผิวที่ขาวขึ้น เป็นเพราะกลูต้าไธโอนสามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (tyrosinase) ซึ่งเป็นเอ็นไซม์ที่กระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังสร้างเม็ดสี (pigment) ที่ทำให้เรามีสีผิวคล้า แต่เมื่อเอนไซม์ไทโรซิเนสไม่สามารถทำงานได้เพราะถูกยับยั้งโดยกลูต้าไธโอน ส่งผลให้เม็ดสีของผิวหนังเปลี่ยนจากเม็ดสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาว ด้วยเหตุนี้เองจึงมีผู้พยายามนำผลข้างเคียงนี้มาใช้ในการทำให้ผิวขาวขึ้น ซึ่งนับได้ว่าเป็นการนำผลข้างเคียงของยามาใช้ผิดวัตถุประสงค์
ผลิตภัณฑ์กลูตาไธโอนเพื่อผิวขาวจริงหรือ ในปัจจุบันแม้จะยังไม่มีผลการศึกษาที่น่าเชื่อถือยืนยันหรือรับรองประสิทธิภาพและประโยชน์ ของกลูตาไธโอนในการทำให้ผิวขาวได้อย่างแท้จริง แต่ก็มีผู้นำผลิตภัณฑ์กลูตาไธโอนมาจำหน่ายในท้องตลาดและโฆษณาสรรพคุณเรื่องทำให้ผิวขาวขึ้นได้ โดยมากผลิตภัณฑ์จะอยู่ในรูปยาเม็ดหรือผงละลายน้ำสำหรับรับประทาน ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ใดๆต่อร่างกายเลย เพราะกลูตาไธโอนเป็นโปรตีนเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะถูกทำลายได้ง่ายโดยน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ถึงแม้จะรับประทานในปริมาณมากเพือหวังผลให้ผิวขาวใสก็จะถูกดูดซึม แต่จะถูกย่อยสลายและขับออกจากร่างกายในที่สุด ดังนั้นที่ผ่านมาจึงพบว่ามีผู้พยายามนำกลูตาไธโอนในรูปแบบยาฉีดมาใช้แทนการรับประทานกันมากขึ้น เนื่องจากเชื่อว่ากลูตาไธโอนชนิดฉีดนั้นมีประสิทธิภาพในการทำให้ผิวขาวได้ดีกว่าและเห็นผลเร็วกว่ากลูตาไธโอนชนิดรับประทาน
ผิวขาวจากการฉีดกลูตาไธโอนไม่ถาวร ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นว่าการที่ผิวขาวขึ้นจากกลูตาไธโอนนั้น เป็นเพียงผลข้างเคียงของยาที่เกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น โดยกลูต้าไธโอนไปยับยั้งการสร้างเซลล์เม็ดสีในชั้นใต้ผิวหนัง (dermis) ทำให้การเปลี่ยนเม็ดสีที่สร้างขึ้นจากสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาว แต่ขบวนการนี้จะเกิดได้เพียงแค่ชั่วคราวหรือเรียกว่า “ผิวขาวเทียม” เท่านั้น เพราะเมื่อยาหมดฤทธิ์สีผิวของคนไข้ก็จะกลับมาเป็นสีคล้ำเหมือนเดิม หากต้องการให้ผิวขาวคงอยู่ไปตลอดจำเป็นต้องได้รับการฉีดซ้ำเป็นระยะๆ ทำให้มีการสะสมกลูตาไธโอนในร่างกายมากขึ้นเรื่อยๆ และอาจก่อให้เกิดอันตรายในระยะยาวได้ เพราะไม่มียาหรือสารเคมีตัวใดที่ปลอดภัย 100%
ข้อควรระวังในการใช้กลูตาไธโอน บางประเทศขึ้นทะเบียนกลูต้าไธโอนเป็นยา และบางประเทศใช้เป็นเสริมอาหาร แต่สำหรับประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยังไม่มีการอนุมัติให้นำเข้ากลูต้าไธโอนชนิดฉีดเข้ามาในประเทศ ดังนั้นผลิตภัณฑ์กลูต้าไธโอนที่นำมาจำหน่ายเพื่อฉีดเข้าร่างกาย โดยกล่าวอ้างสรรพคุณว่าทำให้ผิวขาวใสหรือผิวขาวอมชมพู หน้าสวยใส ชะลอวัย ล้วนจัดเป็นยาปลอมและผิดกฎหมายทั้งสิ้น และถึงแม้ว่ากลูต้าไธโอนจะเป็นโปรตีนที่ร่างกายสร้างได้เองตามธรรมชาติก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานการพิสูจน์ผลทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับประสิทธิภาพของกลูต้าไธโอนทั้งชนิดฉีดและชนิดรับประทานเพื่อทำให้ผิวขาวใส
สิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องคำนึงถึง คือเรื่องความปลอดภัยในการฉีดกลูต้าไธโอน เนื่องจากเป็นโปรตีนจึงมีโอกาสที่จะเกิดการแพ้ได้ การฉีดกลูต้าไธโอนเข้าหลอดเลือดดำนั้นจำเป็นต้องกระทำโดยผู้ประกอบวิชาชีพที่เชี่ยวชาญเท่านั้น หากกระทำไม่ถูกวิธีหรือใช้เข็มฉีดยาไม่สะอาด อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อเข้ากระแสเลือด หรือเกิดฟองอากาศจากเข็มฉีดยาเข้าไปอุดตันหลอดเลือด มีอันตรายถึงชีวิตดังที่เป็นข่าวมาแล้วได้
ดร.ประไพภัทร คลังทรัพย์
ฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี