วันศุกร์ ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
ท่านรู้จักกลูต้าไธโอน ดีแค่ไหน

ท่านรู้จักกลูต้าไธโอน ดีแค่ไหน

วันอาทิตย์ ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557, 06.00 น.
Tag :
  •  

ทุกวันนี้เราจะได้ยินชื่อ “กลูต้าไธโอน”จนคุ้นเคยในชีวิตประจำวันไปแล้ว  แต่เชื่อว่าหลายคนที่ยังไม่รู้จักยาหรือ     สารตัวนี้ดีพอ  แต่ด้วยการการโฆษณาตามสื่อต่างๆ ส่งผลให้หลายคนที่อยากมีผิวขาวใสอมชมพูเหมือนดารา (เกาหลี) ต่างหลงเชื่อและยอมเสี่ยงในการฉีดและรับประทานผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่ามีกลูต้าไธโอนผสมอยู่เพื่อหวังผลดังกล่าว  ซึ่งก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อสุขภาพอย่างคาดไม่ถึงดังที่เป็นข่าวมาแล้ว  ผู้เขียนขอเสนอบทความนี้เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจกลูต้าไธโอนดียิ่งขึ้น 

กลูตาไธโอนคืออะไร กลูต้าไธโอน (Glutathione)…เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็กระดับเปปไทด์ เรียกว่า ไตรเปปไทด์ (tripeptide)  เพราะประกอบด้วยกรดอะมิโนเพียง 3 ตัว คือ  ซีสทีน (cystine), กรดกลูตามิค (glutamic acid) และไกลซีน (glycine) โดยร่างกายของเราสามารถผลิตกลูต้าไธโอนได้เอง  และพบกลูต้าไธโอนในพืชและอาหารอื่นๆ เช่น นม ไข่ ผลอะโวคาโด สตรอเบอร์รี มะเขือเทศ ผักบรอคโคลี ส้มเกรปฟรุต และผักโขม


ประโยชน์ของกลูต้าไธโอน กลูต้าไธโอนมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง  เช่น  เป็นสารต้านอนุมูลอิสระหรือแอนตี้ออกซิแดนท์ (anti-oxidant) ที่เซลล์ในร่างกายมนุษย์สามารถสร้างได้   ทำหน้าที่ในการปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ (free radicals) ที่สะสมและก่อให้เกิดอันตรายต่อเซลล์ต่างๆทั่วร่างกาย   ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยการเพิ่มความสามารถในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรคของเม็ดเลือดขาวชนิดนิวโทรฟิล (neutrophils) และยังเพิ่มความสามารถในการทำงานของเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิต้านทานของร่างกายด้วยทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันเพิ่มมากขึ้น  ช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอมและสารพิษออกจากร่างกาย หรือที่เรียกว่า detoxification ด้วยการกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ชนิดต่างๆ โดยเฉพาะเอนไซม์ glutathione-S-transferase ที่อยู่ในตับ  นอกจากนี้กลูต้าไธโอน ยังช่วยสร้างโปรตีนและซ่อมแซม DNA ด้วย

การใช้กลูต้าไธโอนทางการแพทย์ แม้จะยังไม่มีการอนุมัติข้อบ่งใช้อย่างเป็นทางการจากองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA) พบว่าในทางการแพทย์มีการใช้กลูต้าไธโอนเป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาท ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย  นอกจากนี้ยังมีการทดลองใช้ในการรักษาโรคต่างๆ เช่น ภาวะเป็นหมันในเพศชาย มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคหัวใจ  โรคข้ออักเสบ โรคพาร์กินสัน เป็นต้น โดยการฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำหรือเข้าที่กล้ามเนื้อ โดยแพทย์จะฉีดให้คนไข้เพียง 200 มิลลิกรัมต่อครั้ง  ซึ่งผลข้างเคียงอย่างหนึ่งที่น่าแปลกใจ คือผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยการฉีดกลูต้าไธโอนมีสีผิวที่ขาวขึ้น เป็นเพราะกลูต้าไธโอนสามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (tyrosinase) ซึ่งเป็นเอ็นไซม์ที่กระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังสร้างเม็ดสี (pigment) ที่ทำให้เรามีสีผิวคล้า  แต่เมื่อเอนไซม์ไทโรซิเนสไม่สามารถทำงานได้เพราะถูกยับยั้งโดยกลูต้าไธโอน  ส่งผลให้เม็ดสีของผิวหนังเปลี่ยนจากเม็ดสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาว  ด้วยเหตุนี้เองจึงมีผู้พยายามนำผลข้างเคียงนี้มาใช้ในการทำให้ผิวขาวขึ้น ซึ่งนับได้ว่าเป็นการนำผลข้างเคียงของยามาใช้ผิดวัตถุประสงค์

ผลิตภัณฑ์กลูตาไธโอนเพื่อผิวขาวจริงหรือ  ในปัจจุบันแม้จะยังไม่มีผลการศึกษาที่น่าเชื่อถือยืนยันหรือรับรองประสิทธิภาพและประโยชน์   ของกลูตาไธโอนในการทำให้ผิวขาวได้อย่างแท้จริง แต่ก็มีผู้นำผลิตภัณฑ์กลูตาไธโอนมาจำหน่ายในท้องตลาดและโฆษณาสรรพคุณเรื่องทำให้ผิวขาวขึ้นได้  โดยมากผลิตภัณฑ์จะอยู่ในรูปยาเม็ดหรือผงละลายน้ำสำหรับรับประทาน  ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ใดๆต่อร่างกายเลย  เพราะกลูตาไธโอนเป็นโปรตีนเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะถูกทำลายได้ง่ายโดยน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร  ถึงแม้จะรับประทานในปริมาณมากเพือหวังผลให้ผิวขาวใสก็จะถูกดูดซึม  แต่จะถูกย่อยสลายและขับออกจากร่างกายในที่สุด  ดังนั้นที่ผ่านมาจึงพบว่ามีผู้พยายามนำกลูตาไธโอนในรูปแบบยาฉีดมาใช้แทนการรับประทานกันมากขึ้น เนื่องจากเชื่อว่ากลูตาไธโอนชนิดฉีดนั้นมีประสิทธิภาพในการทำให้ผิวขาวได้ดีกว่าและเห็นผลเร็วกว่ากลูตาไธโอนชนิดรับประทาน

ผิวขาวจากการฉีดกลูตาไธโอนไม่ถาวร ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นว่าการที่ผิวขาวขึ้นจากกลูตาไธโอนนั้น   เป็นเพียงผลข้างเคียงของยาที่เกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น   โดยกลูต้าไธโอนไปยับยั้งการสร้างเซลล์เม็ดสีในชั้นใต้ผิวหนัง (dermis)  ทำให้การเปลี่ยนเม็ดสีที่สร้างขึ้นจากสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาว แต่ขบวนการนี้จะเกิดได้เพียงแค่ชั่วคราวหรือเรียกว่า “ผิวขาวเทียม” เท่านั้น  เพราะเมื่อยาหมดฤทธิ์สีผิวของคนไข้ก็จะกลับมาเป็นสีคล้ำเหมือนเดิม    หากต้องการให้ผิวขาวคงอยู่ไปตลอดจำเป็นต้องได้รับการฉีดซ้ำเป็นระยะๆ  ทำให้มีการสะสมกลูตาไธโอนในร่างกายมากขึ้นเรื่อยๆ และอาจก่อให้เกิดอันตรายในระยะยาวได้  เพราะไม่มียาหรือสารเคมีตัวใดที่ปลอดภัย 100% 

ข้อควรระวังในการใช้กลูตาไธโอน บางประเทศขึ้นทะเบียนกลูต้าไธโอนเป็นยา และบางประเทศใช้เป็นเสริมอาหาร แต่สำหรับประเทศไทย  สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยังไม่มีการอนุมัติให้นำเข้ากลูต้าไธโอนชนิดฉีดเข้ามาในประเทศ   ดังนั้นผลิตภัณฑ์กลูต้าไธโอนที่นำมาจำหน่ายเพื่อฉีดเข้าร่างกาย  โดยกล่าวอ้างสรรพคุณว่าทำให้ผิวขาวใสหรือผิวขาวอมชมพู  หน้าสวยใส ชะลอวัย ล้วนจัดเป็นยาปลอมและผิดกฎหมายทั้งสิ้น   และถึงแม้ว่ากลูต้าไธโอนจะเป็นโปรตีนที่ร่างกายสร้างได้เองตามธรรมชาติก็ตาม  แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานการพิสูจน์ผลทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับประสิทธิภาพของกลูต้าไธโอนทั้งชนิดฉีดและชนิดรับประทานเพื่อทำให้ผิวขาวใส   

สิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องคำนึงถึง  คือเรื่องความปลอดภัยในการฉีดกลูต้าไธโอน เนื่องจากเป็นโปรตีนจึงมีโอกาสที่จะเกิดการแพ้ได้  การฉีดกลูต้าไธโอนเข้าหลอดเลือดดำนั้นจำเป็นต้องกระทำโดยผู้ประกอบวิชาชีพที่เชี่ยวชาญเท่านั้น  หากกระทำไม่ถูกวิธีหรือใช้เข็มฉีดยาไม่สะอาด  อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อเข้ากระแสเลือด  หรือเกิดฟองอากาศจากเข็มฉีดยาเข้าไปอุดตันหลอดเลือด  มีอันตรายถึงชีวิตดังที่เป็นข่าวมาแล้วได้ 

ดร.ประไพภัทร  คลังทรัพย์

ฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

‘สภ.เมืองน่าน’จัดอบรมเครือข่ายป้องกันและรักษาความสงบระดับจังหวัด

เขมรระดมส่ง'กระเทียม'ให้ทหารกัมพูชาสู้'แก๊สพิษ' ชาวไทยโต้ที่แท้มันคือกลิ่นศพ

รวบ 3 สิงห์รถบรรทุก! ซุกบุหรี่เถื่อนคาด่าน มูลค่ากว่า 2 ล้าน

‘ประธานวิปรัฐบาล’บี้‘พรรคส้ม’แมนๆเปิดมาเลยฝั่งรัฐบาลใครแจกกล้วยแลกโหวตงบ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved