กลับมาพบกันเป็นประจำทุกวันอาทิตย์ วันเวลามันช่างล่วงเลยผ่านไปรวดเร็วปานดั่งสายลมพัด เช่นเดียวกับ “คนมายา” ผู้เคยมีชื่อเสียงโด่งดังคับฟ้าในวันวาน ซึ่ง ณ วันนี้วันเวลาได้พลักพรากความอ่อนวัย และ ความสำเร็จ อันหอมหวานให้ผ่านพ้น บ้างก็ล้มหายตายจาก หลงเหลือฝากไว้เพียงแค่ชื่อให้จดจำ คุณงาม ความดี และผลงานอันลือชา
แต่หลายท่าน ยืนหยัด ต่อสู้กับกาลเวลา ผ่านร้อน ผ่านหนาว เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลของยุคสมัย เพื่อมาบอกเล่าถึงอดีตอันรุ่งโรจน์ ให้คนรุ่นหลังได้สัมผัสกับวันวาน
ซึ่ง “ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า” ยังคงนำ “คุณผู้อ่าน” สำราญไปกับความอลังการที่เรานำมาเสนอให้กับท่านผู้ที่ชื่นชอบ ศิลปินดารา นักร้องเก่า มาให้หวนรำลึกถึงวันวาน
แหละนี่คือช่วงเวลาของการฉลอง 74 ปีให้กับวงดนตรีที่มีคนรู้จักหัวหน้าวงในระดับโลก ครูเอื้อ สุนทรสนาน ท่านเป็นทั้งศิลปินแห่งชาติ และบุคคลดีเด่นด้านวัฒนธรรมของโลก ที่คนไทยยอมรับกับความเป็น สุดยอดของศิลปินอย่างแท้จริง
ซึ่ง“บันเทิงแนวหน้า” กับ “มูลนิธิสุนทราภรณ์” โดย “หมึกดำ” บรรณาธิการฝ่ายข่าวบันเทิง กับ คุณ อติพร สุนทรสนาน เสนะวงศ์ ขอส่งความสุขให้กับ แฟน RETRO เปิดตัวศิลปินที่นับเป็นสมาชิกทั้งการก่อตั้งวงสุนทราภรณ์ หลากหลายรุ่นมาให้อ่าน โดยสัปดาห์นี้พบกับ“คลื่นลูกใหม่สุนทราภรณ์”
โครงการ “คลื่นลูกใหม่สุนทราภรณ์” ถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2542 เมื่อวงดนตรีสุนทราภรณ์มีอายุครบ 60 ปี โดยคุณอติพร สุนทรนาน เสนะวงศ์ ทายาทของครูเอื้อ สุนทรสนาน และผู้จัดการโรงเรียนสุนทราภรณ์การดนตรีและผู้อำนวยการวงดนตรีสุนทราภรณ์ ได้นำแนวความคิดที่คุณชัยรัตน์ คำนวณ ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายกสมาคมหนังสือพิมพ์ฯ (ปัจจุบัน เสียชีวิตแล้ว) ที่ต้องการให้มีคนรุ่นใหม่เข้ามาสืบสานงานเพลงของสุนทราภรณ์ แทนเหล่านักร้องรุ่นเก่าที่เริ่มสูงอายุขึ้น มาปฏิบัติ โดยจัดตั้งเป็น “โครงการคลื่นลูกใหม่สุนทราภรณ์” เปิดรับสมัครเยาวชนที่สนใจในการร้องเพลงสุนทราภรณ์ให้เข้าเรียนที่โรงเรียนสุนทราภรณ์การดนตรีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น และหากเรียนรู้และผ่านการคัดเลือกแล้ว จะได้ร่วมงานกับวงดนตรีสุนทราภรณ์
เมื่อข่าวโครงการ “คลื่นลูกใหม่สุนทราภรณ์” ได้แพร่ขยายออกไป เริ่มมีเยาวชนที่สนใจสมัครเข้ามาเรียนที่โรงเรียนสุนทราภรณ์การดนตรีอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่มาเองด้วยความสมัครใจ หรือได้รับการสนับสนุนจากผู้ปกครองที่มีหัวใจรักในเพลงสุนทราภรณ์ รวมถึงลูกหลานนักดนตรีและนักร้องในวงสุนทราภรณ์เอง จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ จุดนั้น กลับเริ่มขยายวงกว้างไปเรื่อย ๆ จากพี่ที่ชวนน้องสาวมาเรียน จากเพื่อนที่ชวนเพื่อนมาเรียน ปากต่อปาก จนในที่สุดได้เด็กเข้าในโครงการครบสิบสองคน แบ่งเป็นชายหก หญิงหก กลายมาเป็นกลุ่มนักร้องในนาม “คลื่นลูกใหม่ สุนทราภรณ์”
โดยมอบหมายให้ อรอนงค์ เสนะวงศ์ กรรมการ-ผู้ช่วยเลขานุการ มูลนิธิสุนทราภรณ์ หรือ ไข่หวาน บุตรสาว เป็นผู้ดูแลนักร้องกลุ่มดังกล่าว
ทั้งสิบสองคนมุ่งมั่นฝึกฝน ผ่านอุปสรรคนานับประการ ทั้งจากตัวบทเพลงที่มีเนื้อร้องยาว ภาษาที่ยาก เนื่องจากมีความเป็นกวีนิพนธ์ การเล่นเสียงและเล่นคำ ซึ่งเด็กรุ่นใหม่อย่างพวกเขาไม่เคยคุ้นมาก่อน หรือทำนองเองที่ใช้พื้นฐานเสียงทั้งสูงและต่ำ ทำนองเพลงที่มาจากเพลงไทยเดิม ซึ่งต้องใช้การเอื้อน อัดลมหรือกลั้นลม ซึ่งเป็นเทคนิคที่ยาก รวมถึงการให้เป็นที่ยอมรับของแฟนเพลงของสุนทราภรณ์ ซึ่งยึดติดกับการร้องเพลงโดยนักร้องเก่าของสุนทราภรณ์
เนื่องจากในช่วงสิบห้าปีที่ผ่านมา ถือเป็นยุคทองของวงดนตรีสุนทราภรณ์อีกครั้งหนึ่ง มีงานคอนเสิร์ตทุกเดือน ทำให้น้องๆ กลุ่มนี้มีโอกาสได้ฝึกฝนด้วยการขึ้นร้องบนเวทีอยู่บ่อยครั้ง จนในที่สุด นักร้องหน้าใหม่ในนาม “คลื่นลูกใหม่สุนทราภรณ์” ก็เข้าไปนั่งอยู่ในใจของแฟนเพลงทุกผู้ทุกนาม เนื่องจากสามารถสร้างสีสันในการแสดงดนตรี ด้วยความสดใหม่ ลีลาการร้องเพลงสุนทราภรณ์ในแนวเดิม แต่มิได้เลียนแบบ รวมถึงสไตล์ส่วนตัว ทั้งร้อง เต้น และรำ เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคุณยาย-คุณตา คุณป้า-คุณลุง คุณน้า-คุณอา ทุกครั้งที่มาชม จนสามารถสร้างกลุ่มแฟนเพลงของตนเองและจุดประกายให้เด็กรุ่นใหม่ที่พบเห็นพวกเขาสนใจเข้ามาสัมผัสกับเพลงสุนทราภรณ์ จนในขณะนี้ มีเยาวชนจำนวนมากเข้ามาศึกษาการร้องเพลงที่โรงเรียนสุนทราภรณ์ จนสามารถตั้งเป็นกลุ่มคลื่นลูกเล็กของสุนทราภรณ์ได้ หรือแม้แต่รายการดังอย่าง อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย ยังได้ขออนุญาตนำเพลงสุนทราภรณ์ไปใช้ในการประกวดร้องเพลงต่อเนื่องกันหลายปี
ความสำเร็จของ “คลื่นลูกใหม่สุนทราภรณ์” ผู้ซึ่งจะรับหน้าที่ในการสืบสานงานเพลงของสุนทราภรณ์อันทรงคุณค่าและเป็นอมตะให้ดำรงอยู่ต่อไปคู่กับสังคมไทยต่อไป เห็นได้จากการมีอัลบั้มเพลงสุนทราภรณ์ของตนเอง ภายใต้ชื่อ “คลื่นลูกใหม่หัวใจสุนทราภรณ์” จำนวน 10 อัลบั้ม ได้แก่ 1. “รื่นเริงสุขสันต์” 2. “เพลงรักสัมพันธ์” 3. “รักกันสามัคคี” 4. “สืบสานตำนานเพลง” 5. “มนต์เพลงชื่นชีวี” 6. “สดุดีคีตศิลปิน” 7. “กามนิต-วาสิฏฐี” 8. “ร้อยใจถวายสัจจา” 9. พระราชนิพนธ์ “แผ่นดินของเรา” และ 10. “BSO บรรเลงสุนทราภรณ์”
นอกจากนี้นักร้องคลื่นลูกใหม่สุนทราภรณ์ยังมีโอกาสได้ร่วมงานกับศิลปินที่มีชื่อเสียง ๆ อีกมากมาย เช่น คอนเสิร์ตคุณพระช่วยสำแดงสด, คอนเสิร์ต BSO บรรเลงสุนทราภรณ์, ละครเวทีสุนทราภรณ์เดอะมิวสิคัล รวมถึงการได้เดินทางไปร้องเพลงกับวงดนตรีสุนทราภรณ์ในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา (ลอสแองเจลิส ลาสเวกัส ชิคาโก นิวยอร์ค) สาธารณรัฐไต้หวัน (ไทเป เถาหยวน ไถจง) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน (ปักกิ่ง) ถือว่าเป็นผลงานที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งของสถาบันสุนทราภรณ์
ในเดือนเมษายน 2557 นี้ คลื่นลูกใหม่สุนทราภรณ์จำนวน 6 คนจาก 12 คน ได้รับเชิญจากคณะกรรมการจัดงาน Thai New Year (Songkran) Festival Corp. ให้ไปร่วมงานไทยนิวเยียร์ ที่จะจัดให้มีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2557 ณ North Hollywood Street, Los Angeles ซึงเป็นงานใหญ่ประจำปีของชุมชนไทย จัดต่อเนื่องกันมาเป็นปีที่ 11 โดยมีบริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัดให้การสนับสนุน เพื่อส่งเสริมประเพณีสงกรานต์ของไทย ปิดถนนฮอลลีวู้ด บริเวณไทยทาวน์ เป็นระยะทางประมาณ 3 กม มีชาวไทยและชาวต่างประเทศมาร่วมงานทุกปีประมาณสองแสนคน โดยคลื่นลูกใหม่สุนทราภรณ์จะมีเวทีเป็นของตนเองที่เวที Stage I และจะขับร้องเพลงสุนทราภรณ์ ชุดเพลงเทศกาลสงกรานต์ เพลงยอดนิยม และเพลงลีลาศรำวง ตั้งแต่เวลา 13.30 – 16.30 น. และจะเดินทางไปขับร้องเพลงรำวงเริงสงกรานต์ให้ผู้เข้าประกวดนางงามสงกรานต์ได้ร่วมรำวง ณ เวที่ Stage II ในเวลา 17.00 น. คลื่นลูกใหม่สุนทราภรณ์ที่จะเดินทางไปร่วมงาน Thai New Year (Songkran) Festival ณ นครลอสแองเจลิส ในปีนี้คือ
นุ่น-สุบงกช ทองช่วง
นุ่นถือเป็นสมาชิกคลื่นลูกใหม่สุนทราภรณ์รุ่นแรก ด้วยประสบการณ์ร้องเพลงกับวงดนตรีสุนทราภรณ์มากว่า 10 ปี ทำให้นุ่นถือเป็นคลื่นลูกใหม่สุนทราภรณ์ฝ่ายหญิงที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด ตลอดการทำงานกับสุนทราภรณ์ ความภูมิใจของนุ่นยังอยู่ที่การได้มีส่วนร่วมในการเผยแพร่งานเพลงสุนทราภรณ์ และการขับร้องตาม “ทางเพลงของสุนทราภรณ์” นอกจากคอนเสิร์ตสุนทราภรณ์ที่นุ่นได้มีโอกาสร่วมงานมาตั้งแต่ปี 2544 แล้วนุ่นยังได้มีโอกาสร่วมงานเพลงอื่นๆในนามนักร้องคลื่นลูกใหม่สุนทราภรณ์ ดังนี้ การบันทึกเสียงในอัลบั้ม “คุณพระช่วยออร์เคสตรา” และแสดงคอนเสิร์ตในชื่อเดียวกันในปี 2553 การบันทึกเสียงในอัลบั้ม “บีเอสโอบรรเพลงสุนทราภรณ์” และขับร้องเพลงกับวงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพ ในงานคอนเสิร์ตบีเอสโอบรรเลงสุนทราภรณ์ ในปี 2554 และ 2555 และคอนเสิร์ต “ทัพฟ้าคู่ไทยเพื่อชัยพัฒนา ครั้งที่ 7” เมื่อปี 2556 และขับร้องเพลงใน “เพลงรักของเธอ เดอะมิวสิคัล ครั้งที่ 4” เมื่อต้นปี 2557
ผลงานบันทึกเสียง : ธนูรัก, สั่งไทร, เพชรบุรีแดนใจ, กล่อมวนา, คมปาก, นิมิตสวรรค์,พระจันทร์วันเพ็ญ, วิมานใยบัว, สั่งไทร,ไม่รักไม่รู้, ปองใจรัก, พนาโศก,เงาอโศก.กลิ่นดอกโศก และมีโอกาสอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์บันทึกเสียงในชุด “แผ่นดินของเรา” ในเพลงแผ่นดินของเรา, คำหวาน,ยิ้มสู้,เราสู้, เกษตรศาสตร์,พรปีใหม่
จิมมี่-บัญชา รักษาจันทร์
หนุ่มคนนี้รักในเสียงเพลงและการเต้นลีลาศเป็นชีวิตจิตใจ จึงบริหารเวลาทั้งหน้าที่การงานที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการเรียนจนจบระดับปริญญาโท สาขาวิศวะไฟฟ้า กับการร้องเพลงที่วงดนตรีสุนทราภรณ์ควบคู่กัน จิมมี่มีลีลาประกอบการร้องที่น่าดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเพลง “ไพรพิศดาร” ที่เจ้าตัวบันทึกเสียงไว้ และเป็นเพลงที่สร้างขื่อเสียงให้กับเขาอย่างมาก โดยนอกจากจะร้องเพลงแล้ว ยังทำเสียงเลียนเสียงของสิงสาราสัตว์นานาชาติ เป็นที่สนุกสนาน และรียกรอยยิ้มจากผู้ฟังได้ทุกครั้งไป เมื่อต้นปี 2557 จิมมี่ได้มีโอกาสร่วมแสดงใน “เพลงรักของเธอ เดอะมิวสิคัล ครั้งที่ 4” ได้แสดงความสามารถในการลีลาศทั้งจังหวะบอลรูมและลาตินได้อย่างประทับใจ
ผลงานบันทึกเสียง : เพลงพระราชนิพนธ์บันทึกเสียงในชุด “แผ่นดินของเรา” ในเพลง รัก
มีน-ณัฏฐ์นรี มะลิทอง
สาวน้อยหน้าหวานเจ้าของฉายา “เสียงหวานดุจน้ำค้างยามอรุณ” เริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักร้องคลื่นลูกใหม่สุนทราภรณ์ในปี พ.ศ. 2546 เมื่อเธอติดตามคุณแม่มาเรียนร้องเพลงที่โรงเรียนสุนทราภรณ์การดนตรี จากเด็กน้อยผู้ขี้อาย มีนยืนยันว่าเพลงสุนทราภรณ์ช่วยให้เธอกล้าแสดงออก และเป็นตัวของตัวเองมากยิ่งขึ้น
เธอตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเลือกเอกศิลปการแสดง และด้วยความสามารถทั้งการร้องเพลงและการแสดง ทำให้ในปี พ.ศ. 2554 ได้รับเลือกจากมูลนิธิสุนทราภรณ์ และ บ.เจเอสแอล โกลบอล มีเดีย จำกัด ให้รับบทนางรองในละครเวทีชื่อดัง “กว่าจะรักกันได้ สุนทราภรณ์ เดอะ มิวสิคัล ครั้งที่ 1” โดยรับบทเป็นเจ้าหญิงอาภัสรา ของละครเวทีเรื่อง จุฬาตรีคูณ
ผลงานบันทึกเสียง : ใจชายใจหญิง,หยดน้าเจ้าพระยา,จุฬาตรีคูณ,ปองใจรัก,ศรรัก,รักต่างแดน, แรกพบสบรัก, เงาอโศก, รักฉันคนเดียว, วาสิฏฐี, กลิ่นดอกโศก, ปาริชาติ, กามนิต-วาสิฏฐี
มนต์รักนวลจันทร์นวล, ภาษารัก,ระฆังสั่งลาและมีโอกาสอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์บันทึกเสียงในชุด “แผ่นดินของเรา” ในเพลง แผ่นดินของเรา, พรปีใหม่, Oh I Say, เราสู้, ยิ้มสู้, รัก
ซัน-ชาตรี ชุ่มจิตร
ความสามารถในการร้องเพลงสุนทราภรณ์ของซัน-ชาตรีรับประกันได้จากรางวัลชนะเลิศฝ่ายชายจากการประกวดร้องเพลงระดับเยาวชน “คลื่นลูกใหม่หัวใจสุนทราภรณ์” ซึ่งทางมูลนิธิสุนทราภรณ์ จัดขึ้นร่วมกับมหาวิทยาลัยศรีปทุม เมื่อปี พ.ศ.2549 ในเพลง “พี่รักเจ้า” และก้าวเข้ามาคลื่นลูกใหม่สุนทราภรณ์รุ่นที่ 2 ของวงดนตรีสุนทราภรณ์หลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาตรี นิเทศศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาเอก การประชาสัมพันธ์ จากมหาวิทยาลัยสยามแล้ว ซันเลือกทำในสิ่งที่เขารักควบคู่กัน นั่นคือ การรับตำแหน่งผู้ช่วยผู้ตรวจการ สำนักงานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ และวิทยากรฝ่ายฝึกอบรม ประจำ PETCHARAWUT CLUB และร้องเพลงกับวงดนตรีสุนทราภรณ์
ซัน-ชาตรี ชุ่มจิตรมีความสามารถในการถ่ายทอดบทเพลงสุนทราภรณ์ได้หลากหลายแนว ทั้งเพลงช้า เพลงเร็ว มีพรสวรรค์พิเศษในการจำเนื้อเพลงยาวๆ และร้องเพลงที่มีลูกกระทุ้งเช่นเพลงพื้นบ้านได้ดีเป็นพิเศษ
ผลงานบันทึกเสียง : รักร้าง และมีโอกาสอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์บันทึกเสียงในชุด “แผ่นดินของเรา” ในเพลง แผ่นดินของเรา, พรปีใหม่,ยิ้มสู้,เราสู้,เกษตรศาสตร์
แจ๊ป-ณฤดล ผิวอ่อน
หลังจากกวาดทั้งรางวัลชมเชย และรางวัลขวัญใจแฟนเพลง (Popular Vote) ในเพลง “รักรัญจวน” จากเวทีประกวดร้องเพลงระดับเยาวชน “คลื่นลูกใหม่หัวใจสุนทราภรณ์” ซึ่งทางมูลนิธิสุนทราภรณ์ จัดขึ้นร่วมกับมหาวิทยาลัยศรีปทุม เมื่อปี พ.ศ.2549 เวทีเดียวกันกับซัน-ชาตรี หนุ่มน้อยผู้นี้ก็ตัดสินใจเข้ารับการฝึกฝนเข้าเป็นหนึ่งในคลื่นลูกใหม่สุนทราภรณ์รุ่นที่ 2 ในทันที โดยระหว่างนั้น เขาต้องขับรถไปกลับนครสวรรค์-กรุงเทพฯ เพื่อมาเรียนร้องเพลงที่โรงเรียนสุนทราภรณ์การดนตรีทุกวันเสาร์เป็นประจำมิได้ขาดปัจจุบัน แจ๊ปจบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม และกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่คณะและมหาวิทยาลัยเดิม ควบคู่ไปกับการร้องเพลงกับวงดนตรีสุนทราภรณ์ และถือเป็นนักร้องคลื่นลูกใหม่ที่มีแฟนเพลงจับตาดูมากที่สุดอีกคนหนึ่ง
ผลงานบันทึกเสียง : ฟ้าแดง และมีโอกาสอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์บันทึกเสียงในชุด “แผ่นดินของเรา” ในเพลง ไร้จันทร์, แผ่นดินของเรา, พรปีใหม่,ยิ้มสู้,เราสู้,เกษตรศาสตร์
แจน-นันทพร ค้าผล
อีกหนึ่งคลื่นลูกใหม่สุนทราภรณ์ที่มาจากการประกวดร้องเพลงที่มูลนิธิสุนทราภรณ์จัดขึ้นร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิตเมื่อเดือนพฤศจิกายนเมื่อปี พ.ศ. 2553 ซึ่งเป็นปีของการฉลองครบรอบ ๑๐๐ ปีชาตกาล ครูเอื้อ สุนทรสนาน เพราะชื่นชอบในเพลงสุนทราภรณ์อยู่แล้ว จึงตัดสินใจเข้ามาฝึกฝนในโครงการคลื่นลูกใหม่ฯ อย่างเต็มตัว หลังจากเดินทางกลับจากการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา แจนชอบร้องเพลงสนุกๆ จึงได้รับมอบหมายให้ร้องส่วนมากเป็นเพลงเร็ว มีจังหวะ สำหรับงานลีลาศต่างๆปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ที่โครงการอังกฤษ-อเมริกันศึกษา (หลักสูตรนานาชาติ) คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และยังเป็นสมาชิกของชุมนุมขับร้องประสานเสียงแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือ TU Chorus อีกด้วยในงาน Thai New Year (Songkran) Festival ที่นครลอสแองเจลิสครั้งนี้ แจนจะรับหน้าที่เป็น MC ภาคภาษาอังกฤษ เพื่อแนะนำครูเอื้อ สุนทรสนาน ผู้ก่อตั้งวงดนตรีสุนทราภรณ์ และบทเพลงสุนทราภรณ์ เพื่อให้ชาวต่างชาติได้มีโอกาสทราบรายละเอียดของงานเพลงของสุนทราภรณ์อีกด้วย นี่คือความสำเร็จของเยาวชนไทยกลุ่มหนึ่งที่มีความมุ่งมั่นในการสืบสานบทเพลงสุนทราภรณ์ให้อยู่คู่กับสังคมไทยต่อไป
ติดต่อวงดนตรีสุนทราภรณ์/โรงเรียนสุนทราภรณ์การดนตรี/มูลนิธิสุนทราภรณ์ ได้ที่ ๒๐๒ ซอยสุจริต ๒ ถนนพระราม ๕ ข.ดุสิต กทม ๑๐๓๐๐ ศูนย์บริการสุนทราภรณ์ โทร. ๐๘๑ ๒๘๕-๑๔๒๗ อีเมล์:soontaraporn@gmail.com
เว็บไซต์: www.websuntaraporn.com เฟสบุ๊ค:www.facebook.com/SuntarapornFoundation หรือติดต่อ อติพร เสนะวงศ์ โทร ๐๘๑ ๘๔๙-๖๔๖๕
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี