เมื่อช่วงปลายปี 2560 ที่ผ่านมา มีคำคำหนึ่งที่ถูกพูดถึงมากนั่นคือ “Social Movement” ซึ่งมีที่มาจากคำถามบนเวทีประกวดนางงามระดับโลก Miss Universe 2017 และกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันไปหลายวัน โดยเฉพาะในสังคมไทยที่มารีญา พูลเลิศลาภ สาวงามตัวแทนความหวังของคนไทยทั้งชาติ ไปได้ไกลที่สุดเพียงรอบ 5 คนสุดท้าย เพราะการอธิบาย Social Movement ในมุมมองของเธอนั้นอาจไม่โดนใจคณะกรรมการประจำกองประกวด หรือแม้แต่ในแวดวงวิชาการ ก็ยังมีการถกเถียงกันว่าตกลงแล้วคำคำนี้หมายถึงอะไรกันแน่?
หากแปลกันตามตัวอักษร Social Movementก็อาจเข้าใจง่ายๆ ได้ว่าหมายถึง “การเคลื่อนไหวทางสังคม” เพื่อให้เกิด “การเปลี่ยนแปลง” อะไรสักอย่างหนึ่ง ซึ่งในสังคมไทยก็มีการเคลื่อนไหวทำนองนี้ในหลายประเด็น เช่น การเรียกร้องให้รัฐบาลมีกฎหมายรับรองการแต่งงานของคู่รักเพศเดียวกัน การเรียกร้องให้ปฏิรูปการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมมิใช่กระจุกตัวอยู่กับคนมั่งมีจำนวนน้อย การเรียกร้องสิทธิที่คนระดับล่างจะได้อยู่อาศัยในเมืองโดยไม่ถูกกดดันไล่รื้อ หรือในชนบทที่มีการเรียกร้องสิทธิการใช้พื้นที่ป่าอย่างสมดุลไม่ใช่ไล่คนออกจากป่าอย่างเดียว ฯลฯ
อนึ่ง..ขบวนการ Social Movement ไม่จำเป็นต้องหมายถึงความเคลื่อนไหวระดับประเทศหรือนานาชาติเสมอไป “ระดับพื้นที่” ก็สามารถเกิดกระแสที่คนในท้องถิ่นลุกขึ้นมารวมตัวกันผลักดันประเด็นที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของตนเอง เช่นที่ “ภาคเหนือตอนบน” (เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน เชียงราย น่าน พะเยา แพร่) มีการรวมตัวของ “คนรุ่นใหม่” ทำการศึกษาปัญหาในชุมชนใกล้เคียง
ธนวัฒน์ วงศ์ใจ ประธานชมรมรากดิน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ เล่าว่า ได้ทำการศึกษาเรื่อง “สุขภาวะชุมชน บนมิติรายได้ครัวเรือนของประชาชนลุ่มแม่น้ำอ้อ” ใน 3 ชุมชน ได้แก่ บ้านแม่อ้อใน แม่อ้อสันติ และบ้านสันสลี เป็นเวลากว่า3 เดือน ใน 4 ประเด็น คือ 1.ความมั่นคงทางอาหาร ประชาชนลุ่มแม่น้ำอ้อ ทำอาชีพเกษตรกรรม ร้อยละ 90 ซึ่งเป็นอาชีพดั้งเดิม และต้องเผชิญปัญหา “ความยากจน” เกิดหนี้สิน เพราะมีผลผลิตและรายได้ 1 ครั้งต่อปี และฝากชีวิตไว้กับฝนฟ้าอากาศ
2.ภาษีสังคม งานศพ งานบวช งานแต่ง งานบุญ ภาษีนา มีความสำคัญเชิง “ความสัมพันธ์” ภายในชุมชน 3.มีบุตรมากและคาดหวังสูงครัวเรือนมีบุตร 2-3 คน “ต้องการให้เรียนสูงๆ แต่ไม่ได้วางแผนด้านการศึกษา” จึงต้องกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาที่ยาวนาน ค่าเฉลี่ยในการส่งบุตรเรียนถึงระดับปริญญา 566,666 บาท 4.โรคไม่ติดต่อแต่มีอาการเรื้อรัง (NCDs) มี 3 โรคสำคัญคือ เบาหวาน ความดันโลหิต และโรคไต “ต้องเสียค่าใช้จ่าย” ในการรักษาพยาบาล
“ในฐานะเยาวชน อยากร่วมสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสังคม ชุมชน ประเทศชาติ ให้ดูดียิ่งขึ้น สวยงามมากขึ้น และอยากเป็นตัวแทนในการส่งต่อข้อมูลให้ผู้นำชุมชน คนในชุมชน ได้นำผลที่ได้ทำการศึกษาไปปรับใช้ แต่การเปลี่ยนแปลงสังคมหรือสร้างสังคม ต้องเริ่มจากจุดเล็กๆ โดยเริ่มต้นจากครอบครัว ขยับต่อไปยังชุมชน สังคมและประเทศชาติ” ธนวัฒน์ กล่าว
ทางด้าน วรากร ใจยา ตัวแทนเครือข่ายเยาวชนสร้างสรรค์เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมภาคเหนือตอนบน กล่าวเสริมว่า กิจกรรมที่เยาวชนได้ทำร่วมกันเป็นการ “เปิดพื้นที่ทางความคิดและอุดมการณ์” มุ่งหมายพัฒนากลไกเครือข่ายนักศึกษาในมหาวิทยาลัยพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ให้มีความตื่นตัวและสนใจในการ “พัฒนาศักยภาพตนเองพร้อมไปกับการพัฒนาชุมชนและสังคม” เพื่อสร้างความเป็นพลเมืองที่เข้มแข็งในอนาคต
วรากร กล่าวย้ำว่า การขับเคลื่อนเครือข่ายมุ่งเน้น “ใช้ชุมชนเป็นพื้นที่การเรียนรู้” (Area Focused) ใช้การตั้งโจทย์หรือคำถามเพื่อให้เกิดการคิดร่วมและช่วยกันหาคำตอบ ซึ่งจะเป็นแรงผลักเพื่อยกระดับทัศนคติ มุมมองและศักยภาพของเยาวชน เพื่อให้เป็น “พลเมืองที่ตื่นรู้” (Active Citizens) เท่าทันและเข้าใจ พร้อมทั้งเป็นแกนกลไกในการพัฒนาระบบสุขภาวะที่จะทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกสมัยใหม่ที่เคลื่อนตัวเร็ว
ขณะที่ บุญเชิด ติ๊บมา ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 บ้านแม่อ้อ กล่าวว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่เห็นคนรุ่นใหม่หันมาสนใจปัญหาของชุมชน เนื่องจากปัจจุบันเยาวชนมักลืมบ้านเกิด ไปศึกษาในเมืองแล้วมักไม่กลับมา การมีโครงการฯ กิจกรรมดีๆ ที่ลงสู่ปัญหาของคนในชุมชนจริงๆ ทำให้ชาวบ้านให้ความสนใจมาก โดยเฉพาะการนำความรู้มาถ่ายทอด แนะแนว ทางทั้งการศึกษา วัฒนธรรม ประเพณี ที่ควรสืบทอดให้คงอยู่ต่อไป มีประโยชน์กับทั้งชุมชน ผู้ปกครอง เยาวชน คนทุกช่วงวัยได้มาสานสัมพันธ์ร่วมกัน มีการสื่อสารระหว่างกันมากขึ้น
“ชุมชนของเรามีปัญหาเรื่องเกษตรกรรม ขาดความรู้ด้านเกษตรแนวใหม่ อีกประเด็นคือเรายังมีเด็กมีเยาวชนที่ยังขาดคนดูแล ไม่มีพ่อแม่มีความเสี่ยงในการประพฤติไปในทางที่ไม่ดีจำนวนมาก อยากให้โครงการเกิดการต่อยอดต่อไป เพื่อความต่อเนื่องเพื่อชุมชนจะได้ปรับสถานการณ์ระหว่างเด็กบ้านนอกและในเมือง โดยให้น้องๆ เยาวชน เข้ามาเป็นต้นแบบที่ดีและช่วยให้คำแนะนำให้เขามีแนวทางดำเนินชีวิตที่ดี” ผู้ใหญ่บุญเชิด ระบุ
โครงการเยาวชนสร้างสรรค์เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมภาคเหนือตอนบน เป็นการร่วมมือกันของเครือข่ายนักศึกษา 8 สถาบัน คือมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา มหาวิทยาลัยพะเยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์ลำปาง) มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ (วิทยาเขตแพร่ เฉลิมพระเกียรติ) ร่วมกับเครือข่ายเยาวชน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มสมัชชาเยาวชนชาวไทยภูเขา จ.น่าน และกลุ่มเยาวชนเคียงริมโขง จ.เชียงราย
เพ็ญพรรณ จิตตะเสนีย์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชนและครอบครัว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวในงานกิจกรรม “ฮ่วมกึ๊ดฮ่วมแฮง ฮ่วมสร้างสรรค์สังคม” ณ โรงเรียนบ้านแม่อ้อ ต.แม่อ้อ อ.พาน จ.เชียงราย ว่า การขับเคลื่อนงานของเยาวชนคนรุ่นใหม่ เป็นตัวอย่างที่ดีทำให้เห็นถึงผลการทำงานอย่างเป็นรูปธรรมเปิดมุมมองของผู้ใหญ่หลายๆ คนให้เห็นถึงพลัง ความสามารถของคนรุ่นใหม่ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนได้มีโอกาสเข้าใจถึงปัญหาความทุกข์ใจของชุมชน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหา
“หวังว่าเมื่อน้องๆ ได้เติบโตและจบการศึกษาแล้ว โอกาสและประสบการณ์ที่ดีในวันนี้ ที่เกิดจากการร่วมเรียนรู้กับชุมชน จะทำให้เข้าใจถึงหัวอกของชาวบ้าน เข้าใจปัญหา และเชื่อว่าทุกคนจะเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ สามารถที่จะขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงสังคมไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยสิ่งที่ได้ทำอยู่นี้คือ การเคลื่อนไหวทางสังคมหรือ Social Movement แม้จะขับเคลื่อนกันใน
พื้นที่เล็กๆ แต่มันจะยิ่งใหญ่ในอนาคตต่อไปได้อย่างแน่นอน” ผอ.สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชนและครอบครัว สสส. กล่าวทิ้งท้าย
(ซ้าย) วรากร ใจยา, (ขวา) ธนวัฒน์ วงศ์ใจ
ย้อนกลับไปที่เวที Miss Universe 2017 ในครั้งนั้น “I think the most important social movement so far is that we have aging population but so the most important movement in our time is definitely the youth. So the youth is the future. The youth is something that we have to invest in because they are the ones that are going to look after the earth that we live in” คือคำตอบที่ มารีญา กล่าวถึง Social Movement ในมุมมองของเธอ
โดยแปลเป็นไทยได้ว่า “ฉันคิดว่าประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมที่สำคัญที่สุดจนถึง ณ วันนี้ คือการที่เรามีประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้น แต่ความเคลื่อนไหวที่สำคัญที่สุดในยุคของเราคือเยาวชน เยาวชนเป็นอนาคต เยาวชนเป็นอะไรที่เราต้องลงทุน เพราะพวกเขาคือคนที่จะมาดูแลโลกใบนี้ที่เราอยู่” ซึ่งแม้จะคลาดเคลื่อนตามนิยามทางวิชาการไปบ้าง ระหว่างคำว่า Social Movement กับคำว่า Social Issue (ประเด็นทางสังคม) จนทำให้เธอไม่ได้ไปต่อ
แต่การส่งเสริมศักยภาพและบทบาทของคนรุ่นใหม่ ที่ต้องเข้ามารับช่วงต่อในการดูแลสังคมแทนคนรุ่นก่อนหน้าที่อย่างไรก็ต้องเกษียณอายุและจากโลกนี้ไปตามกาลเวลา..นั่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี