ไม่นานนี้ “ทีมงาน นสพ.แนวหน้า” นำเสนอเรื่องราวของ “เทศบาลตำบล (ทต.) นาป่าแซง” ต.นาป่าแซง อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ (สานพลังชุมชน หนุนเสริมดูแลสุขภาวะคนไทย : แนวหน้าวาไรตี้ นสพ.แนวหน้า ฉบับวันที่ 18 ม.ค. 2561) ที่คนในท้องถิ่น “บริหารจัดการตนเอง” ด้านการดูแลสุขภาพของประชากรในชุมชนทุกช่วงวัย จนได้รับการยกย่องเป็นกรณีศึกษา ดังปรากฏในรายงาน “นวัตกรรมสุขภาพจิตชุมชน ปี 2560 ชุมชนเป็นฐาน ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ร่วมสร้างสุขภาพจิตที่ดี” โดยสำนักส่งเสริมและพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต
ทว่าที่ชุมชนแห่งนี้ ยังอาจเป็นตัวอย่างได้อีกด้านหนึ่ง นั่นคือ “ประชาธิปไตย” ที่เริ่มจาก “ฐานราก” ภายใต้หลักการสั้นๆ เพียง 3 คำ คือ “รวมแล้วแยก” ดังเรื่องเล่าของ วชิระ มาประสม นายกเทศมนตรี ทต.นาป่าแซง ว่า ทต.นาป่าแซง ก็ไม่แตกต่างจากที่อื่นๆ คือมีหน่วยงานรับผิดชอบภารกิจด้านต่างๆ หลายหน่วยงานกระจายกันไป และที่ผ่านมา “ต่างคนต่างทำ” ไม่พูดคุยปรึกษาหารือกัน ปัญหาของพื้นที่จึงไม่อาจแก้ไขให้ลุล่วง
จึงเกิดความคิดว่า “ทำไมเราไม่ตั้งคณะกรรมการแล้วดึงทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม?” ตามมาด้วยการชักชวนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) รวมถึงเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่ เข้ามาเป็นคณะทำงานในชื่อ “คณะทำงานไทนาป่าแซงบ่ถิ่มกัน” ตั้งเป้าหมายว่าจะดูแลคนในชุมชนทุกช่วยวัย “จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน” ไม่ทอดทิ้งใครไว้เบื้องหลัง
“ในทุกๆ เดือน คณะทำงานจะมาร่วมกันประชุมเพื่อเสนอปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชน พร้อมทั้งการระดมทรัพยากรของแต่ละหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ อุปกรณ์และกำลังคน หลังจากนั้นจะแยกกันไปทำงานตามบทบาทของตัวเอง การรวมกันเป็นคณะทำงานช่วยให้เกิดการประสานงานร่วมกันมากขึ้น ลดความซ้ำซ้อนสามารถแก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว โดยหน่วยงานมีเป้าหมายที่จะทำให้ความเป็นอยู่ของชุมชนดีขึ้น โดยที่จะไม่มีใครถูกทิ้งโดยไม่มีผู้ดูแล” วชิระ กล่าว
แต่ที่ชี้ถึงความเป็นประชาธิปไตยได้ชัด วชิระ ชี้ไปที่กระบวนการ “รับฟังความคิดเห็น” อาทิ การแก้ปัญหาของผู้สูงอายุ คณะทำงานไปรับฟังปัญหาจากผู้สูงอายุอย่างจริงจังก่อนออกแบบวิธีแก้ไขด้วยการตั้ง “วิทยาลัยผู้สูงอายุนาป่าแซงบ่ถิ่มกัน” โดยรับสมัครผู้มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป มาในตำบลมาร่วมกันทำกิจกรรมและมีศูนย์อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ที่ร่วมอำนวยการในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในชุมชน
หรือการแก้ไขปัญหาผู้ด้อยโอกาส มีการทำงานร่วมกับ อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) โดยจัดตั้งกองทุนสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือคนที่ยากไร้ในชุมชน ที่ผ่านมามีการมอบหมายให้ อสม. นำเงินในกองทุนไปใช้ดูแลผู้ป่วยติดเตียงในชุมชน เป็นต้น ซึ่งการทำงานในลักษณะนี้ “แก้ปัญหาได้ตรงจุด” ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่ “พอใจ” และอยากให้กระบวนการมีส่วนร่วมเช่นนี้มีอยู่ต่อไป
นายกเทศมนตรี ทต.นาป่าแซง ยังเปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้คณะกรรมการกำลังร่าง “ธรรมนูญสุขภาวะชุมชน” หรือก็คือ “แผนยุทธศาสตร์ของชุมชน” ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา ฯลฯ โดยผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นทั้งระหว่างร่าง และเมื่อร่างเสร็จทั้งฉบับแล้วก็นำไปให้ชุมชนพิจารณาอีกครั้ง คาดว่าจะได้เห็นหน้าตาชัดเจนกันในเดือนมี.ค. 2561 นี้
ด้าน ดวงพร เฮงบุณยพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก 3) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวเสริมว่า การบริหารจัดการในรูปแบบการมีส่วนร่วมของตำบลนาป่าแซงถือเป็นการสร้างประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมเพราะการทำงานของนาป่าแซงมีรูปแบบคณะทำงานที่รวมองค์กรทั้งหมดในตำบลของเขามาเพื่อมานั่งพูดคุย และใช้กลไกกรรมการหมู่บ้านในการระดมแก้ปัญหา
หลังจากนั้นจะแยกกันทำงานอย่างเป็นระบบ เมื่อมีปัญหาก็กลับมาพูดคุยกันอีกครั้งเพื่อดูว่าการทำงานมีปัญหาอะไรติดขัด นำมาแก้ไขจนสามารถดำเนินบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ การทำงานลักษณะนี้ยัง “สร้างความเป็นพลเมือง” ผู้รู้หน้าที่และมีจิตอาสาที่จะช่วยเหลือสังคม เช่นหากมีครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งไม่มีองค์ความรู้ในการทำเกษตรกรรม ครอบครัวที่มีความรู้จะเข้าไปช่วยเหลือสอนให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันได้
“ตำบลนาป่าแซงไม่ใช่คนมายืนพูดต้องการอย่างนั้น เรียกร้องอย่างนี้ เพราะเขามีหน้าที่พลเมืองมีธรรมนูญข้อตกลงในชุมชน ทุกคนมีส่วนร่วม เน้นหน้าที่พลเมืองทุกคนมีหน้าที่รับผิดชอบ นอกจากรับผิดชอบตัวเองต้องรับผิดชอบคนอื่นด้วย เพราะหน้าที่พลเมืองมีหลักสำคัญคือ จิตอาสาที่จะช่วยเหลือเพื่อนในชุมชน” ผอ.สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สสส. กล่าวทิ้งท้าย
ย้อนกลับมาที่การเมืองภาพใหญ่ของประเทศไทย อันมีรัฐบาลโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ซึ่งมีหัวหน้า คสช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยอีกตำแหน่งหนึ่ง กำลังมีโครงการที่เรียกว่า “ไทยนิยมยั่งยืน” ที่มุ่งหมายลงไปแก้ไขปัญหาความยากจน โดยลงลึกในระดับตำบลและหมู่บ้าน ซึ่งมีหนังสือคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 21/2561 ตั้งคณะกรรมการไปเมื่อ 23 ม.ค. 2561 ที่ผ่านมา
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เขียนบทความ “Thailand RESET หรือ “ไทยนิยม”?” โพสต์ลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัว “Thirachai Phuvanatnaranubala” เมื่อ 26 ม.ค. ตั้งข้อสังเกตถึงเรื่องนี้ว่า ยังมีปัญหาในเชิงรายละเอียด เพราะ “การสะท้อนปัญหาเฉพาะของแต่ละชุมชนได้อย่างจริงจังนั้น จะต้องเป็นการคิดอ่านและวางโครงการจากระดับล่างขึ้นไปสู่ระดับบน (Bottom Up)” ระดับล่างเท่านั้นที่จะล่วงรู้ปัญหาและทางแก้ แต่ประกาศของภาครัฐยังขับเคลื่อนจากระดับบนลงไประดับล่าง (Top Down) ตามความเคยชินของระบบราชการ
ฉะนั้นถึงเวลา “เปลี่ยนวิธีคิด” แล้วหรือไม่?
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี