วันที่ 2 มีนาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เว็บบล็อกของพิพิธภัณฑ์อังกฤษ (British Museum) ได้รายงานการค้นพบ “รอยสัก” ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก บนร่างมัมมี่แห่งอียิปต์อายุ 5,000 ปี จำนวน 2 ร่างทั้งเพศชายและหญิง

โดยรอยสักบนร่างมัมมี่เพศชายนั้น เป็นภาพกระทิงป่าและแกะภูเขา สักอยู่บริเวณแขนท่อนบน ส่วนรอยสักบนร่างของมัมมี่เพศหญิง เป็นลวดลายคล้ายรูปตัว “S” ที่แขนท่อนบนและไหล่

โดยมัมมี่ทั้ง 2 ร่าง ถูกพบที่เมืองเกเบลีนทางตอนใต้ของอียิปต์เหนือ โดยคาดว่าทั้งคู่น่าจะเคยมีชีวิตอยู่ในช่วงระหว่าง 3,251-3,017 ปีก่อนคริสกาล โดยขณะนี้ถูกเก็บรักษาและจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์อังกฤษ และจากการศึกษาร่างของมัมมี่ในช่วงที่ผ่านมา คาดว่า มัมมี่เพศชายอาจเสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรม เนื่องจากมีร่องรอยคล้ายบาดแผลถูกแทงอยู่ที่ด้านหลัง

ส่วนรอยสักที่พบนั้น เดิมถูกมองเป็นเพียงรอยเปื้อนที่ไม่สำคัญอะไร จนกระทั่งมีการสแกนด้วยอินฟาเรดที่ร่างของมัมมี่ จึงทำให้ทราบว่าร่องรอยดังกล่าวเป็นรอยสัก โดยสันนิษฐานว่าอาจเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและความแข็งแกร่ง

ทั้งนี้การค้นพบดังกล่าว ถือเป็นเครื่องช่วยยืนยันว่าการสักในทวีปแอฟริกามีมาก่อนสมมติฐานเดิมถึง 1,000 ปี รวมทั้งลบล้างความเชื่อเดิมที่ว่า ในยุคโบราณมีเพียงเพศหญิงเท่านั้นที่จะมีรอยสัก เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์และการสืบพันธุ์

https://blog.britishmuseum.org/worlds-earliest-figural-tattoos-discovered-on-5000-year-old-mummies/