13 มี.ค.61 วัดถ้ำแสงเพชร ตั้งอยู่บนภูเขาขาม เหตุที่เรียกว่า ภูเขาขาม เนื่องจาก มีต้นมะขามขนาดใหญ่ ขึ้นอยู่กลางหน้าผาด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ใกล้กัน ยังมีถ้ำ ซึ่งคนโบราณเล่าว่า เป็นที่อยู่ของฤๅษีเมื่อนานมาแล้ว และภูเขาขามก็มีพื้นที่ลาดเอียงไปทางทิศตะวันออก มีถ้ำเกิดจากเพิงหินหลานแห่ง ในจำนวนนี้ มีอยู่ 2 ถ้ำ คือ ถ้ำพระใหญ่ (ถ้ำแสงเพชร) และถ้ำพระน้อย (ถ้ำโคนอน) ซึ่งถ้ำพระใหญ่มีความลึกและยาวมากจนทะลุภูเขาไปอีกด้านหนึ่ง เข้าใจกันว่า จะไปทะลุออกทางด้านถ้ำขาม เป็นที่อาศัยของฤๅษี ถ้ำพระใหญ่ หรือ ถ้ำแสงเพชร ในสมัยก่อนปากถ้ำกว้างเพียง 1 เมตรเท่านั้น มีพระพุทธรูปและเบญจวัคคีตั้งอยู่ ที่ชำรุดตั้งอยู่ มองดูแล้วไม่ถูกพุทธลักษณะ แม้จะปั้นด้วยปูนก็ตาม เข้าใจว่า ผู้ปั้นยังไม่ชำนาญ แต่คงปั้นด้วยแรงศรัทธา ต่อมา ผู้มีจิตศรัทธา ได้บริจาคทุนซ่อมสร้างขึ้นมาใหม่ ทั้งพระประธานและเบญจวัคคี
เหตุผลที่ชาวบ้านเรียกถ้ำพระใหญ่เป็นถ้ำแสงเพชร ก็เพราะว่า มีเรื่องเล่ากันว่า ในอดีตมีกษัตริย์ขอมพระมเหสี หนีจากการรุกรานจากประเทศลาวมาหลบซ่อน โดยนำเอาแก้วแหวนเงินทองจำนวนมากมาด้วย แต่ไม่นานก็สิ้นพระชนม์เพราะไข้ป่า ชาวบ้านก็ไม่กล้าเข้าไปเอาทรัพย์สิน เพราะมีสิ่งลี้ลับคอยเฝ้ารักษา เคยมีพระธุดงค์เข้าไปนั่งสมาธิบำเพ็ญภาวนาแล้วเกิดความโลภอยากได้สมบัติ ปรากฏว่า เหมือนมีคนมาเขย่าถ้ำ คล้ายจะพังลงมา ทำให้ต้องเผ่นหนีกันเตลิด
จากถ้ำพระใหญ่ไปอีก 50 เมตร จะพบถ้ำที่พำนักของฤๅษีในอดีต ซึ่งปัจจุบันพบเพียงรูปปั้นนั่งอยู่ภายในถ้ำที่มีความลึก 20 เมตร ถัดไปก็จะเป็นถ้ำงู ที่มีความลึกมาก มีร่องรอยของงูมีให้ดูมากมาย ผ่านไปอีก 200 เมตร ก็จะเป็นถ้ำค้างคาว ปากถ้ำกว้าง 60 เมตร อบอวนไปด้วยกลิ่นมูลค้างคาว หากใช้ไฟส่องดู ก็จะพบกับค้างคาวเกาะบนผนังเพดานถ้ำเต็มไปหมดหากเดินรัดเลาะผ่านต้นไม้ที่เขียวขจี มีเถาวัลย์พันเต็มไปหมดตลอดทาง 700 เมตร ก็จะพบ ถ้ำพระน้อย หรือ ถ้ำโคนอน โดยมีรูปปั้นโคนอนอยู่ปากถ้ำ ชาวบ้านเล่าว่า สมัยก่อนเป็นที่พักของโคป่าจำนวนมาก จึงได้ร่วมกันปั้นรูปไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์
ถ้ำโคนอนอยู่ล่างสุดจากยอดภูเขาขามลงมา ถ้าต้องการชมทัศนียภาพบนภูเขาขามและกราบนมัสการหุ่นขี้ผึ้ง หลวงพ่อชา (พระโพธิญาณเถระ) ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายใน เจดีย์ศรีโพธิญาณ และชมมหาวิหาร(ศาลาพันห้อง) โดยรถยนต์ก็จะมีทางลาดยางขึ้นไปอย่างสะดวก 2 กิโลเมตร บนยอดเขา จะพบเจดีย์ ซึ่งสร้างตามแบบเจดีย์หนองแค จ.สระบุรี มีรูปทรงคล้ายกับเจดีย์ที่นครปฐมบางส่วน ฐานวัดโดยรอบได้ 26 เมตร สูง 26 เมตร มีซุ้มประตู 4 ด้าน ภายในบรรจุหุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อชานั่งอยู่ และมีภาพวัดกิจวัตรของหลวงพ่อชาขณะมีชีวิตอยู่บนฝาผนังอย่างสวยงาม
ต่อมาก็จะเห็น พระพุทธไสยาสน์ ทอดยาวขนานกับมหาวิหารบนลานหินที่สวยงาม มีความยาว 19 เมตร บุด้วยกระเบื้องโมเสกสีขาวทั้งองค์ มีพระนามว่า พระพุทธโพธิญาณภัทรมหาราช ใกล้กันก็จะเป็นมหาวิหาร หรือ ที่ชาวบ้านเรียกว่า ศาลาพันห้อง ตั้งอยู่บนเนินหิน กว้าง 28 เมตร ยาว 60 เมตร เนื้อที่ 1,780 ตารางวา เสาและพื้นเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคาบุกระเบื้อง พื้นที่ชั้นล่างเป็นแท้งก์เก็บน้ำฝน ไว้ใช้ในฤดูแล้งอย่างเพียงพอ
ภายในมหาวิหาร ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตัก 2.50 เมตร เป็นพระพุทธรูปโลหะลงรักปิดทอง โดยมหาวิหารนี้ ใช้เวลาก่อสร้างนาน 1 ปี 8 เดือน 12 วัน สำเร็จลุล่วงเรียบร้อย เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2515 โดยมีพระภิกษุสงฆ์ สามเณร และพุทธศาสนิกชนหลั่งไหลมาร่วมงานจำนวนมาก จึงถือเอาวันดังกล่าวจัดงานประจำปีทุกปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี