ประเทศไทยนั้นมีปัญหา “ความเหลื่อมล้ำ” ในเกณฑ์สูงมากประเทศหนึ่งของโลก “รวยกระจุก-จนกระจาย” คือคำที่ได้ยินกันมาช้านาน โดยเฉพาะชะตากรรมของ “คนชนบท” ที่อยู่กับภาคเกษตรกรรมในบ้านเกิดก็ยากจน พอเข้ามาในเมืองก็ลำบากเรื่องค่าครองชีพอีก เรื่องนี้พูดกันมาหลายสิบปี แต่การแก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ค่อยจะเกิดขึ้นมากเท่าใดนักทำให้ พงศา ชูแนม นักอนุรักษ์ธรรมชาติที่ได้รางวัลมาแล้วมากมาย ลุกขึ้นมาตั้ง “พรรคกรีน” เน้นชูนโยบายช่วยเหลือชาวชนบทอย่างแท้จริง และวันนี้ได้มาบอกเล่ากับทีมงาน “แนวหน้า” ถึงที่มาที่ไป
- อะไรคือสาเหตุให้ต้องตั้งพรรค?
พงศา : หลักๆ คือเรื่องของต้นไม้ ที่ผ่านมาเราพยายามเสนอนโยบาย “ธนาคารต้นไม้” มาตลอดในทุกๆ รัฐบาล โดยให้มีกฎหมายรับรองว่า “ต้นไม้เป็นทรัพย์สินมีค่าอย่างหนึ่ง” แต่แม้ข้อเสนอจะถูกนำเข้าไปพิจารณาในรัฐสภา แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไป รวมถึงรัฐบาลปัจจุบัน (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ-คสช.) ที่นำเข้าไปในสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ก็พบว่าได้เพียงไปอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เท่านั้น แต่เรามองว่าเหมือน “สัญญาปากเปล่า” ไม่มีหลักประกัน เรื่องนี้เราผลักดันกันมาแล้ว 12 ปี ดังนั้นคงไม่อาจทำแบบเดิมอีก
พงศา ชูแนม
ภาพประกอบ : เฟซบุ๊ค "พงศา ชูแนม"
- เข้าใจถูกหรือไม่? ว่าธนาคารต้นไม้คือเรื่องการ “ปลดล็อก” ให้ประชาชนปลูกไม้หวงห้าม (เช่น ไม้สัก ไม้พะยูง) ในที่ดินของตนเองแล้วตัดไปขายได้ ซึ่งจะลดทั้งปัญหาการลักลอบตัดไม้ในป่าและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร
พงศา : เรื่องนี้ก็เป็นส่วนหนึ่ง คือไม้ที่ประชาชนปลูกต้องเป็นของประชาชน ทุกวันนี้ประชาชนปลูกแต่กลายเป็นไม้ของรัฐ แต่หลักๆ คือ “ต้องมีกฎหมายรับรองมูลค่าต้นไม้ตั้งแต่ยังมีชีวิต” ไม่จำเป็นต้องโค่นลงแล้วเท่านั้นจึงจะมีมูลค่า เรามองว่ามันไม่ยุติธรรม ตอนมันยืนต้นมันก็มีคุณค่ามากเลย ทำไมเราไม่ตีมันให้มีมูลค่า ใช้เป็นหลักทรัพย์ไปค้ำประกันผู้ต้องหา ไปค้ำหนี้ธนาคาร ใช้ได้เหมือนทรัพย์สินอื่นๆ โดยมีองค์กรหนึ่งมาจัดการเรื่องพวกนี้ และมีกองทุนมาส่งเสริมประชาชนให้มีรายได้จากต้นไม้ตั้งแต่เริ่มปลูก เมื่อปลูกแล้วขายได้ก็นำเงินมาคืนกองทุน
- ทำไมต้องชื่อพรรคกรีน?
พงศา : เดิมทีมีพรรคการเมืองชื่อพรรคธรรมาภิบาล เขาจะให้ผมเป็นหัวหน้าพรรคช่วงปี 2557 แต่ตอนนั้นผมไม่เอา ยังไม่อยากลงการเมือง แต่พอปลายปี 2560 รู้สึกว่าเรื่องที่พยายามผลักดันผลักอย่างไรก็ไม่ไป จึงไปบอกทางพรรคว่าที่จะให้พรรคผมเมื่อก่อน วันนี้ผมเอาแล้วนะ ก็มาคุยกันในกลุ่มสมาชิกว่าเรามีแนวทางที่สอดคล้องกับแนวพรรคกรีนสากล แบบนั้นเราจดตั้งพรรคใหม่เลยดีกว่า ชื่อพรรคกรีน
ตราสัญลักษณ์และคำขวัญของพรรคกรีน
ภาพประกอบ : เฟซบุ๊ค “พงศา ชูแนม”
- ชื่อเหมือนพรรคทางยุโรป แนวคิดของฝรั่งตะวันตกคนไทยจะเข้าใจหรือ?
พงศา : คนที่หัวก้าวหน้าจะรู้จักพรรคกรีน ทีนี้เราเชื่อว่าเราไม่ดูถูกประชาชน เราคิดว่าประชาชนก้าวหน้า เราก็ตัดสินใจตั้งพรรคกรีน ซึ่งเราไม่ได้ทำแค่เรื่องต้นไม้แล้ว ก็สรุปนโยบายมาแล้วมันก็สอดคล้องกับแนวทางพรรคกรีนโดยบังเอิญคือ “ต้นไม้เป็นทรัพย์สิน ที่ทำกินถูกต้องเป็นธรรม เกษตรกรรมสุขภาพ สันติภาพยั่งยืน” เช่น ต้นไม้เป็นทรัพย์สิน ก็คือพรรคกรีนจะผลักดัน พ.ร.บ.ธนาคารต้นไม้
- เท่าที่ทราบได้ยินว่าจะแก้ปัญหาที่ดินให้กับคนระดับล่างด้วย?
พงศา : คือถึงต้นไม้จะเป็นทรัพย์สิน แต่ที่ดินทำกินที่ไม่ถูกต้องก็มีเยอะมาก คนปลูกต้นไม้ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ทราบหรือไม่ว่าคน 17 ล้านคน อยู่ในที่ดินผิดกฎหมาย 17 ล้านคนนี่เท่ากับ 1 ใน 4 ของคนไทยทั้งประเทศ หมายถึงคนไทยเดินมา 4 คน มีคนทำผิด 1 คน เรามองว่ามันไม่เป็นธรรม ดังนั้นเราจะทำให้ที่ดินทำกินทุกตารางนิ้วถูกกฎหมาย โดยที่ประเทศไม่ต้องสูญเสียที่แม้แต่นิดเดียว
และนอกจากถูกต้องแล้วต้องเป็นธรรมด้วย อย่างที่ดิน 129 ล้านไร่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน เกือบ 80 ล้านไร่อยู่ในมือคนรวย ซึ่ง “ถูกต้องแต่ไม่เป็นธรรม” เราก็จะต้องทำให้เป็นธรรมคือ “ถ้าไม่ยอมให้คนยากคนจนเช่าระยะยาวภาษีก็จะแพง” แต่ถ้าให้เช่าระยะยาวภาษีก็จะลดลง เป็นการจูงใจไปในตัว อันนี้เป็นนโยบายที่ดินเป็นธรรม
- เกษตรกรรมสุขภาพคืออะไร?
พงศา : เรามองว่าทุกวันนี้คนไทยเป็นโรคที่เกิดจากการกินอาหารที่มีสารเคมี จึงคิดว่าต่อจากนี้เราต้องทำเรื่องเกษตรสุขภาพให้ได้ จะมีโยบายที่จับต้องได้คือ “อาหารสุขภาพ 50 บาท” โดยให้เกษตรกรปลูกพืชผักที่ปลอดภัยเพื่อบริโภคก่อน เมื่อเหลือแล้วนำเข้าระบบแพ็คใส่ถุงขนาด 50 บาท นำไปวางตามร้านสะดวกซื้อผ่านระบบขนส่งที่ทันสมัย คนซื้อก็สแกนเงินค่าของค่าขนส่ง อะไรประมาณนี้
หลักการ “ธนาคารต้นไม้” (ว่าที่) นโยบายชูโรงของพรรคกรีน
ภาพประกอบ : เว็บไซต์ธนาคารต้นไม้ Treebankthai.com
- มองการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นอย่างไร?
พงศา : การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ เพราะ “จะไม่มีคนแพ้” ที่ผ่านมาพรรคอื่นได้ 6 หมื่น เราได้ 5 หมื่น เราแพ้จบเลย แต่ครั้งนี้ “เราได้ 5 หมื่นเราแพ้ แต่เราไปรวมกับเขตอื่นอีก 2 หมื่น ได้ 7 หมื่น เราได้ ส.ส. (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร) แล้วคนหนึ่ง” เราก็มองว่าเหมือนกับการมี ส.ส. เชิงกลุ่มปัญหาเชิงประเด็น เรามีพวกปลูกต้นไม้หลายล้านคน ผู้มีปัญหาที่ดินทำกินอีก 17 ล้านคน ถ้าเรารวมตัวแล้วนำเสนอปัญหาว่าถ้าพวกเราเลือกพวกเรา ถึงแพ้ทุกเขตก็ไม่เป็นไร ถ้าเรารวมได้สัก 7 ล้านเสียง เราก็จะมี ส.ส. 100 คน และเราคิดว่าเราก็มีพวกเยอะ
- ดูเหมือนพรรคกรีนจะเน้นนโยบายเพื่อคนชนบทเป็นหลัก แบบนี้จะได้ฐานเสียงจากคนในเมืองหรือ?
พงศา : จริงๆ แล้วเรื่องต้นไม้มันได้ทั้งคนเมืองและคนชนบท แต่ทีนี้ที่เราเน้นคนชนบทเพราะมันเป็นความจริงที่ว่า “ทุกครั้งที่เศรษฐกิจไทยดี เกิดจากรากฐานที่ชนบท” คนชนบทมีเงินจับจ่ายใช้สอย ทุกครั้งที่เศรษฐกิจคนชนบทดี เศรษฐกิจในเมืองก็จะดีไปด้วย ฉะนั้นเราจึงต้องไปพัฒนาที่ราก แล้วก็จะแก้ปัญหาได้ทั้งหมด
ประวัติโดยย่อของ พงศา ชูแนม
- เคยรับราชการในตำแหน่งหัวหน้าหน่วยอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำพะโต๊ะ จ.ชุมพร และได้รับการตั้งฉายาจากเพื่อนร่วมงานว่า “สืบ นาคะเสถียร แห่งต้นน้ำพะโต๊ะ” จากการเอาจริงเอาจังในการทำหน้าที่
- ในปี 2542 ได้รับรางวัล “ลูกโลกสีเขียว” ซึ่งเป็นรางวัลเชิดชูเกียรติในแวดวงนักอนุรักษ์ธรรมชาติ เนื่องจากมีผลงานสามารถจับกุมผู้ลักลอบตัดไม้ได้ถึง 57 คน ในรอบปีก่อนหน้า
- ปี 2550 ได้รับรางวัล “ค้นฅนดี” จากรายการคนค้นฅน
- ปี 2553 ได้รับรางวัลจากองค์กรโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นดีพี-UNDP)
- ปี 2557 ได้รับรางวัล “เพชรจรัสแสง” ซึ่งเป็นรางวัล “ข้าราชการตัวอย่าง” ในสังกัดของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- ลาออกจากราชการในปี 2557 เพื่อไปลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จ.ชุมพร แต่ผลคะแนนแพ้ให้กับ พ.ต.อ.นรินทร์ บุษยวิทย์ อดีตรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร ทว่าต่อมา ส.ว.ทั้งชุดก็พ้นสภาพไปจากการเข้าควบคุมอำนาจของ คสช.
- ปัจจุบันทำงานด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชน ในนามมูลนิธิธนาคารต้นไม้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี