วันนี้ (23 เม.ย.61) พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือหลวงปู่พุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ได้อาราธนาพระวินัยปิฎก 8 ข้อมาโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก "หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)" ในหัวข้อ "ความมหัศจรรย์ของพระธรรมวินัยนี้เปรียบประดุจดังความมหัศจรรย์ของมหาสมุทร" เพื่อเตือนสติบรรดานักบวชและศิษย์ที่คิดจะรวมกลุ่มกันเดินขบวนช่วยเหลือพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปที่ถูก พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) เข้าแจ้งความร้องทุกต่อกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เพื่อให้ดำเนินคดีต่อฐานมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัด ซึ่งพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปดังกล่าวมีอยู่ 3 รูปอยู่ในคณะกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.)
นอกจากนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระ ยังระบุในท้ายโพสต์ระบุว่า "หากพวกท่านชื่นชอบในตัวอลัชชีแสดงว่าพวกท่านทั้งหลายกลายเป็นผู้ทำลายหลักการของพระพุทธศาสนาเสียแล้ว ซึ่งพวกเราเหล่าพุทธบริษัทผู้ศรัทธาในพระธรรมวินัยขององค์พระผู้มีพระภาคเจ้า คงจะไม่ปล่อยให้พวกอลัชชีเหิมเกริมที่จะออกเดินขบวนย่ำยีพระธรรมวินัยได้เป็นแน่"
สำหรับพระวินัยปิฎก 8 ข้อที่หลวงปู่พุทธะอิสระ อาราธนามาดังนี้ ธรรมะ วันละคำ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๑ วันนี้เสนอคำว่า ความมหัศจรรย์ของพระธรรมวินัยนี้เปรียบประดุจดังความมหัศจรรย์ของมหาสมุทร
๑. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มหาสมุทรลุ่มลึกลาดลงไปโดยลำดับ มิใช่ลึกมาแต่เดิมฉันใด การศึกษาในพระธรรมวินัยนี้ ก็ค่อยเป็นค่อยไปตามลำดับขั้น จนทำให้พัฒนา กิริยา อาการ อุปนิสัยให้ปราณีตขึ้นตามลำดับ จนถึงพัฒนาข้อปฏิบัติอย่างหยาบจับต้องได้ ไปถึงขึ้นจับต้องไม่ได้ แต่รับรู้ได้ด้วยจิต แม้การบรรลุคุณธรรมจนถึงพระอรหัตผล ก็มิได้บรรลุมาแต่เดิม แต่เป็นการบรรลุตามลำดับขั้นตั้งแต่โสดาปัตติมรรคจนถึงพระอรหัตผล นี่เป็นความมหัศจรรย์ของพระธรรมวินัยฉันนั้น
๒. ดูกรภิกษุทั้งหลายมหาสมุทรมีปกติตั้งอยู่ตามธรรมดามีปกติ ที่ไม่ล้นฝั่งฉันใด สงฆ์สาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมจักไม่ล่วงละเมิดสิกขาบทคือข้อห้ามและข้ออนุญาต แม้จะอ้างว่าเพื่อรักษาชีวิต ก็จักไม่ล่วงละเมิดสิกขาบทที่เราตถาคตได้บัญญัติไว้ฉันนั้น
๓. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มหาสมุทรนี้มีปกติที่จักไม่รวมกับสิ่งปฏิกูลและซากศพที่ตายแล้ว หากซากศพใดมีอยู่ในมหาสมุทร มหาสมุทรย่อมซัดซากนำเอาสิ่งปฏิกูลและซากศพขึ้นมาทิ้งบนฝั่งฉันใด ภิกษุใดในธรรมวินัยนี้เป็นผู้ทุศีล มีธรรมอันลามก มีความประพฤติไม่สะอาด น่ารังเกียจ ปิดบังการกระทำ มิใช่สมณะปฏิญาณว่าเป็นสมณะ มิใช่ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ปฏิญาณว่าเป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ เป็นผู้เน่าในโชกชุ่มไปด้วยกิเลส เป็นผู้เศร้าหมอง หมู่สงฆ์ผู้เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ บริบูรณ์พึงตั้งข้อรังเกียจ แล้วประชุมกันขับบุคคลผู้เน่าในนั้นออกเสียจากหมู่ ถึงแม้บุคคลนั้นจักยังเป็นผู้เก้อยากไม่ละอาย พยายามนั่งอยู่ท่ามกลางบริสุทธิ์สงฆ์ก็หาได้ชื่อว่า เป็นผู้อยู่ใกล้หมู่สงฆ์ไม่ หมู่สงฆ์ผู้มีศีลอันบริสุทธิ์ บริบูรณ์พึงตั้งข้อรังเกียจบุคคลผู้ทุศีลมีธรรมอันลามก มีความประพฤติไม่สะอาด ดุจดังมหาสมุทรรังเกียจสิ่งปฏิกูลซากศพ และซัดซากปฏิกูลเหล่านั้นให้พ้นจากมหาสมุทรฉันนั้น
๔. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่น้ำแม้จักใหญ่เพียงใด มีชื่อเช่นไร เมื่อไหลลงสู่มหาสมุทรแล้ว ย่อมเรียกว่ามหาสมุทรฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลายปุถุชนไม่ว่าจะมาจากวรรณะใด ฐานะ ตระกูลใด เมื่อบวชอยู่ในธรรมวินัยนี้แล้ว ย่อมละซึ่งโคตร ตระกูลเดิมของตนเสียฉันนั้น
๕. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้แม่น้ำใหญ่หลายสายในโลกนี้จักไหลลงไปรวมอยู่ในมหาสมุทร อีกทั้งสายฝนจากอากาศตกลงมาผสมลงในมหาสมุทรเป็นอันมาก ความพร่องหรือความเต็มของมหาสมุทรย่อมไม่ปรากฏให้เห็นฉันใด ภิกษุในธรรมวินัยนี้ก็เหมือนกัน หากยังไม่สามารถลุถึงความหลุดพ้นจากเครื่องร้อยรัดทั้งปวงจักไม่พึงรู้ได้เลยว่า ตนยังพร่องอยู่ หรือยังเต็มอยู่ฉันนั้น
๖. ดูกรภิกษุทั้งหลายมหาสมุทรมีรสเค็มอยู่รสเดียวฉันใด พระธรรมวินัยนี้ก็มีวิมุตติ ความหลุดพ้นอยู่รสเดียวฉันนั้น
๗. ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาสมุทรมีแก้วรัตนะอันมีค่าและธาตุเงินธาตุทองอยู่มากมายฉันใด พระธรรมวินัยนี้ก็มีแก้วรัตนะอันมีค่าคือ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ มรรคมีองค์ ๘ เหล่านี้คือแก้วรัตนะอันมีค่าในพระธรรมวินัยนี้ฉันนั้น
๘. ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ลึกยาว ย่อมเป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตทั้งเล็กทั้งใหญ่มากมายสุดจะคณานับฉันใด พระธรรมวินัยนี้ก็เป็นที่อยู่อาศัยของบุคคลผู้เป็นใหญ่อยู่มากมายนับตั้งแต่ พระโสดาปัตติมรรค พระโสดาปัตติผล, พระสกิทาคามีมรรค พระสกิทาคามีผล, พระอนาคามีมรรค พระอนาคามีผล, พระอรหัตตมรรค พระอรหัตตผล ดูกรภิกษุทั้งหลายเหล่านี้แลเป็นความมหัศจรรย์ของพระธรรมวินัยนี้ดุจดังความมหัศจรรย์ของมหาสมุทรฉันนั้น
ที่อาราธนาพระวินัยปิฎก จุลวรรคภาค ๗ มาเล่าสู่กันอ่าน ก็เพื่อเตือนสติบรรดานักบวช ที่จักคิดรวมกลุ่มกันเดินขบวนไปช่วยอลัชชีปาราชิก ในคณะกรรมการมหาเถรสมาคม จักได้ศึกษาพิจารณาว่า สิ่งที่ท่านทั้งหลายคิดจะปกป้องผู้ที่ถูกโจทให้ต้องอาบัติปาราชิกอยู่นั้นมันเป็นตามหลักพระธรรมวินัยหรือเป็นความชื่นชอบในตัวอลัชชี
หากพวกท่านชื่นชอบในตัวอลัชชีแสดงว่า พวกท่านทั้งหลายกลายเป็นผู้ทำลายหลักการของพระพุทธศาสนาเสียแล้ว ซึ่งพวกเราเหล่าพุทธบริษัทผู้ศรัทธาในพระธรรมวินัยขององค์พระผู้มีพระภาคเจ้า คงจะไม่ปล่อยให้พวกอลัชชีเหิมเกริมที่จะออกเดินขบวนย่ำยีพระธรรมวินัยได้เป็นแน่ ของบอก
พุทธะอิสระ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี