วันจันทร์ ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
'สาวแคนาดา'หลงเสน่ห์หนุ่ม-มวยไทย ลัดฟ้ามาพบรักเปิดค่ายมวยสอนเด็กฟรีที่เมืองย่าโม

'สาวแคนาดา'หลงเสน่ห์หนุ่ม-มวยไทย ลัดฟ้ามาพบรักเปิดค่ายมวยสอนเด็กฟรีที่เมืองย่าโม

วันเสาร์ ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2561, 08.49 น.
Tag : ป.ปรีฃายิม มะลิ ค่ายมวย ว.วัฒนะ ฟ้าประธาน สาวแคนาดา มวยไทย แม่ไม้มวยไทย
  •  

"มะลิ-เเฟรนเซส วัฒนะยา" หรือ "มะลิ สข.พีระ" สาวแคนาดา อายุ 31 ปีผู้ หลงไหลในเสน่ห์แม่ไม้มวยไทย ได้ตัดสินใจบินลัดฟ้าจากแคนาดาบ้านเกิดเมืองนอนมาเรียนมวยไทยถึงแดนดินถิ่นสยามกับค่ายมวยชื่อดัง "ป.ปรีชายิม" จนได้ขึ้นเวทีชกมวยมาแล้วประมาณ 50 ไฟด์ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศจนได้แชมป์มาหลายรายการ ซึ่งแชมป์ที่ทำให้เธอภาคภูมิใจที่สุดก็ คือ "แชมป์มวยไทยหญิงแคนาดา" กับ "แชมป์มวยไทยหญิงทวีปอเมริกาเหนือ"

 


 

จากความชื่นชอบมวยไทยเป็นชีวิตจิตใจของ "มะลิ-เเฟรนเซส วัฒนะยา" นี่เอง ที่ทำให้เกิดบุพเพสันนิวาส พบรักกับนักมวยหนุ่มไทยลูกอีสานที่ค่ายมวย ป.ปรีชายิม ซึ่งตอนนั้นเธอมีอายุเพียง 19-20 ปี คือ นายธนิต วัฒนะยา หรือ "บุ่ม" หรือที่คนในวงการมวยไทยรู้จักกันคือ "ฟ้าประทาน ป.ปรีชายิม" อายุ 33 ปี จนแต่งงานมีพยานรักด้วยกัน 1 คนชื่อ "น้องชิต้า-ด.ญ.ปารวตี วัฒนะยา" ตอนนี้อายุ 7 ขวบแล้ว และเมื่อปี 2558 เธอกับสามี ได้ตัดสินใจเปิดค่ายมวย "ว.วัฒนะ" ขึ้นที่บ้านเลขที่ 82 หมู่ 12 ต.กระเบื้อง อ.ยาง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านพ่อแม่ของ "บุ๋ม-ธนิต" สามีของเธอโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสภายในหมู่บ้านและทั่วไป

ปัจจุบันเธอมีนักมวยอยู่ในสังกัด ว.วัฒนะ แล้ว 10 คนทั้งหญิงและชายตั้งแต่อายุ 8 ขวบไปจนถึง 18 ปี

ในจำนวนนี้มีอยู่ 3 คนที่เป็นเด็กมีปัญหาจากทางครอบครัว บางคนพ่อแม่แยกทางกัน พ่อขี้เหล้าเมายาไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง บางคนพ่อแม่นำมาทิ้งให้ยายเลี้ยงตั้งแต่ยังแบเบาะ เธอและบุ่มได้นำมาเลี้ยงดูอยู่กินเหมือนลูกหลานและฝึกซ้อมมวยให้

จนปี 2561 นี้ได้แชมป๋ "ชมรมมวยแชมป์ภาคอีสาน" ชกในน้ำหนัก 32 กิโลกรัมมาแล้ว 1 คนคือ "น้องแปด-ด.ช.อนุพงษ์ พลขันธ์" อายุ 14 ปีชกในนาม "หลานย่าโม ลูกแม่มะลิ" ได้ค่าตัวจากการชก 3,000 บาท คนที่ 2 คือ "น้องหนิ่ง-ด.ญ.กุสุมา ปลูกกลาง" หรือ "จำปา ว.วัฒนะ" อายุ 8 ขวบ และ คนที่ 3 คือ "น้องหมวย-ด.ญ.พลอยนิชา อินมั่น หรือ "บัวขาว ว.วัฒนะ" อายุ 9 ขวบ

 

 

ชอบมวยไทยจึงลัดฟ้ามาหาเธอ

"มะลิ - เเฟรนเซส วัฒนะยา" บอกกับทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์ว่า "มะลิ ชอบมวยไทย และรักแฟนหนุ่มชาวไทยมาก เพราะเขาเป็นนักมวยไทย ชกมวยเก่ง แม้ที่ผ่านมาเขาจะไม่ได้เป็นแชมป์เหมือนคนอื่น แต่เขามีเสน่ห์ตรงที่เขาเป็นนักมวยไทย เขาจึงเป็นแชมป์ในใจของมะลิ"

"มะลิ" เปิดเผยว่า ได้แต่งงานกับ บุ๋ม-ธนิต วัฒนะยา และใช้ชีวิตร่วมกันมาตอนนี้ก็เข้าปีที่ 12 จนมีลูกสาวด้วยกัน 1 คนชื่อ น้องชิต้า - ด..ญ.ปารวตี วัฒนะยา อายุ 7 ขวบ แต่น้องชิต้า ไม่ได้ชอบกีฬาชกมวยเหมือนแม่มะลิ และพ่อบุ๋ม แต่ชอบกีฬาว่ายน้ำ และการร่ายรำมวยไทย  

"มิละ ชอบมวยไทยตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นมัธยมที่ประเทศแคนาดา ได้ฝึกซ้อมและเรียนมวยไทยอยู่กับครูมวยไทยที่เดินทางไปเปิดค่ายสอนมวยไทยอยู่ที่นั่น ชื่อค่ายมวย "ไทยยิม" ต่อมาทางครูมวยคนไทยได้แนะนำว่าถ้าอยากจะเรียนรู้และหาประสบการณ์ในการชกมวยไทยให้เก่งต้องไปฝึกที่ประเทศไทย มะลิ จึงตัดสินใจหางานทำเก็บเงินแล้วเดินทางมาประเทศไทย โดยเดินทางมาเพียงคนเดียวตามคำแนะนำของครูมวยไทยคนนั้น ซึ่งตอนนั้นมะลิ อายุได้เพียงแค่ 19 ปีเท่านั้น"

 

 

พบรักหนุ่มมวยไทยจนแต่งงานกัน

"เมื่อเข้ามาอยู่ที่ค่ายมวย "ส.ธนิกุล" ปัจจุบัน คือ ค่ายมวย "ป.ปรีชายิม" กรุงเทพมหานคร ก็มาฝึกซ้อมอยู่ระยะหนึ่งก็ได้ขึ้นชก และตระเวนชกตามรายการต่างๆ ที่เขาจัดขึ้นทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยชกมาได้ประมาณ 50 ไฟต์ ทั้งแพ้และชนะสลับกันไป แต่ส่วนใหญ่จะชนะมากกว่า และชนะน็อกมาหลายครั้ง จนได้เป็น "แชมป์มวยไทยหญิงแคนาดา" กับ "แชมป์มวยไทยหญิงทวีปอเมริกาเหนือ"

"มะลิ" เล่าต่อว่า ช่วงระหว่างที่อยู่ที่ค่ายมวย ป.ปรีชายิม ได้รู้จักับ บุ๋ม-ธนิต วัฒนะยา ซึ่งเป็นนักมวยไทยอยู่ในค่ายนี้เช่นกัน จนเกิดความสนิทสนมกันและชอบพอกัน อีกทั้งยังได้รับแรงสนับสนุนจากเพื่อนๆ ในค่ายมวยให้เราสองคนได้เป็นแฟนกัน มะลิ คบกับ บุ่ม ได้ประมาณ 6 เดือนจึงตกลงแต่งงานกัน หลังจากแต่งงานกันแล้ว ต่อมามะลิกับบุ๋ม ก็ได้ออกจากค่ายมวย ป.ปรีชายิม มาอยู่ที่บ้านบุ๋มที่ อ.ยาง จ.นครราชสีมา ซึ่งมะลิ ได้มาทำนาอยู่กับบุ๋ม ระยะหนึ่งก่อนที่จะพาบุ๋ม ไปบ้านที่แคนาดา

"ตอนแรกที่รู้จักกับบุ๋ม เราได้แค่นั่งมองหน้ากันแล้วยิ้มให้กัน เนื่องจากเราทั้งสองคนต่างคนต่างสื่อภาษากันไม่รู้เรื่อง มะลิพูดภาษาไทยไม่ได้ ส่วนบุ๋มก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เราได้แต่นั่งมองหน้าและยิ้มให้กันเท่านั้น ขณะที่เพื่อนๆ ก็สนับสนุนให้เราสองคนเป็นแฟนกัน" 

 

 

พาแฟนฟนุ่มไปเรียนภาษาจนเก่ง

"แต่หลังจากแต่งงานกันแล้วมะลิ อยากให้บุ๋ม ได้เรียนรู้และพูดภาษาอังกฤษได้ มะลิ จึงพาบุ๋ม ไปเรียนภาษาอังกฤษที่ประเทศแคนาดา และเป็นครูสอนมวยไทยอยู่ในแคนาดาด้วย จนแฟนพูดภาษาอังกฤษได้ ซึ่งตอนนี้เก่งแล้ว ส่วนมะลิ ที่พูดภษาไทยและเขียนภาษาไทยได้บ้างเกิดจากความลักจำและมะลิ เรียนรู้ด้วยตัวเอง" มะลิ กล่าว

"มะลิ - เเฟรนเซส วัฒนะยา" บอกอีกว่า หลังจากอยู่ที่แคนาดาได้ประมาณ 5 ปีเราก็พากันกลับมาเที่ยวเมืองไทยหาพ่อแม่ของบุ๋ม ตอนมาอยู่บ้านบุ๋ม ที่เมืองไทย มะลิไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร ก็ช่วยแฟนทำนา ยึดอาชีพเกษตรกร จนครั้งล่าสุดเมื่อประมาณ 3-4 ปีที่แล้วมะลิกับบุ๋มได้กลับมาเมืองไทยอีกครั้งเพื่อนำน้องชิต้า ลูกสาวมาเรียนหนังสือไทยที่บ้าน

"เราใช้ชีวิตในการทำนาอยู่ที่บ้านภาคอีสานได้ระยะหนึ่ง จึงมานั่งคิดกับบุ๋มว่าเราจะทำอะไรกันดีนอกจากการทำนา มะลิ เป็นคนรักมวยไทยและฃื่นชอบแม่ไม้มวยไทยมาก จึงได้ปรึกษากับแฟนว่า งั้นเรามาเปิดค่ายมวยสอนเด็กในหมู่บ้านกันดีไหม ซึ่งแฟนก็เห็นด้วย"

 

 

เปิดค่ายมวย"ว.วัฒนะ"ส่งเสริมเด็ก

หลังจากนั้นเมื่อปี 2558 มะลิกับบุ๋ม จึงได้เปิดค่ายมวยขึ้นภายใต้ชื่อ "ว.วัฒนะ" ที่บ้านของบุ่ม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสในหมู่บ้านที่อยากจะชกมวย ซึ่งเด็กในหมู่บ้านส่วนใหญ่จะมีฐานะยากจน หากเขาไม่ได้รับการสนับสนุนเขาก็จะไม่มีโอกาส ไม่มีความก้าวหน้า เช่นเดียวกับแฟนของมะลิ ที่เกิดมาในฐานะครอบครัวยากจน ไม่มีโอกาสเหมือนคนอื่น มะลิจึงนำเอาแนวคิดส่วนนี้มาเปิดค่ายมวย ว.วัฒนะ โดยเปิดสอนฟรีไม่คิดเงินและหากออกไปชกได้เงินมาเราก็ไม่หักแม้แต่บาทเดียว โดยเงินทั้งหมดให้เป็นของเด็กไปเลย เพื่อเขาจะได้เอาไปใช้ในครอบครัว

"มะลิ สงสารเด็กๆ มาก หลายคนไม่มีโอกาส ขาดคนสนับสนุน หลายคนครอบครัวยากจนมาก พ่อแม่แยกทางกัน คุณภาพชีวิตของเขาไม่ดีเลย นอกจากนี้เด็กๆ ในหมู่บ้านวันๆ ก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรส่วนใหญ่จะเล่นเกม เล่นโซเซียล สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า เสพยา เกเรเที่ยวไปวันๆ เมื่อมะลิกับแฟนเปิดค่ายมวย จึงเปิดให้เด็กๆ เหล่านี้ได้เข้ามาฝึกมวยก็ทำให้พวกเขามีระเบียบขึ้น ญาติพี่น้องพ่อแม่ของเขาก็ชอบ นอกจากนี้คนในหมู่บ้านหลายคนที่ชอบมวยก็ได้พากันมาซ้อมมวย ได้ออกกำลังกายกันด้วย"

 

 

เด็กที่มาซ้อมมวยได้ทั้งวินัย-ภาษา

"มะลิ" บอกด้วยว่า ตอนนี้เราเปิดค่ายมวยมาได้ 3 ปีแล้ว มีเด็กมาเรียนชกมวยมากกว่า 10 คนตั้งแต่อายุ 8-18 ปีทั้งชายและหญิง ส่วนใหญ่จะไปกลับ แต่มีอยู่ 3 คนที่มะลิกับแฟนเอามาอยู่ด้วยเลยเนื่องจากครอบครัวเขามีปัญหา บางคนเป็นเด็กกำพร้า บางคนมีพ่อเป็นหญิงประเภทสอง

"เด็กทุกคนที่เข้ามาฝึกมวยในค่าย ว.วัฒนะ เราจะสอนเขาทุกอย่างทั้งภาษาอังกฤษ การมีระเบียบวินัยในการอยู่ร่วมกัน การรู้จักประหยัดในการใช้เงิน ตลอดจนถึงการเล่นโซเซียลว่าเล่นอย่างไรให้มีประโยชน์ ไม่ใช่ใครอยากจะแชร์ โพสต์ หรือด่าใครก็ลงไปตามใจชอบ" มะลิ กล่าว

เนื่องจากปัจจุบันโลกโซเซียลเข้ามาเป็นปัจจัยหนึ่งของมนุษย์ เด็กๆ ทั่วไปโดยเฉพาะเด็กในหมู่บ้านไม่รู้จักเรื่องนี้ ไม่รู้จักการใช้โซเซียลให้เป็นประโยชน์ มีแต่จะเล่นในสิ่งทีไร้สาระ ประกอบกับพ่อแม่ก็ไม่ยอมสอนเขา แถมยังสนับสนุนให้เขาเล่นบางคนยอมเป็นหนี้เพื่อไปซื้อมือถือให้ลูกทั้งๆ ที่ฐานะยากจน อย่าว่าแต่เด็กเลย วัยรุ่น ผู้ใหญ่ก็เป็นกับเขาด้วย 

 

 

เงินสนับสนุนค่ายมาจากจบบริจาค

ส่วนงบประมาณในการเปิดค่ายมวยนั้น มะลิ บอกว่า ตอนเปิดแรกๆ มะใช้เงินของมะลิเอง จากนั้นก็เอารูปและวัตถุประสงค์โพสต์ลงในโลกโซเซียล ในเฟจบุ๊กแฟนเพจของมะลิ จนได้รับความสนใจจากเพื่อนๆ ที่อยู่ในต่างประเทศและคนไทยใจดีได้ร่วมกันบริจาคเงินเข้ามาตอนนี้ตกเดือนหนึ่งก็ประมาณ 3 หมื่นบาท โดยมะลิ กับแฟนจะนำเงินเหล่านี้ไปซื้ออุปกรณ์ในการซ้อมมวย และจัดหาอาหารดีๆ มาเลี้ยงเด็กในค่ายมวย โดยมะลิ กับแฟนจะไม่นำเงินที่บริจาคมาใช้ส่วนตัวเด็ดขาด แต่จะนำไปใช้สำหรับค่ายมวยโดยเฉพาะ นอกจากนี้ มะลิกับแฟนยังแบ่งเงินบริจาคส่วนหนึ่งไปให้กับค่ายมวยเล็กๆ ที่เขาขาดงบประมาณในการสนับสนุนด้วย

"มะลิ บอกกับแฟนว่า เงินที่ได้รับบริจาคมาเราต้องทำให้เกิดประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ เราจะไม่นำมาใช้ส่วนตัวหรือในครอบครัวเด็ดขาด แม้กระทั่งแฟน มะลิก็บอกว่า เราเป็นเจ้าของค่ายมวย เราต้องดูแลเขา สิ่งที่สำคัญเราเปิดค่ายมวยเพื่อช่วยเหลือเด็กยากจน เด็กด้อยโอกาสในหมู่บ้าน"

เมื่อถามว่าแล้วมะลิกับบุ่ม เอาเงินที่ไหนมาใช้จ่ายในครอบครัว มะลิ บอกว่า มะลิมีเงินเดือนจากการนักข่าวประจำประเทศไทยให้กับ These are the websites I write for:, The Fight Nation (Hong Kong), ROUGH MMA (Hong Kong) VICE (USA) โดยมะลิ จะเขียนข่าวเกี่ยวกับแวดวงมวยไทยให้กับเขา ซึ่งได้รับความสนใจมาก เนื่องจากมวยไทยเป็นมวยที่เต็มไปด้วยศิลปะที่ชาวต่างประเทศเห็นแล้วชอบ เช่นเดียวกับตัวมะลิที่ชอบมวยไทยอย่างมาก 

 

 

เปิดค่ายมวย 3 ปีเด็กได้แชมป์แล้ว

"มะลิรักและสงสารแฟนมาก เพราะแฟนเกิดมาในครอบครัวยากจน ขาดคนสนับสนุน ที่สำคัญแฟนมะลิเป็นคนดี ไม่ดื่มเหล้่า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยว และที่มะลิรักเขามากก็คือเขาเป็นนักมวยไทย มะลิชอบมวยไทย รักมวยไทย รักเมืองไทย มะลิยอมทำทุกอย่างทั้งอาชีพทำนาอยู่กับแฟน จนมาเปิดค่ายมวยเล็กๆ ในหมู่บ้านเพื่อช่วยเหลือเด็กและสนับสนุนเด็กที่ขาดโอกาส ที่มีความรู้่ดี มีความสามารถ แต่ยากจนไม่มีคนสนับสนุน"

"ส่วนครอบครัวมะลิที่แคนาดา มะลิมีพี่น้องทั้งหมด 4 คนฐานะไม่ได้ร่ำรวยอะไร แม่เป็นแม่บ้าน พ่อเป็นเจ้าหน้าที่น้ำประปาหมู่บ้าน มะลิคนเดียวเท่านั้นที่เดินทางมาเมืองไทย เพราะชอบมวยไทย"

"ตั้งแต่เปิดค่ายมวย ว.วัฒนะ มาเราส่งเด็กไปชกมวยจนได้แชมป์ภาคอีสานมาแล้ว 1 คนชกในน้ำหนัก 32 กิโลกรัม อายุ 14 ปีชื่อ "หลายย่าโม ลูกแม่มะลิ" ซึ่งได้แชมป์ปีนี้ได้เงินมา 3,000 บาท ซึ่งเงินทั้งหมดมะลิกับแฟนก็ให้เขาไปทั้งหมดเพื่อให้เขาไปให้ครอบครัวของเรา" มะลิ กล่าวทิ้งท้าย

 

 

หนุ่ม "บุ๋ม" เผยเปิดดิกชันนารีจีบกัน

คุยกับฝ่ายหญิง "มะลิ สข.พีระ" หรือ "เเฟรนเซส วัฒนะยา" เสร็จก็ต้องมาคัยกับ "บุ๋ม-ธนิต วัฒนะยา" หรือ "ฟ้าประทาน ป.ปรีชายิม" อายุ 33 ปีสามีบ้าง ซึ่ง "บุ๋ม-ธนิต วัฒนะยา" เปิดเผยกับทีมข่าวออนไลน์แนวหน้าว่า ตนฝึกมวยอยู่ค่าย ป.ปรีชายิม ขึ้นเวทีชกมากว่า 60 ครั้งไม่เคยได้แชมป์ได้แค่ขึ้นชิงแชมป์ ที่บ้านตนมีอาชีพทำนามีพี่น้องทั้งหมด 4 คนผู้ชายทั้งหมด ตนเป็นคนสุดท้อง 

ด้วยความยากจนและอยากจะเป็นนักมวยเพื่อความเจริญก้าวหน้าในอนาคต ตนจึงมาขอเรียนมวยอยู่ค่าย ป.ปรีชายิม จนเมื่อราวปี 2547-2548 "มะลิ-เเฟรนเซส ได้เดินทางมาจากแคนาดา โดยได้รับคำแนะนำจากครูมวยไทยที่ไปสอนมวยอยู่ที่แคนาดา ซึ่ง มะลิ ก็เป็นนักมวยหญิงอยู่ที่แคนาดา

เมื่อ "มะลิ" มาอยู่ค่ายมวย ป.ปรีชายิม ก็ได้ชกมวยอยู่ในเมืองไทยและในต่างประเทศรวมประมาณ 50 ไฟด์ และได้รู้จักกับตนตอนที่อยู่ค่ายมวย ป.ปรีชายิม โดยตอนแรกที่เรารู้จักกันคุยกันไม่รู้เรื่อง เนื่องจากพูดภาษาของกันและกันไม่ได้ ได้แต่นั่งมองหน้าและยิ้มให้กัน และเปิดดิกชันนารีสื่อภาษาคุยกัน ผิดบ้างถูกบ้างก็คุยกันไปตามประสาหนุ่มสาว คบกันได้ประมาณ 6 เดือนเราสองคนก็ตกลงแต่งงานกัน

 

 

แต่งงานเสร็จไปอยู่แคนาดาเรียนภาษา

หลังจากแต่งงานเสร็จ "มะลิ" ก็ไปอยู่ที่บ้านตนที่ อ.ยาง จ.นครราชสีมา ด้วยการประกอบอาชีพด้านเกษตรกร ทำนาเลี้ยงชีพเพื่อรอวีซ่าไปบ้านพ่อแม่ของมะลิ ที่แคนาดา

หลังจากได้ วีซ่า แล้วตนก็ไปอยู่ที่แคนาดา ไปเรียนพูดภาษาอังกฤษ และทำงานทุกอย่างอยู่ที่แคนาดา ทั้งทำสวน ตกแต่งภายใน ชกมวย และรับจ้างสอนมวยไทยให้กับค่ายสิงห์ทอง ที่ไปเปิดค่ายมวยไทยอยู่ที่แคนาดา โดยตนอยู่ที่แคนาดาได้ 5 ปีจึงกลับมาเมืองไทยจากนั้นก็ไปๆ มาๆ ระหว่างแคนาดากับไทย จนมีลูกสาวด้วยกัน 1 คนตอนนี้อายุได้ 7 ขวบแล้ว

ต่อมา ตนกับมะลิ และลูกสาวได้กลับมาอยู่ที่บ้านใน ต.กระเบื้อง อ.ยาง จ.นครราชสีมา จากนั้น มะลิ ได้ชวนตนเปิดค่ายมวย ว.วัฒนะ ขึ้นโดยเปิดสอนฟรีให้กับเด็กๆ ในหมู่บ้าน เนื่องจากมะลิกับตนเห็นว่าถ้าเปิดค่ายมวยแล้วจะสามารถช่วยเหลือเด็กๆ ในหมู่บ้านได้ เนื่องจากเด็กวัยรุ่นในหมู่บ้านบางคนไม่ได้เรียนหนักสือ พ่อแม่ยากจนเหมือนกับตน บางคนดื่มเหล้า สูบยา ติดยา เที่ยวเกเร 

 

 

เผยเลี้ยงเด็ก 3 คนเหมือนลูกหลาน

เมื่อเปิดค่ายมวย ว.วัฒนะ แล้วก็มีเด็กๆ มาฝึกมวยร่วมทั้งชาวบ้านที่ชอบมวยและต้องการออกกำลังกายก็พากันมาร่วมซ้อมและฝึกซ้อมมวยกันทุกวัน นอกจากนี้ ยังมีชาวต่างประเทศมาร่วมฝึกมวยที่ค่าย ว.วัฒนะ ด้วย 1 คน ซึ่งจะขึ้นชกที่พัทยาในวันที่ 4 พ.ค.นี้ ซึ่งตนไม่ได้เก็บเงินใดๆ ส่วนรายได้นั้นได้มาจากการบริจาค และเงินสนับสนุนจากผู้สนับสนุนต่างๆ รวมในแต่ละเดือนละประมาณ 3 หมื่นบาท

"ตอนนี้ที่ค่ายมวย เรามีเด็กกินนอนอยุ่กับเรา 3 คน คนแรกเป็นเด็กหญิงอายุ 8 ขวบคือ "น้องหนิ่ง-ด.ญ.กุสุมา ปลูกกลาง" หรือ "จำปา ว.วัฒนะ" คนที่ 2 เป็นเด็กหญิงเช่นกันอายุ 9 ขวบ คือ"น้องหมวย-ด.ญ.พลอยนิชา อินมั่น หรือ "บัวขาว ว.วัฒนะ" ส่วนอีกคนเป็นชายอายุ 14 ขวบเพิ่งได้แชมป๋ "ชมรมมวยแชมป์ภาคอีสาน" ชกในน้ำหนัก 32 กิโลกรัมมาแล้วคือ "น้องแปด-ด.ช.อนุพงษ์ พลขันธ์" หรือ "หลานย่าโม ลูกแม่มะลิ"

"เด็กทั้ง 3 คนเป็นเด็กที่ขาดโอกาส มีปัญหาทางครอบครัว เราได้นำมาอยู่กับเราเลี้ยงดูเหมือนลูกของเราเลย และเป็นเพื่อนเล่นกับลูกสาว น้องชิต้า ส่วนนอกจากนั้นไปกลับ" บุ๋ม กล่าว

 

 

อนาคตอาจเปิดค่ายมวยที่แคนาดา

บุ่ม บอกอีกว่า ตนเปิดค่ายมวยเพื่อให้เด็กที่ด้อยโอกาสได้เข้ามาฝึกเรียนมวยไทยและสนับสนุนเขาโดยสอนให้ฟรี ซึ่งเด็กเหล่านี้เมื่อมาฝึกมวยที่ค่ายมวย ว.วัฒนะ นอกจากพวกเขาจะได้เล่นกีฬามวยเพื่ออนาคตของตัวเองแล้ว พวกเขายังได้เรียนภาษาอังกฤษกับมะลิ ด้วย นอกจากนี้ พวกเขายังมีระเบียบวินัย ไม่ไปเที่ยวเกเร ติดยา ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ แถมยังมีรายได้จากการชกมวยไปให้พ่อแม่ของเขาด้วย

"มะลิ จะสอนพวกเขาให้รู้จักประหยัด ให้รู้จักระเบียบวินัย ให้รู้จักการช่วยเหลือตัวเองและผู้อื่น และถ้าใครจะเล่นมือถือ เฟซบุ๊ก มะลิก็จะสอนให้เขาได้รู้จักการเล่นอย่างไรให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่เล่นไปโดยไม่มีเป้าหมาย จนทำให้เด็กติดเกม ก้าวร้าว ติดมือถือจนไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่ทำงาน" บุ่ม กล่าว

 

 

เมื่อถามว่าในอนาคตจะกลับไปอยู่แคนาดา กับ มะลิหรือไม่ นายธนิต บอกว่า ตอนนี้มาอยู่เมืองไทย รอให้ลูกสาวเรียนจบชั้นประถมก่อนจึงจะกลับไปอยู่แคนาดา ส่วนค่ายมวย ว.วัฒนะ เมื่อตนไปอยู่แคนาดาแล้วก็จะมอบหมายให้คนที่มาฝึกมวยที่เป็นลูกศิษย์รับผิดชอบดูแลต่อ โดยตนกับมะลิจะค่อยให้การสนับสนุนอยู่ข้างหลัง 

"มะลิ เขาชอบมวยไทยมาก เขาทุ่มทุกอย่างเพื่อเด็กในหมู่บ้าน ส่วนเมื่อเรากลับไปอยู่แคนาดาแล้วจะเปิดค่ายมวยที่นั่นหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่ได้คิด" ฟ้าประทาน ป.ปรีชายิม กล่าวทิ้งท้าย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ทุบสถิติ 79 ปี! RWS ดึงต่างชาติเข้าเวทีราชดำเนินเกือบ 150,000 คน ใน 6 เดือน ทุบสถิติ 79 ปี! RWS ดึงต่างชาติเข้าเวทีราชดำเนินเกือบ 150,000 คน ใน 6 เดือน
  • อดีตผู้ใหญ่บ้านฉายา\'นักสู้ข้างเวที\' ตั้งค่ายมวยปลุกปั้นลูกหลาน สืบสานศิลปะการต่อสู้ อดีตผู้ใหญ่บ้านฉายา'นักสู้ข้างเวที' ตั้งค่ายมวยปลุกปั้นลูกหลาน สืบสานศิลปะการต่อสู้
  •  

Breaking News

รอพรุ่งนี้! ครม.เคาะใครคุม'ดีเอสไอ' แทน 'ทวี' ชี้เป็นอำนาจนายกฯหาคนเหมาะสม

'อนุทิน'คัมแบ๊คทํางานวันแรก! หลังเปลี่ยนเลนส์ตา บอก'No News'ปัดตอบการเมือง

'โปรจิ๋ว'เฉียบ! คว้าแชมป์สวิงที่เวียดนาม

'โจ ไบเดน'ประกาศข่าวช็อค ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากขั้นรุนแรง แพร่กระจายถึงกระดูกแล้ว

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved