มนุษย์เงินเดือนที่ต้องจ่ายเงินสมทบประกันสังคมทุกๆ เดือน เพื่อเอาไปใช้รักษาพยาบาลในยามที่เราเจ็บป่วย และเมื่อถึงเวลาเงินสะสมประกันสังคมยังมีดอกเบี้ยให้อีก โดยจะหักจากเงินเดือน 5 เปอร์เซ็นต์ แต่จะหักสูงสุดไม่เกิน 750 บาท ถือว่าประกันสังคมให้สิทธิในการรักษาโรคได้หลากหลายโรค ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง-ต่ำ โรคตับอักเสบ เป็นต้น
อนึ่ง พ.ร.บ.ประกันสังคมฉบับใหม่ (ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2558) เพิ่มสิทธิในการรักษาโรคมากขึ้น และค่อนข้างจะครอบคลุมให้กับผู้ประกันตน แต่นอกเหนือจากนั้นการรักษาพยาบาลก็ไม่ได้ครอบคลุม 14 โรค ที่ประกันสังคมขอปฏิเสธที่จะให้ใช้สิทธิในการออกค่ารักษาพยาบาลให้ มีดังนี้
1.โรคหรือการประสบอันตรายอันเนื่องมาจากการใช้สารเสพติด
2.การรักษาโรคที่ต้องใช้ระยะเวลาการรักษาตัวในโรงพยาบาล ประเภทคนไข้ เกิน 180 วัน ใน 1 ปี
3.การบำบัดทดแทนไต ในกรณี ไตวายเรื้อรัง ยกเว้นกรณีไตวายเฉียบพลันที่มีระยะเวลารักษาไม่เกิน 60 วันให้มีสิทธิได้รับบริการทางการแพทย์ กรณีเจ็บป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ให้สิทธิได้รับบริการทางการแพทย์ โดยการบำบัดทดแทนไตด้วยวิธีการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม วิธีการล้างช่องท้องด้วยน้ำยาอย่างถาวร และด้วยวิธีการปลูกถ่ายไต ตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขและวิธีการปลูกถ่ายไตและอัตราที่กำหนดในประกาศจากสำนักประกันสังคม
4.การกระทำใดๆเพื่อความสวยงามโดยไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์(ศัลยกรรม)
5.การรักษาที่ยังอยู่ในระหว่างการค้นคว้าทดลอง
6.การรักษาภาวะมีบุตรยาก
7.การตรวจเนื้อเยื่อเพื่อการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ ยกเว้นการตรวจเนื้อเยื่อเพื่อการปลูกถ่ายไขกระดูกของผู้ประกันตน ให้จ่ายค่าตรวจเนื้อเยื่อเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นแต่ไม่เกิน 7,000 บาทต่อราย ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการแพทย์กำหนด
8.การตรวจใดๆ ที่เกินกว่าความจำเป็นในการรักษาโรค
9.การเปลี่ยนเพศ
10.การผสมเทียม
11.การบริการระหว่างรักษาตัวแบบพักฟื้น
12.ทันตกรรม ยกเว้นการถอนฟัน การอุดฟัน การขูดหินปูนและผ่าฟันคุด ให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับค่าบริการทางการแพทย์เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็น แต่ไม่เกิน 900 บาทต่อครั้งและต่อปี กรณีใส่ฟันเทียมชนิดถอดได้บางส่วน มีสิทธิได้รับค่าบริการทางการแพทย์เท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 1,500 บาท ภายในระยะเวลา 5 ปี แต่หากเป็นกรณีใส่ฟันเทียมที่ถอดได้ทั้งปาก จะมีสิทธิได้รับค่าบริการทางการแพทย์เท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 4,400 บาท ภายในระยะเวลา 5 ปี
13.การทำแว่นตา
14.การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ ยกเว้นการปลูกถ่ายไขกระดูก ให้จ่ายค่าบริการทางการแพทย์เหมาจ่ายในอัตรา 750,000 บาทต่อราย แก่สถานพยาบาลที่ให้บริการทางการแพทย์ แก่ผู้ประกันตนจนสิ้นสุดกระบวนการปลูกถ่ายไขกระดูก โดยจะต้องเป็นสถานพยาบาลที่คณะกรรมการแพทย์รับรอง และได้ทำข้อตกลงไว้กับสำนักงานในการให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตน กรณีการปลูกถ่ายไขกระดูกตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะกระจกตา โดยให้เหมาจ่ายค่าบริการทางการแพทย์แก่สถานพยาบาล 20,000 บาท และให้ศูนย์ดวงตาสภากาชาติไทย 5,000 บาท ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด
“ล่าสุด ประกันสังคมได้ให้สิทธิผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะกระจกตา พร้อมทั้งไม่ต้องสำรองจ่ายใดๆ โดยจับมือกับ 29 โรงพยาบาล เพื่อให้ผู้ประกันตนเข้าถึงการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากขึ้น”
นายสุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคมให้สิทธิการรักษาผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยเกี่ยวกับกระจกตา และต้องได้รับการผ่าตัด เปลี่ยนอวัยวะกระจกตา โดยผู้ประกันตนที่มีความประสงค์จะใช้สิทธิการเปลี่ยนอวัยวะกระจกตา จะต้องมีข้อบ่งชี้ ดังนี้
1.โรคแผลเป็นที่กระจกตา
2.โรคกระจกตาเป็นแผล,
3.โรคกระจกตาขุ่นเป็นฝ้าขาว บวม เช่น อุบัติเหตุจากสารเคมี หรือกระจกตาบวมหลังการผ่าตัด
4.กระจกตาเสื่อมตามอายุ
5.กระจกตาผิดปกติแต่กำเนิดหรือผิดปกติ ทางพันธุกรรม
6.การติดเชื้อแต่กำเนิด
7.กระจกตาขุ่นจากโรคทางภูมิร่างกายผิดปกติ เช่น การแพ้ยาบางชนิด
8.โรคกระจกตามีความโค้งผิดรูป
9.กระจกตาบาง กรณีจำเป็นเร่งด่วน เช่น โรคติดเชื้อที่กระจกตารุนแรง กระจกตาทะลุ หรือกรณีอื่น ๆ ตามที่จักษุแพทย์ผู้รักษาระบุ หากผู้ประกันตนเจ็บป่วยโรคเกี่ยวกับกระจกตา และต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา
ทั้งนี้ ผู้ประกันตนสามารถรับบริการตรวจรักษาได้ ณ สถานพยาบาลตามสิทธิการรักษาพยาบาลที่ตนเองเลือกไว้ทันที โดยไม่ต้องสำรองจ่าย สำนักงานประกันสังคมได้มีการอนุมัติสิทธิ ให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิกรณีการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาแล้วจำนวน 628 ราย
ปัจจุบันสำนักงานประกันสังคม ได้จัดสถานพยาบาลในบันทึกข้อตกลงที่มีศักยภาพเพื่อให้ผู้ประกันตนเข้าถึงการรักษาที่ดีที่สุด ในกรณีสถานพยาบาลตามสิทธิฯ ส่งต่อการรักษา จำนวน 29 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ โรงพยาบาล ศรีนครินทร์ ขอนแก่น โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลราชบุรี โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โรงพยาบาลชลบุรี โรงพยาบาลอุดรธานี โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า โรงพยาบาลเลิดสิน โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
โรงพยาบาลทุ่งสง ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ โรงพยาบาลหาดใหญ่ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า โรงพยาบาลพระปกเกล้า โรงพยาบาลนครปฐม ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ โรงพยาบาลบ้านแพ้ว และโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี