สมุนไพรป่าหากินได้ยากในปัจจุบันในจำนวนนี้ก็คือ "ตะขบป่า" ที่มีสรรพคุณและประโยชน์มากมายทั้งต้นและผล ยอดอ่อนรับประทานได้ ผลสดนำมาแปรรูปเป็นแยมหรือไวน์ เนื้อไม้ใช้ทำด้ามอุปกรณ์ต่างๆ ผลและเนื้อไม้มีฤทธิ์เป็นยาถ่ายพยาธิตัวกลม ใบใช้แก้งูกัด เปลือกไม้รักษาโรคผิวหนังได้ ชาวบ้านบางพื้นที่ เช่น ชาวกะเหรี่ยงในจังหวัดเชียงใหม่ใช้รากต้มน้ำดิ่มแก้ปวดเมื่อย
"ตะขบป่า" จัดเป็นไม้พุ่ม หรือไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดเล็ก มีความสูงได้ประมาณ 2-15 เมตร เรือนยอดแผ่กว้าง ปลายกิ่งโค้งลง ตามลำต้นและกิ่งใหญ่จะมีหนามแหลม กิ่งอ่อนจะมีหนามแหลมตามซอกใบ หนามยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร ส่วนกิ่งแก่ๆ มักจะไม่มีหนาม เปลือกต้นเป็นสีเหลืองอมเทาแตกเป็นร่องลึก มีช่องอากาศรูปรีกระจายแบบห่างๆ พบขึ้นตามป่าเต็งรัง ป่าโปร่ง ป่าดิบแล้ง ป่าผสมผลัดใบ ป่าเบญจพรรณ และตามป่าชายหาด ตลอดจนตามริมแม่น้ำ ชอบพื้นที่กลางแจ้ง ทนแล้งและน้ำท่วมขังได้ดี
"ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์" ได้พูดคุยกับ "นายธวัชชัย กุณวงษ์" ซึ่งเป็นตัวแทนเครือข่ายอินแปง เป็นกลุ่มที่พื้นฟูอนุรักษ์และส่งเสริมการปลูกพืชพื้นบ้าน-ป่าในสวน ที่มาเปิดบูธภายในงานมหกรรมสมุนไพรและอาหารครั้งที่ 3 ในหัวข้อ "กินเปลี่ยนวัย" ที่ฮอลล์ 7-8 อิมแพค เมืองทองธานี ที่จัดขึ้นโดยคณะกรรมการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายด้านเกษตรกรรมยั่งยืน อาหารปลอดภัยเพื่อสุขภาพ ระหว่างวันที่ 29 ส.ค.- 2 ก.ย.61 ที่ผ่านมา
โดยนายธวัชชัย เล่าเกี่ยวกับสรรพคุณของตะขบป่าว่า คนสมัยก่อนหลังคลอดลูกจะนำต้นตะขบป่าไปต้มและนำมาดื่ม เพื่อบำรุงน้ำนม และช่วยในเรื่องของการฟอกเลือด โดยผลของมันสามารถนำมารับประทานแบบดิบก็ได้ หรือสุกก็ได้ รสชาติก็อร่อยตามธรรมชาติของตัวมันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปใส่สารเคมีใดๆเลย รวมถึงมีสรรพคุณและประโยชน์มากมายด้วย เราควรจะส่งเสริมและอนุรักษ์ไว้ ถึงแม้ว่าจะเป็นผลไม้ป่าแต่เราสามารถนำมาปลูกในสวนของเราได้ ทั้งปลอดภัยและได้คุณสมบัติที่ครบถ้วนอีกด้วย จึงอยากให้คนไทยได้มารู้จัก “ตะขบป่า” แบบจริงจัง ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แล้วตัดทิ้งไป
สำหรับสรรพคุณของตะขบป่า ประกอบไปด้วย ใบแห้งนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาบำรุงร่างกาย,ผลใช้กินเป็นยาแก้อ่อนเพลีย,แก่นหรือรากใช้กินเป็นยาแก้ตานขโมย ใช้เป็นยาแก้อหิวาตกโรค,น้ำต้มจากใบแห้งใช้กินเป็นยาแก้ไข้,หนามมีรสฝาดขื่นสามารถเป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้พิษ ไข้กาฬ ลดความร้อน แก้พิษฝีต่างๆ,น้ำยางจากต้นและใบสด ใช้กินเป็นยาลดไข้สำหรับเด็ก แก้อาการไอ,น้ำต้มจากใบแห้งใช้กินเป็นยาขับเสมหะ,แก่นมีรสฝาดขื่น ใช้ต้มน้ำดื่มเป็นยาขับเหงื่อ,เปลือกต้นมีสรรพคุณเป็นยาแก้เสียงแห้ง นำเปลือกมาแช่หรือชงเป็นยากลั้วคอแก้เจ็บคอ
ช่วยแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน, น้ำต้มจากใบแห้งใช้กินเป็นยาแก้หืดหอบ หลอดลมอักเสบ, รากมีรสหวานฝาดร้อน ใช้กินเป็นยาแก้โรคปอดบวม,น้ำยางจากต้นและใบสดใช้เป็นยาแก้โรคปอดอักเสบ,ใบแห้งนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาขับลม,ใช้เป็นยาแก้บิดและท้องเสีย, แก่นนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ท้องร่วง บิดมูกเลือด,หรือใช้ใบแห้งนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ท้องร่วง,เปลือกต้นนำมาตำรวมกับน้ำมัน ใช้ทาถูนวด แก้ปวดท้อง
ผลมีสรรพคุณเป็นยาระบายน้ำยางจากต้นและใบสดมีสรรพคุณในการช่วยย่อยอาหาร, ใช้เป็นยาขับพยาธิไส้เดือน, ใบนำมาย่างไฟจนแห้งใช้ชงกินหลังการคลอดบุตรของสตรี, รากใช้กินเป็นยาแก้ไตอักเสบ,ผลมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการของโรคดีซ่าน ม้ามโต, น้ำต้มใบแห้งใช้กินเป็นยาฝาดสมาน, แก่นใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้โรคผิวหนัง ประดง ผื่นคัน, เปลือกต้นนำตำรวมกับน้ำมัน ใช้ทาถูนวด แก้คัน, เมล็ดใช้ตำพอกแก้ปวดข้อ, รากมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงน้ำนม เป็นต้น
ขอบคุณภาพและข้อมูลบางส่วนจาก : www.medthai.com
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี