พระวิทยา กิจฺจวิชฺโช เจ้าอาวาสวัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน จังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งในคณะศิษยานุศิษย์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับ "การตีระฆัง" หลังจากมีผู้ร้องเรียนไปยังสำนักงานเขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร จนทางสำนักงานเขตส่งหนังสือถึงเจ้าอาวาสวัดไทร ย่านพระราม 3 โดยมีเนื้อหาระบุว่า "ประชาชนแจ้งเรื่องร้องทุกข์ได้รับความเดือดร้อน กรณีที่ทางวัดไทร ทำการตีระฆัง ส่งเสียงดังรบกวน ตั้งแต่เวลา 03.30 น. - 04.00 น. เป็นประจำทุกวัน สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้พักอาศัยบนคอนโดที่อยู่ติดวัด จึงขอความร่วมมือวัดให้ช่วยลดเสียงเพื่อป้องกันการสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้พักอาศัย จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกสังคมออนไลน์กันอย่างกว้างขวาง"
โดยเนื้อหาที่ "พระวิทยา กิจฺจวิชฺโช" โพสตมีดังนี้ "...พระที่จะตีระฆังได้ ต้องผ่านการฝึกตีระฆังมาพอสมควร กว่าจะตีทิ้งจังหวะทอดระยะห่างให้เสียงระฆังดังกังวานเป็นจังหวะติดต่อกันอย่างไพเราะเพราะพริ้ง
ทีแรกก็ตีห่าง ๆ แล้วค่อยเร่งจังหวะกระชับถี่เร็วขึ้นจนค่อย ๆ จางหายไป เรียกว่า 1 ลา ก็จะตีประมาณ 9 ลา
เสียงระฆัง ถ้าฟังดี ๆ จะมีเสน่ห์มีมนต์ขลังอย่างบอกไม่ถูก เพราะระฆังแต่ละลูกเขาก็หล่อโดยใช้โลหะเนื้อดีที่จะให้เสียงสดใสดังกังวาน ลูกหนึ่งก็หลายหมื่นทีเดียว ก็แล้วแต่ขนาดใหญ่เล็ก
นอกจากนั้นก็ยังมีหอระฆังที่สร้างด้วยศิลปโบราณอย่างวิจิตร สำหรับแขวนระฆังเอาไว้ในที่สูง เพื่อให้เสียงทอดไปไกล ต้องใช้งบประมาณเป็นหลายแสนเหมือนกันนะ ผู้ที่ทำบุญด้วยระฆังก็ยังมีอานิสงส์ทำให้มีชื่อเสียงกิตติศัพท์เลื่องลือ ทั้งมีน้ำเสียงดังกังวานไพเราะเพราะพริ้ง
การตีระฆังนั้นก็ตีเพื่อเป็นสัญญาณให้รู้ว่า ถึงเวลาที่จะต้องตื่นมาทำความดีกันแล้ว พระสงฆ์ก็ต่างมาประชุมพร้อมกันที่โบสถ์หรือศาลา เพื่อทำกิจวัตรมีไหว้พระสวดมนต์ภาวนาเป็นต้น ส่วนญาติโยมต่างก็ลุกขึ้นกุลีกุจอจัดเตรียมข้าวปลาอาหารเพื่อไปวัดทำบุญใส่บาตร
เสียงระฆังจึงเป็นเหมือนเสียงสวรรค์ที่มาปลุกชาวพุทธให้ทำความดีอันจะเป็นเหตุให้ได้ไปสวรรค์นั่นเอง
วิถีของชาวพุทธแต่โบราณกาลดำเนินมาอย่างนี้ ญาติโยมเมื่อได้ยินเสียงระฆังที่ดังกังวานช้า ๆ ๆ แล้วค่อยเร่งกระชั้นถี่เร็วจนจางหายไปในแต่ละลานั้น มันกระตุ้นจิตใจให้เกิดความอิ่มเอิบปลาบปลื้มปิติในบุญกุศลอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จิตใจก็แช่มชื่นเบิกบาน เสียงระฆัง นี้ ช่างมีเสน่ห์จริง ๆ นะ! ถ้าพระที่ท่านตีเป็น ยิ่งไพเราะน่าฟังเอามาก ๆ และมีที่เดียวที่จะฟังได้ ก็คือที่วัดเท่านั้นเอง ที่อื่นใครจะตีระฆังไปเพื่ออะไร?
โชคดีแล้วที่ได้มีโอกาสได้ยินเสียงระฆังทำวัตรสวดมนต์ ตอนเช้า ๆ ใช่ว่าจะมีระฆังตีกันได้ทุกวัดหรอกนะ โดยมากจะมีแต่เฉพาะวัดเก่าแก่ กว่าจะส่งเสียงระฆังไปให้ได้ยินกันได้นี่! ต้องอาศัยผู้ใจบุญมาสร้างหอระฆังให้ เอาระฆังเนื้อดีมาถวาย ซึ่งต้องใช้งบประมาณไม่ใช่น้อย
ถ้าเป็นชาวพุทธ อย่าพึงรังเกียจไปเลย เสียงระฆังเป็นเหมือนเสียงสวรรค์ ที่มาลากจูงพวกเราให้ได้ขึ้นจากหลุมนรก ถ้าวัดตีระฆังไม่ได้ ก็คงไม่มีที่ไหนจะตีได้แล้ว
จงช่วยกันรักษามรดกธรรมอันนี้เอาไว้ อย่าให้สูญหายไปเปล่า การตีระฆังมันเป็นศาสตร์โบราณ แค่ได้ยินเสียงระฆังก็ชื่นใจแล้ว เพราะเป็นสัญลักษณ์ของการทำความดี พระท่านไม่ได้ตีแบบมั่ว ๆ ที่นึกอยากจะตี ก็ตีเล่นตามใจชอบ เขามีแบบมีมีฉบับกันอยู่ และไม่ใช่เสียงของสัตว์นรกตัวปลิ้นปล้อนหลอกลวงที่ไหน ที่จะมาชักนำให้พวกเราชาวพุทธได้ไปอบาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี