พระวิทยา กิจฺจวิชฺโช เจ้าอาวาสวัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน จังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งในคณะศิษยานุศิษย์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เขียนบทความธรรมะลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยใช้หัวเรื่องว่า 'พระพุทธคุณอันล้ำเลิศ' พร้อมกับเนื้่อหาดังนี้
ท้องฟ้าสีครามและปุยเมฆสีขาวนวล เมื่อยามที่มันมาอยู่ด้วยกันอย่างถูกที่ถูกเวลา มันก็อาจเปล่งประกายความงามอันวิจิตรจนตรึงทุกสายตาให้หยุดนิ่งได้ แต่บางคราวก็แปรสภาพเป็นท้องฟ้าที่มืดครึ้มหมองคล้ำส่งประกายสายฟ้าแลบฉวัดเฉวียน ผสานเสียงคำรามกราดเกรี้ยวครืนครั่นอย่างน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึง จนไม่มีใครอยากจะพบเห็น
แม้ท้องฟ้าที่ไม่มีชีวิตจิตใจก็ยังแปรสภาพเปลี่ยนแปลงอย่างมิเคยจะอยู่ยงคงที่ จากความงามตระการตาไปสู่ความมืดครึ้มหมองคล้ำ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป มองเห็นได้ แต่สัมผัสจับต้องมิได้ ไร้ซึ่งตัวตน
เฉกเช่นชีวิตของคนเราก็เป็นเช่นนั้น บางคราวก็สดใสเริงร่าประหนึ่งว่า โลกนี้ช่างสวยสดงดงามตระการตายิ่งนัก จะหาความทุกข์ใด แม้แต่สักนิดก็มิได้มี อยากได้สิ่งใด ก็บันดาลให้ได้สมความปรารถนาไปเสียทุกอย่าง จิตใจก็ผยองลำพองทะเยอทะยานอยากมากยิ่งขึ้น
แต่พอวิถีแห่งกรรมพลิกผันพลันได้เจอมรสุมชีวิตโหมพัดกระหน่ำจนสุดจะต้านทานไหว ทุกสิ่งบรรดามีก็พังทลายลง จนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด ได้ลิ้มรสแห่งความระทมขมขื่น ก็มาตัดพ้อต่อว่า ประหนึ่งว่า ทุกข์บนโลกใบนี้ไฉนจึงมารวมอยู่ที่เราแต่ผู้เดียว
ยามสุขก็สุขเสียจนลืมตาย พอยามทุกข์ก็ทุกข์เสียจนอยากแต่จะตาย มีชีวิตอยู่ด้วยความท้อแท้สิ้นหวัง นี่แหละ! สัตวโลกผู้ไม่มีแสงสว่างแห่งธรรม ก็มักจะเป็นเช่นนี้เอง น่าสลดสังเวชใจเอานักหนา
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสร้างบารมีด้วยความยากลำบากอย่างแสนสาหัส ตลอด 20 อสงไขยแสนกัปป์ เพื่อแสวงหาโมกขธรรมอันวิเศษ ก็เพียงเพื่อปรารถนาจะรื้อขนสัตว์ให้พ้นจากทุกข์เท่านั้นเอง
พอพระองค์มาอุบัติตรัสรู้อริยสัจสี่ อันเป็นหนทางนำออกจากทุกข์ได้ นำธรรมอันล้ำเลิศมาประกาศสอนโลกว่า ทุกสิ่งในโลกเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง ไม่จีรังยั่งยืนอยู่เสมอ เป็นทุกขัง มีความเสื่อมสิ้นพิบัติแปรปรวนไปเป็นธรรมดา เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของผู้ใด ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา แต่จะมีสักกี่คนใส่ใจในคำสอนนี้
ใช่แต่เท่านั้น พระองค์ยังทรงบอกทางออกจากทุกข์ที่เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทาอันยอดเยี่ยม อันได้แก่ มรรค มีองค์ 8 ซึ่งย่อรวมลงเป็น ศีล สมาธิ ปัญญา สรุปให้ฟังง่าย ๆ อีกว่า ให้พากันละชั่ว ให้ทำแต่ความดี และทำใจให้ผ่องใสบริสุทธิ์
มิใช่แต่จะบอกเปล่า ๆ ยังชี้ให้เห็นชัดอีกว่า ถ้าอยากจะละชั่ว ก็ให้ละด้วยศีลนะ จะเป็น ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 หรือ ศีล 227 ก็เลือกเอาตามกำลังปัญญาของตน เอาให้มันได้สักอย่าง เพียงแค่ศีล 5 ก็มีคนที่รักษาได้มีจำนวนเพียงเท่าเขาโค ที่เหลือมีจำนวนเท่าขนโค พากันไปอบายหมดทั้งสิ้น เพียงแค่ธรรมชั้นศีล อันเป็นธรรมขั้นต้น ที่ให้ละชั่ว ก็หาผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติตามได้ยากแล้ว
มิพักต้องกล่าวไปใยถึงขั้นให้ทำดี คือ ขั้นทำสมาธิให้แก่กล้า ก็ยิ่งยากเข้าไปอีก ยังมีอีกขั้นสุดท้าย คือทำใจให้ผ่องใสบริสุทธิ์ ได้แก่ การอบรมปัญญาขัดเกลาจิต ด้วยการทำลายล้างกิเลสให้เบาบางลงจนถึงหมดสิ้นจากใจ ก็ยิ่งแทบจะมองเห็นเป็นเรื่องเพ้อฝันไปเสียแล้ว
นี่! เห็นไหม? ศีล สมาธิ ปัญญา อันเป็นธรรมที่ล้ำเลิศ สามารถปลดเปลื้องทุกข์ออกจากใจได้ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสรู้ได้มาด้วยความยากลำบากแสนเข็ญ จากการสร้างบารมีตลอด 20 อสงไขยแสนกัปป์ และพลีชีพบูชาธรรมในคืนวันเพ็ญเดือน 6 ที่พุทธคยา โดยตั้งสัจจะอธิษฐานว่า หากไม่บรรลุพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณตราบใด แม้เลือดเนื้อเอ็นกระดูก จะเหือดแห้งหายไป ก็ไม่ขอลุกออกจากบัลลังก์สมาธินี้
ดูเอาเถิด! ชาวพุทธทั้งหลายกว่าที่พระพุทธองค์จะทรงตรัสรู้ได้ ศีล สมาธิ ปัญญา มาสอนพวกเรา พระองค์ต้องทำความขวนขวายด้วยความบากบั่นพากเพียรจนเลือดตาแทบกระเด็น
แต่พวกเราที่เปรียบเหมือนชุบมือเปิบ กลับมองเห็นธรรมที่พระองค์นำมาแสดงนี้ที่ไพเราะในเบื้องต้น คือศีล ที่ไพเราะในท่ามกลางคือสมาธิ ที่ไพเราะในเบื้องปลายคือปัญญา พวกเรากลับมองเห็นเสมือนเป็นของไร้ค่าไปเสียได้
มีน้อยคนเหลือเกินที่ตั้งใจจะเอาศีล สมาธิ ปัญญา มาประดับใจ ด้วยการปฏิบัติบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างจริงใจ ไม่ทำให้พระองค์ต้องทรงสร้างบารมีเหนื่อยเปล่า เพราะหาผู้สนใจปฏิบัติตามธรรมที่พระองค์นำมาประกาศสอนโลกมิได้
ดังนั้น หากผู้ใดรำลึกถึงพระคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็จงน้อมนำเอาศีล สมาธิ ปัญญา มาปฏิบัติด้วยดีเถิด จงตั้งใจปฏิบัติด้วยความเคารพอย่างจริงใจ อย่าได้คิดแม้แต่จะล่วงเกินศีล แม้แต่เพียงเล็กน้อย ไม่ว่าจะมีคนเห็น หรือไม่มีคนเห็นก็ตามนี้ จึงได้ชื่อว่า เคารพอย่างจริงใจ อย่าได้กระทำตนของตนให้กลายเป็นคนว่างเปล่าจากความดี คือหาศีล สมาธิ ปัญญาใด ๆ ภายในใจมิได้เลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี