18 ต.ค.61 เป็นเวลา 39 ปี กิ่งอำเภอเสนางคนิคม(ปัจจุบัน อ.เสนางคนิคม จ.อำนาจเจริญ) จ.อุบลราชธานี ถือว่า เป็นพื้นที่สีแดง เนื่องจากมีราษฎรบางคนที่หลงผิด ฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งสมัยนั้น เรียกว่า ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ หรือ ผกค. เข้าป่าจับอาวุธ ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินทั้งสองฝ่าย ด้วยพระบารมีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ และพระบรมศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียน พสกนิกร ทำให้มีขวัญและกำลังใจ และราษฎรผู้หลงผิดวางอาวุธต่อทางราชการ มาร่วมพัฒนาท้องถิ่น ให้เจริญมาจนถึงทุกวันนี้
ด้วยความจงรักภักดี สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ ณ หน้าที่ว่าการอำเภอเสนางคนิคม ชาวเสนางคนิคมทุกภาคส่วน จึงได้จัดทำโครงการสวนสัญลักษณ์แห่งสถานที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภุมิพลอดลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินการปฏิบัติ พระราชกรณียกิจ เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ประชาชน เฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2550 ซึ่งก่อสร้างเป็นศาลาคอนกรีต ล้อมรอบด้วยน้ำ ซึ่งภายในศาลา จะมีภาพถ่ายติดอยู่บนแผ่นหินอ่อนข้างผนังศาลา พร้อมบรรยายใต้ภาพ เมื่อครั้งที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พร้อมด้วย เด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศาวงศ์ ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเยี่ยมเยียนพสกนิกรชาวอำเภอเสนางคนิคมและอำเภอใกล้เคียง
สำหรับตัวหนังสือสีทอง ที่บรรยายใต้ภาพ ระบุว่า เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2522 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระศรีนครินทร์ทราบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬากรณ์วลัยรัตน์ ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ เยี่ยมเยียนพสกนิกรชาวอำเภอเสนางคนิคมและอำเภอใกล้เคียง ได้ทรงนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกตรวจรักษาพยาบาลราษฎรผู้เจ็บป่วย พร้อมได้ทรงเยี่ยมเยียนเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน(ตชด.)และสมาชิกอาสารักษาดินแดน(อส.)ซึ่งในขณะนั้นการบริการทางการแพทย์ยังไม่ทั่วถึงและมีสถานการณ์การต่อสู้ทางอาวุธอย่างรุนแรง ในเขตพื้นที่อำเภอเสนางคนิคมระหว่างราษฎรผู้หลงผิด ในลัทธิคอมมิวนิสต์กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทำให้ราษฎรขาดขวัญและกำลังใจ
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ได้เสด็จพระราชดำเนินปฏิบัติ พระราชกรณียกิจในวังดังกล่าว ยังผลให้พสกนิกรชาวอำเภอเสนางคนิคมและอำเภอใกล้เคียง มีความรู้สึกซาบชึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เป็นอย่างล้นพ้น ราษฎรและเจ้าหน้าที่มีขวัญและกำลังใจในการต่อสู้ ต่อมา ราษฎรผู้หลงผิด ได้ยอมมอบอาวุธ ต่อทางราชการ มาร่วมพัฒนาท้องถิ่น ชุมชนให้เจริญมาจนถึงวันนี้
นางคำปัน นารีวงศ์ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ที่ 2 ต.เสนางคนิคม อ.เสนางคนิคม จ.อำนาจเจริญ เล่าถึงเมื่อครั้งรับเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่า ตอนนั้นอายุ 17 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ได้ประกาศเสียงตามสาย ว่า ในวันที่ 28 พ.ย.22 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ จะเสด็จมาเยี่ยมเยียน ประชาชน ณ.หน้าที่ว่าการกิ่งอำเภอเสนางคนิคม เมื่อทราบข่าวประกาศเสียงตามสาย ตนตื่นเต้น ถึงกับนอนไม่หลับ เพราะดีใจ จะได้รับเสด็จ ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ถือว่า เป็นบุญอันยิ่งใหญ่ ที่ได้รับเสด็จพระองค์ท่าน
นางคำปัน นารีวงศ์ แม้จะผ่านไป 39 ปีแล้วก็ตาม ยังตื่นเต้นไม่หาย กล่าวด้วยความปลื้มปิติว่า วันที่รอคอยก็มาถึง เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 28 พ.ย.22 พระองค์ท่าน ทรงเสด็จมาโดยเฮลิคอปเตอร์ พระที่นั่ง ซึ่งจอดบริเวณลานว่าง หน้าที่ว่าการกิ่งอำเภอเสนางคนิคม(ปัจจุบันเป็นสำนักงานเทศบาลตำบลเสนางคนิคม) มีราษฎรจำนวนมาก เฝ้ารอรับเสด็จ ซึ่งตน ก็นั่งรอรับเสด็จอยู่ในเต็นท์ด้วย
พระบาทสมเด็จพระปรมมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ขณะทรงเยี่ยมราษฎร พระองค์ทรงประทับนั่งพับเพียบลงกับพื้นดินใกล้ชิดกับราษฎร โดยไม่มีลาดพระบาทรองรับและมิได้ถือพระองค์ ชาวอำเภอเสนางคนิคม ที่เฝ้ารับเสด็จ ต่างปลื้มปิติยินดีที่ได้เห็นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระราชปฏิสันถานกับราษฎรทุกหมู่เหล่าอย่างเป็นกันเอง ไม่ถือพระองค์ โดยเฉพาะกับหญิงชราและเด็ก บางคนกล่าวทำนองว่า “ เหมือนฟ้ามาโปรดให้แผ่นดินเสนางคนิคมเย็นลง “ ทำให้สถานการณ์การต่อสู้ด้วยอาวุธเบาบางลง(ขณะนั้นยังมีการสู้รบของผู้หลงผิดกับรัฐบาลอยู่)
จากนั้น เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมารและราชพระธิดา ได้เสด็จพระราชดำเนิน โดยรถยนต์ ที่ว่าการกิ่งอำเภอเสนางคนิคมไปยังฐานปฏิบัติการ ตชด.ห้วยม่วง บ้านบก หมู่ที่ 2 ต.เสนางคนิคม เพื่อรับฟังบรรยายการต่อสู้ระหว่างราษฎรผู้หลงผิดกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ จาก พ.ต.ต.สิทธิพล ฟื้นแสง ผบ.ร้อย ตชด.(ตำแหน่งในขณะนั้น) จากนั้น ได้ทรงพระราชทานสิ่งของให้แก่เจ้าหน้าที่ ตชด.และสมาชิก อส. ที่ปฏิบัติหน้าที่ รักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ กิ่งอำเภอเสนางคนิคม รวม 50 นาย กระทั่งเวลา 18.00 น.พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถและสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมารและพระราชธิดา ได้เสด็จพระราชดำเนินกลับ พระตำหนักภูพานราชนิเวศ
นางคำปัน นารีวงศ์ กล่าวด้วยความตื่นตันใจว่า แม้จะผ่านไปแล้ว 39 ปี ตนก็ยังจำได้ดี ระหว่างที่พระองค์เสด็จเยี่ยมเยียน ปฏิสันถาร กับ ประชาชน พระองค์อยู่ห่างกับตนไม่ถึง 3เมตร เมื่อพระองค์เสด็จพระราชดำเนินผ่านไป ตนค่อยๆลุกขึ้น และแทรกคนตามพระองค์ท่านตลอด เห็นพระพักตร์พระองค์ท่านชัดเจนทุกพระองค์ ซึ่งไม่ถือพระองค์เลย ราษฎรต่าง เรียกว่า “เทวดาเดินดิน “ ซึ่งถือว่า เป็นบุญสูงสุดในชีวิต ถ้าเล่าเรื่องนี้ทีไรขนลุกทุกที เพราะดีใจและตื่นเต้นมาก
นางคำปัน นารีวงศ์ กล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า เมื่อวันที่ 13 ต.ค.61 ที่ผ่านมา เป็นวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ตนได้ทำบุญตักบาตร เพื่อถวายพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่หน้าบ้านพักและพาลูกหลานไปชม ภาพถ่าย พระราชกรณียกิจ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ภายในศาลากลางน้ำ หน้าที่ว่าการอำเภอเสนางคนิคม และอธิบายเรื่องราวต่างๆให้ลูกหลานฟัง เมื่อครั้งได้มีโอกาสรับเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯและ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมศานุวงศ์ เพื่อให้ลูกหลาน เทิดทูล รักและหวงแหนสถาบันพระมหากษัตริย์ มากยิ่งขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี