23 ต.ค.61 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายธนาชัย เกตุโรจน์ ประธานสภาทนายความเพื่อประชาชน จ.นครศรีธรรมราชว่า ได้พบสองสามีภรรยาวัยชรา คุณตาอายุ 78 ปี พิการแขนขาอ่อนแรงเดินไม่ได้ ตาบอดทั้งสองข้าง มีคุณยายอายุ 90 ปี ซึ่งเป็นภรรยาเป็นคนคอยดูแลเลี้ยงดูคุณตาอย่างใกล้ชิด โดยทั้งสองเช่าห้องแถว เลขที่ 55/9 ซอยท่าเรือ 6 หมู่ 10 ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช อยู่อาศัย ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปพร้อมด้วยนายธนาชัย ไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว เมื่อถึงบ้านพบนาวิน จันอ่อน อายุ 78 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชนเลขที่ 14 ซอยพัฒนา 3 ถนราชดำเนิน ต.ในเอง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นั่งอยู่บริเวณประตูหน้าบ้าน ซึ่งแม้จะยังไม่ได้เข้าไปภายในบ้านแต่กลับได้กลิ่นเหม็นปัสสาวะจากภายในบ้านโชยออกมาด้านนอกค่อนข้างรุนแรง โดยภายในบ้านพบนางเจิม ช่วยทาศักดิ์ อายุ 90 ปีนั่งอยู่และรีบลุกขึ้นเดินหลังคร่อมออกมาต้อนรับ
จากการตรวจสอบภายในบ้านเบื้องต้นพบข้าวของ เสื้อผ้าเก่าๆ มีเพียงไม่กี่ชิ้น มีฟูกบางๆ 1 ผืน สำหรับปูบนพื้นที่เป็นที่หลับนอนของสองตายาย ห่างออกไปเล็กน้อยพบว่าเป็นจุดที่สองตายายใช้ทำเป็นห้องครัว โดยมีหม้อหุงข้าวไฟฟ้าเก่าๆ วางอยู่ 1 ใบ เตาถ่าน 1 เตา กะละมังขนาดต่างๆ 4 ใบ ถ้วย จาน 4-5 ใบวางอยู่และมีถาดใบใหญ่ 1 ใบมีฝาชีครอบเอาไว้ เมื่อเปิดดูพบมีถ้วยใส่ปลาเค็ม แกงน้ำเคย แกงเผ็ด และกล้วยบวชชี อย่างละ 1 ถ้วย ซึ่งเหลือจากที่สองตายายกินและเก็บไว้กินในมื้อต่อๆไป
คุณยายเจิม เล่าว่า เดิมตนมีภูมิลำเนาอยู่ ต.ปากแพรก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้ออกจากบ้านมาทำงานในตัวเมืองนครศรีธรรมราช โดยเช่าบ้านอยู่ในซอยพัฒนา 3 ถนนราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ในขณะที่คุณตาเจิม จันอ่อน ในขณะนั้นอายุประมาณ 17-18 ปี ได้มาทำงานรับจ้างในตัวเมืองนครศรีธรรมราชเช่นกัน และทั้งสองได้พบรักกันแม้อายุจะห่างกันกว่า 10 ปีเศษจนตกอยู่กินกันฉันสามีภรรยา เมื่อเกือบ 10 ปีก่อนคุณตาเจิมป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงจนเดินไม่ได้ ดวงตาก็เลือนรางมองเห็นชัด ตนต้องรับภาระในการเลี้ยงดูปรนนิบัติคุณตาเติม สามีมาตลอด โดยตนมีอาชีพขายไก่ย่างทรงเครื่องและย้ายมาเช่าห้องแถวห้องดังกล่าวเดือนละ 1,000 บาทรวมค่าน้ำค่าไฟอยู่อาศัยมาจนถึงทุกวันนี้
“เคยมีหลานของคุณตาวิน ที่ไปอาศัยอยู่ จ.ตรัง มารับสองตาตายไปอยู่ด้วย แต่อยู่ได้ระยะหนึ่งตน และคุณตาวิน สามี ก็ขอกลับมาอยู่ จ.นครศรีธรรมราช เนื่องจากอาหารไม่ถูกปากกินอาหารไม่ค่อยได้ จึงหอบหิ้วพากันกลับมา จ.นครศรีธรรมราช และพบว่าห้องแถวที่เคยเช่ายังว่างอยู่ไม่มีคนมาเช่าอยู่อาศัย จึงขอเช่าอยู่อาศัยอยู่เป็นรอบที่ 2 จนกระทั้งทุกวันนี้ ซึ่งอยู่กันตามมีตามเกิด มีรายได้จากเงินช่วยเหลือของทางราชการ ซึ่งในส่วนของคุณตาวินได้รับเบี้ยยังชีพคนชรา เดือนละ 700 บาท เบี้ยยังชีพผู้พิการเดือนละ 800 บาท ส่วนตนได้รับเงินยังชีพคนชราเดือนละ 1,000 บาท และบัตรคนจนเดือนละ 500 บาท รวมรายได้ที่ได้รับจากทางราชการเดือนละ 3,000 บาท ในจำนวนนี้นำมาจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ เดือนละ 1,000 บาท เหลืออีก 2,000 บาทเก็บไว้ซื้ออาหารซึ่งแทบไม่เพียงพอต้องประหยัดเป็นพิเศษ จนบางครั้งก็ต้องทนอด ๆ อยาก ๆ กันตามระเบียบ” คุณยายเจิม กล่าว
คุณนายเจิม กล่าวอีกว่า แต่ละวันตนจะออกจากบ้านไปหาอาหารในย่านตลาดหัวถนนศาลามีชัย ห่างออกไปประมาณ 1.5 กม. ในขณะที่คุณตาวิน ไปไหนไม่ได้ต้องนั่งรอตนอยู่ตรงประตูบ้านเช่า และนับว่าโชคดีที่บางครั้งชาวบ้านในย่าน หัวถนนศาลามีชัย จะปันอาหารให้เป็นประจำ บางคนสงสารก็ให้เงินยายเจิมบ้างครั้งละ 20-30 บาท หากพบเจอคุณใจดีก็จะให้มากถึง 100 บาท เมื่อถึงคราวเจ็บป่วยไข้ตนและคุณตาวิน สามี ก็จะเดินทางมาที่คลิกคุณหมอท่านหนึ่งที่ตลลาดหัวถนนศาลามีชัย โดยไม่ว่าจะเจ็บป่วยไข้อะไร หนักขนาดไหน บางครั้งต้องฉีดยา ให้น้ำเกลือ คุณหมอก็จะเก็บค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 100 บาทเท่านั้น ตอนนี้เป็นห่วงแต่คุณตาวิน เพราะหากตนมีอันต้องเสียชีวิตไปก่อนก็ไม่รู้ว่าคุณตาวิน จะอยู่ได้อย่างไร แต่หากคุณตาวิน เสียชีวิตไปก่อนตนก็หมดห่วง เราทั้งสองรักกันมากและจะไม่มีวันพรากจากกัน คุณยายเจิม กล่าวพร้อมคว้ามือคุณตาเจิม มากำและบีบไว้แน่น ก่อนจะโอบกอดอย่างรักใคร่ โดยน้ำตาไหลสองอาบแก้มอย่างน่าสงสาร
ขณะที่ นายธนาชัย เกตุโรจน์ เปิดเผยว่า ช่วงหลายวันก่อนพบคุณยายเจิม ในตลาดนัด “ตลาดอังคาร หัวถนนศาลามีชัย” โดยคุณยายเจิม ได้ไปว่าจ้างรถ จยย.รับจ้างให้ไปส่งที่บ้านระยะทางไม่เกิน 2 กม.แต่คนขับรถ จยย.รับจ้างไม่ยอมไปส่งอาจจะเป็นเพราะเห็นว่าคุณยายเป็นคนชรา เสี่ยงที่จะพลัดตกจากรถ จยย.เป็นอันตรายได้ และคนขับรถ จยย.รับข้างจะต้องรับผิดขอบ ตนจึงลงไปสอบถามและตัดสินใจขับรถยนต์เก๋งไปส่งคุณยายเจิม และต้องจอดรถไว้ปากซอย เนื่องจากซอยเล็กรถยนต์เข้าไม่ได้ ก่อนเดินจูงคุณยายเจิมเข้าส่งถึงบ้านระยะทางเกือบ 100 เมตร จึงพบว่าคุณยายเจิม อาศัยอยู่กับคุณตาวิน สามีที่พิการขาเดินไม่ได้ ตาบอด 2 ข้างมองไม่เห็น ชีวิตไดรับความลำบากยากเข็ญไม่น้อยแม้จะได้รับเงินช่วยเหลือจากภาครัฐก็ตาม จึงแจ้งศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อช่วยประสานงานหน่วยงานทั้งภาครัฐเอกชนหรือผู้ใจบุญยื่นมือเจ้ามาช่วยเหลือเพิ่มเติมดังกล่าว
สำหรับ ผู้ใจบุญต้องการช่วยเหลือสองตายายสามารถติดต่อศูนย์ข่าวนคร 24 ชั่วโมง สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช ชั้นล่างอาคารศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช โทร. 082-3333139,081-6761299 หรือที่นายธนาชัย เกตุโรจน์ ทนายความเพื่อประชาชน โทร.098-7253179
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี