1 พ.ย.61 ที่ศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ นายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ พร้อมคณะ และนางฐานิดา อนุอัน อายุ 46 ปี บ้านเลขที่ 24 หมู่ 1 บ้านเสริมชัยศรี ต.นิคม อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ผู้ร้องเรียน และตัวแทนผู้ปกครองคนพิการกว่า 10 คน เดินทางยื่นหนังสือต่อ นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ผ่านนายสนั่น พงษ์อักษร รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์
เพื่อเรียกร้องสิทธิให้กับคนพิการ กรณีที่ตัวแทนผู้ปกครองคนพิการใน จ.กาฬสินธุ์ ร้องเรียนเกี่ยวกับโครงการจ้างเหมาบริการตาม มาตรา 35 คนละ 100,000 บาทต่อปี หรือเดือนละ 10,000 บาท ถูกชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ อาจจะยักยอกด้วยวิธีให้เปิดบัญชีทำงาน จากนั้นเก็บบัตรเอทีเอ็ม และสมุดบัญชีก่อนจ่ายให้รายเดือนแค่คนละ 2,000-4,000 บาทแทน
โดยนายปรีดา กล่าวว่า ตามที่นางฐานิดา หนึ่งในผู้ร้องเรียนได้รับสิทธิจากชมรมดังกล่าว ทำสัญญากับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งได้จัดสรรงบประมาณลงมา เพื่อมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยการสร้างงานสร้างอาชีพ และยกระดับคุณภาพชีวิตครอบครัวคนพิการให้ดีขึ้น ด้วยโครงการจ้างเหมาผู้ดูแลคนพิการตาม มาตรา 35 ผ่านสำนักงานจัดหางานจังหวัด และ พมจ.กาฬสินธุ์ โดยมีชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ เป็นที่ทำการและดำเนินการ
นายปรีดา กล่าวอีกว่า แต่จากการดำเนินงานที่ผ่านมา ได้รับการร้องเรียนจากผู้ได้รับสิทธิ มาตรา 35 กรณีได้รับค่าจ้างไม่ครบตามที่ระบุในสัญญา คือ เดือนละ 9,125 บาท หรือปีละ 109,500 บาท แต่ได้รับจริงเพียง 2,000-4,000 บาท จากการตรวจสอบทราบว่าทางชมรมดังกล่าว ยังเก็บสมุดเงินฝาก บัตรเอทีเอ็ม และทำข้อตกลงขึ้นมาใหม่กับผู้รับจ้าง สำหรับ กรณีที่เกิดขึ้นกับผู้พิการ หรือเงินกองทุนเกี่ยวกับผู้พิการต่างๆ ทางเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากทั่วประเทศประมาณ 40-50 ราย ขณะที่มีวงเงินที่สูญหายประมาณ 1,500 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบหนังสือร้องเรียนของเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์ฯ และทราบว่าทาง จ.กาฬสินธุ์เอง ก็ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบด้วย แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีคำตอบจากทางจังหวัด และยังไม่สามารถหาคนมารับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งๆที่มีความผิดชัดเจน และสั่งยกเลิกใบอนุญาตตั้งชมรมฯ ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.2561 ล่าสุดทราบว่า เมื่อสัปดาห์ก่อน ได้รับแจ้งว่าทางคณะกรรมการตรวจสอบ ได้มีการประชุมเพื่อไกล่เกลี่ย และยุติเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ โดยภาพรวมมีความพยายามที่จะให้ผู้ร้องเรียนเป็นฝ่ายผิด ขณะที่ทางชมรมยังไม่ยอมรับผิดชอบใดๆ
นางชนัญชิดา ลิ้มนนทกุล เลขานุการเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์ฯ กล่าวว่า ส่วนราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องเอง ยังมีพฤติกรรมเข้าข้างชมรมฯ มีความพยายามที่จะบิดเบือนข้อมูลที่เป็นจริง เพื่อเข้าข้างผู้กระทำผิด แทนที่จะช่วยกันโอบอุ้มดูแลคนพิการ กลับไปเอื้อทางชมรมฯ ซึ่งเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์มองว่าไม่ถูกต้อง ในฐานะเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ จึงได้เดินทางมายื่นหนังสือ กรณีคนพิการและผู้ดูแลคนพิการถูกละเมิดสิทธิ์ และได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม จากขบวนการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐระดับจังหวัดมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยร้องเรียนต่อนายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ เพื่อเรียกร้องสิทธิ์ที่พึงมีพึงได้ให้คนพิการและผู้รับจ้างตามมาตรา 35 และทำการตรวจสอบให้ชี้ชัดต่อไป
“ตามนโยบายของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ตั้งธงปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย แต่พฤติการณ์แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับมาตรา 35 ใน จ.กาฬสินธุ์ โดยการติดตามของเครือข่ายพิทักษ์สิทธิฯ กลับสวนทางกัน ทั้งๆที่มีมูลความผิดชัดเจน แต่ภาพที่เห็นคือส่วนราชการมีท่าทีช่วยเหลือผู้กระทำผิด เป็นพฤติกรรมที่น่าสงสัย จึงเป็นประเด็นที่ต้องเข้ามาทวงตามสิทธิ และติดตามคำตอบสุดท้ายจากทางจังหวัดวันนี้” นางชนัญชิดา กล่าว
ด้าน นายสนั่น กล่าวว่า เรื่องนี้ทางจังหวัดได้รับรายงานมาตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2561 ซึ่งนายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ โดยมอบหมายให้สำนักงาน พมจ.เป็นประธานกรรมการฯ ซึ่งทราบว่าเรื่องยังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบของคณะกรรมการ ทั้งนี้ จะเร่งติดตามผลการดำเนินการและพิจารณาหาข้อยุติโดยเร็วที่สุด เพราะเป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้พิการ ที่ต้องได้รับการูแลเอาใจใส่จากส่วนราชการอย่างดีที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี