เจ้าของกิจการดูดทรายชาวราชบุรี หอบหลักฐานโฉนดที่ดินเอกสารสิทธิ์การเป็นเจ้าของบ่อทรายตั้งโต๊ะแถลงข่าวขอความเป็นธรรมที่บ่อทราย หลังถูกร้องเรียนผ่านสื่อกล่าวหาว่าเป็นนายทุนขุดทรายทำตลิ่งพังและทำถนนขวางทางน้ำ จนทำให้ได้รับความเสียหายขาดทุนยับ เผยข้อมูลที่ปรากฏผ่านสื่อไม่เคยมาสอบถามตนเอง
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.61 ที่ผ่านมา นายธนภณ ถาวรชัยโชค เจ้าของกิจการดูดทรายเฮียย้ง ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ตำบลด่านทับตะโก อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ได้นำหลักฐานเอกสารสิทธิ์ในการครอบครองที่ดินที่ซื้อจากเจ้าของเดิมถูกต้องตามกฎหมายและภาพถ่ายประกอบมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวเพื่อขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชนที่บริเวณบ่อทรายหลังได้รับข้อมูลจากกลุ่มลูกค้าว่า นายธนภณเป็นประกอบกิจการไม่ถูกต้อง จนทำให้ลุกค้าหลายรายไม่กล้าเข้ามาใช้บริการ ภายหลังจากที่ตรวจสอบจนทราบว่าตนเองไปปรากฎผ่านสื่อหลายแห่งว่าเป็นนายทุนขุดทรายทำตลิ่งพังและทำถนนขวางข้ามแม่น้ำมานานหลายปี ไร้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเหลียวแลแก้ไข
จากการณีดังกล่าวก่อนหน้านี้ได้มีกลุ่มชาวบ้านบริเวณริมถนนเลียบแม่น้ำลำภาชี หมู่ที่ 14 ตำบลด่านทับตะโก อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ได้ออกมารวมตัวเรียกร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาแก้ไขปัญหานายทุนขุดทรายจนทำให้ตลิ่งพัง และทำถนนขวางแม่น้ำมาช้านาน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบในบริเวณดังกล่าว
โดยข้อมูลมีการระบุว่านายทุนมาขุดทรายในแม่น้ำลำภาชี โดยอ้างว่ามีเอกสารสิทธิ ทำให้ตลิ่งด้านข้างแม่น้ำนั้นทรุดตัวขยายวงกว้างเข้ามาเรื่อยๆ นอกจากนี้ ทางนายทุนยังได้มีการทำถนนตัดผ่านขวางแม่น้ำลำภาชี ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงเส้นทางน้ำที่เป็นความผิดมาช้านานแต่ไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด ชาวบ้านนั้นเกรงว่าถ้าปล่อยให้นายขุดทรายในแม่น้ำต่อไป ถนนสาธารณะที่ชาวบ้านใช้เข้าออกหมู่บ้านก็จะทรุดตัวลงไปกลายเป็นพื้นที่แม่น้ำไปหมด
นอกจากนี้ยังระบุว่าในส่วนตลิ่งที่พังลงไปนั้นเดิมเป็นถนนแต่มีการตักทรายตั้งแต่ฝั่งโน้นมาจนถึงฝั่งนี้ ซึ่งเริ่มแรกนั้นทราบว่านายทุนมีพื้นที่ประมาณ 30 ไร่ แต่มีการขยับมาเรื่อยๆ จนตอนนี้ห่างจากสะพานข้ามแม่น้ำลำภาชี ประมาณ 200 เมตร โดยที่ผ่านมาเคยไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรม แต่พอกลับมารายชื่อที่ชาวบ้านไปร้องเรียนก็กลับมาอยู่ในมือของนายทุน และถูกนายทุนข่มขู่ฟ้องร้องรายตัว ทำให้ชาวบ้านไม่กล้าที่จะไปร้องเรียนหน่วยงานไหนอีกเพราะกลัวเป็นเรื่อง จนต้องปล่อยให้เรื่องราวนั้นบานปลายมาหลายปี จนเมื่อวานนี้ตลิ่งด้านข้างถนนทรุดตัวพัง เพราะนายทุนมาทำถนนในแม่น้ำ และเบี่ยงเส้นทางเดินน้ำให้มาด้านข้างตลิ่งและเข้ามาขุดทรายด้านข้างจนทำให้ตลิ่งทรุดลงไป จึงได้ตัดสินใจร้องเรียนไปยังหน่วยงานอีกครั้ง และทำให้มีการลงมาตรวจสอบในวันนี้
นายธนภณ ถาวรชัยโชค เจ้าของกิจการ เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวตนเองถูกให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ ข้อมูลที่ปรากฏในสื่อต่างๆ โดยกล่าวหาว่าตนเองเป็นนายทุนขุดทรายทำตลิ่งพังและทำถนนขวางทางน้ำ สื่อมวลชนหรือผู้ที่เกี่ยวข้องไม่เคยติดต่อเข้ามาสอบถามตนเองเพื่อนำข้อมูลไปตอบข้อเท็จจริงเลยแม้แต่ครั้งเดียว จากข้อเท็จจริง ตนเองได้เข้ามาเริ่มดำเนินการกิจการเมื่อ พ.ศ.2549 โดยการซื้อที่ดินจากชาวบ้านจำนวน 4 ราย ซึ่งเจ้าของที่ได้ขายที่ให้ตนเองและทำเรื่องโอนหนังสื่อรับรองสิทธิ์การทำประโยชน์ หรือ นส.3 เพื่อให้ประกอบกิจการถูกต้องตามกฎหมาย โดยเริ่มขุดทรายเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันรวมแล้วกว่า 11 ปี ที่ผ่านมาเคยมีปัญหาการร้องเรียน เมื่อปี 2551 ซึ่งก็จบลงไปด้วยดีเพราะเป็นการเข้าใจผิด ตนเองก็สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ
จนเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2561 ที่ผ่านมากลับมีกลุ่มชาวบ้านและผู้นำชุมชนได้ออกมารวมตัวร้องเรียนตนอีกครั้ง ซึ่งตนเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องออกมาร้องเรียนอีก เพราะการที่ตนเองทำกิจการก็โดยไม่มีปัญหากับใครมาเป็นระยะเวลานายหลังจากเกิดเรื่องเมื่อ 10 ปีก่อน ตรงนี้ตนเองมองว่าไม่เป็นธรรม โดยมีการกล่าวหา ว่าตนเองขุดทรายในแม่น้ำลำพาชีทำตลิ่งพัง เรื่องนี้ไม่เป็นความแต่อย่างไร การที่ตนเองขุดตักขึ้นมาก็คือในที่ดินตามเอกสารสิทธิ์ ซึ่งก็ไม่ได้ทรงผลกระทบใดๆต่อลำน้ำ ซึ่งที่ผ่านมา กรมเจ้าท่าตรวจสอบและให้ตนเองทำการขุดเปิดร่องน้ำ โดยที่ตนเองก็ยินที่ขุดออกเพื่อเปิดล่องน้ำให้ประมาณ 17 เมตร น้ำก็ไหลตามปกติเมื่อถึงฤดูน้ำหลาก
ในส่วนประเด็นที่กล่าวหาว่าตนเองทำถนนขวางแม่น้ำ ซึ่งในการทำก็ได้วางท่อเพื่อให้น้ำระบายได้สะดวก และเปิดทางน้ำให้ 30 เมตร และทุกอย่างตนก็ทำในที่ของตนเองไม่ได้ออกไปรุกนอกพื้นที่หรือที่ของชาวบ้านแต่อย่างไร
นายธนภณ กล่าวอีกว่า ส่วนที่กล่าวหาว่าตนเองเป็นนายทุนไปข่มขู่ชาวบ้านตรงนี้ตนเองยืนยันว่า ตั้งแต่มาประกอบกิจการที่นี่เป็นระวะเวลากว่า 10 ปี ไม่เคยไปข่มขู่ชาวบ้านแต่อย่างไร เพราะไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องไปข่มขู่ชาวบ้าน มีแต่ช่วยเหลือชุมชนมาโดยตลอด อาทิ ถวายทรายเพื่อสร้างวัด ช่วยเหลือชาวบ้านที่ยากไร้ เวลาที่ชาวบ้านเข้ามาขอสนับสนุนเพื่อจัดกิจกรรมวันสำคัญต่างๆ ตนเองและครอบครัวก็ยินดี เพราะเป็นการคืนกับไรให้ชุมชน จึงไม่มีเหตุจำเป็นที่จะไปข่มขู่ชาวบ้านแต่อย่างไร
ส่วนในประเด็นที่กล่าวหาว่า เวลาที่ชาวบ้านไปร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมเกี่ยวกับตนเอง และข้อมูลรายชื่อชาวบ้านกลับตกมาถึงตนเอง ตรงนี้ขอชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างไร เพราะรายชื่อที่เอามาจากหน่วยงานของศูนย์ดำรงธรรมนั้นไม่ใช่ว่าจะออกมาได้ง่าย และผิดกฎหมายซึ่งตนเองไม่คิดที่จะทำอยู่แล้วจึงคิดว่าตรงนี้เป็นการให้ร้ายและกลั่นแกล้งตนเอง
"วันนี้ที่ผมออกมาวิงวอนต่อสื่อมวลชนเพราะอยากให้ความเป็นธรรมแก่ตนเองและครอบครัวบ้าง อยากให้ฟังความทั้ง 2 ฝ่าย อย่าฟังความแต่ฝ่ายเดียว ผมยินดีให้เข้ามาสัมภาษณ์ สามารถติดต่อเข้ามาพูดคุยเพื่อหาข้อเท็จจริงได้ตลอดเวลา การที่ครั้งนี้สื่อมวลชนหลายแหล่งนำไปเผยแพร่โดยที่ไม่เข้ามาสอบถามข้อเท็จจริงกับผมเลย จึงมองว่ากลั่นแกล้ง ทำให้ทุกวันนี้ผมได้รับผลกระทบต่อการดำเนินกิจการลูกค้าหลายรายที่เคยมาติดต่อใช้บริการก็ถอนออกไป เพราะคิดว่าผมทำธุรกิจที่ไม่ถูกต้องทั้งๆ ที่ผมเองทำในพื้นที่ได้รับเอกสารสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย จึงขอวอนสื่อมวลชนช่วยนำเสนอข้อเท็จจริงด้วย" นายธนภณ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี