วันพุธ ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
“ผีน้อย” เป็นคำเรียกแรงงานไทยที่ลักลอบไปทำงานในประเทศเกาหลีใต้อย่างผิดกฎหมาย ในมุมหนึ่งเป็นผู้สร้างเศรษฐกิจ” เพราะไม่ว่าจะเดินทางไปทำงานด้วยวิธีใด แต่ผลลัพธ์นั้นเหมือนกันคือนำเงินตราจากต่างแดนกลับสู่แผ่นดินเกิด “แต่อีกมุมหนึ่งก็เป็นที่รำคาญใจสำหรับผู้ที่ต้องการไปท่องเที่ยว” เพราะผู้ถือหนังสือเดินทาง (Passport) ของไทยจะถูกตรวจสอบเข้มงวดเป็นพิเศษจากทางการแดนกิมจิ
ที่งานวันผู้ย้ายถิ่นสากล ประจำปี 2561 ซึ่งจัดโดยเครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ (Migrant Working Group-MWG) ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ดนย์ ทาเจริญศักดิ์ หนุ่มไทยที่มีโอกาสได้ไปเรียนในเกาหลีใต้ บอกเล่าเรื่องราวความสนใจในชีวิตแรงงานไทยที่นั่นจนกลายมาเป็นงานวิจัย “แรงงานผีน้อยไทยในเกาหลี (A Study of Thai Illegal worker in South Korea)” ด้วยการฝังตัวเก็บข้อมูลกว่าปีเศษ
ดนย์ เล่าว่าการจะเข้าถึงแรงงานผีน้อยนั้นไม่ง่ายเนื่องจากแรงงานข้ามชาติในต่างแดนล้วนพยายาม “ทำตัวเองไม่ให้โดดเด่น” จึงต้องใช้เวลาพูดคุยกระทั่งเกิดความไว้วางใจ และค้นพบเรื่องน่าสนใจหลายประการ ตั้งแต่ 1.เกาหลีใต้ขาดแคลนแรงงานพื้นฐานอย่างมาก หากเมืองไทยปัญหานี้ว่ารุนแรงแล้ว เห็นได้จากความต้องการแรงงานข้ามชาติ 3 สัญชาติ (เมียนมา ลาว กัมพูชา)ในหลายภาคธุรกิจ แต่ที่แดนเกาหลีใต้นั้นหนักหนากว่ามาก
“มันมีเรื่องความคาดหวังของคน ในมุมมองของเด็กจบใหม่เขาต้องการไปเรียนต่อเมืองนอกหรือไปทำงานในบริษัทใหญ่ๆ สังคมที่พัฒนาแล้วจะมีปัญหานี้หมด เกาหลีใต้เขาคิดว่าการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ ปัญหาของเขาหนักกว่าไทย ผมมองว่าที่เกาหลีใต้มันเหมือนกับว่าถ้าคนเรียนจบมาจะมีมุมมองเดียวกันหมดเลยที่เคยคุยกับเด็กเกาหลีใต้ ไม่มีใครรู้เลยว่ามีงานโรงงานอยู่และมีความต้องการแรงงาน” ดนย์ ระบุ
ประการต่อมา 2.แรงงานผีน้อยไทยไม่ได้อยู่แต่งานระดับล่าง ดนย์ กล่าวต่อไปว่า แม้ระยะแรกๆ แรงงานไทยที่ไปทำงานในเกาหลีใต้จะทำงานประเภท “3D (Dirty - สกปรก, Dangerous - อันตราย, Difficult - ลำบาก)” ซึ่งเป็นงานที่คนท้องถิ่นไม่ทำ เช่น แรงงานในภาคเกษตร แต่เมื่อเวลาผ่านไปมีแรงงานไม่น้อยที่ได้ไปทำงานอื่นๆ เช่น เป็นคนครัวในร้านอาหารเกาหลี หรือแม้แต่เป็นลูกจ้างช่วยขายของในร้านของชำ ใช้ชีวิตกลมกลืนกับคนเกาหลีมากขึ้น
3.ผู้คนและเจ้าหน้าที่รัฐของเกาหลีใต้ไม่ได้เกลียดชังแรงงานข้ามชาติอย่างรุนแรง ข้อค้นพบนี้ “สวนทางกับภาพที่ปรากฏในสื่อต่างๆ อย่างมาก”ที่ก่อนหน้าเคยมีข่าวคนเกาหลีใต้กดดันให้ทางการขับไล่แรงงานข้ามชาติ หรือการตรวจเข้มคนไทยที่จะเดินทางไปเกาหลีใต้ ดนย์ ระบุว่า “เจ้าหน้าที่รัฐเกาหลีใต้เคร่งครัดต่อกฎหมายมาก” ดังนั้นแม้ภายในใจจะไม่รังเกียจแต่ก็ต้องทำตามหน้าที่ไม่อาจย่อหย่อนละเว้น
“จากที่ผมเคยคุยกับคนเกาหลีใต้ เขารู้ว่ามีแรงงานต่างชาติอยู่ในประเทศแต่ไม่ได้สนใจ ไม่ได้มองว่าจะมาสร้างปัญหา ไม่ได้มองภาพลบขนาดนั้น แถมยังมีการปฏิสัมพันธ์เชิงพี่น้องด้วย ไมได้รังเกียจกันร้ายแรง เกาหลีเขี้ยวเพราะกฎหมายมากกว่า ผมเคยเจอเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม. - Immigration) ที่เขามาตามจับ เขาเข้าใจว่าแรงงานพวกนี้เข้ามาเพราะสภาพสังคมบีบให้เขามา แต่เขาต้องทำตามกฎหมาย ทำตามหน้าที่ที่ต้องจับ” ดนย์ กล่าว
อีกเรื่องที่น่าสนใจ 4.จะไปแบบถูกหรือผิดกฎหมายก็มีค่าเท่ากัน หลายคนเข้าใจว่าการไปทำงานแบบถูกต้องตามกฎหมายจะได้รับสวัสดิการและความคุ้มครอง แต่นักวิจัยผู้นี้พบว่า “แรงงานข้ามชาติในเกาหลีใต้ไม่สามารถใช้สิทธิรักษาตัวในโรงพยาบาลไม่ได้ถ้านายจ้างไม่พาไป”ถึงขั้นว่ามีครั้งหนึ่ง “เคยพบแรงงานไทยในภาคเกษตรเกาหลีใต้ แค่เอ่ยคำพูดก็สัมผัสถึงลมหายใจที่ปนเปื้อนสารเคมีทางการเกษตรได้ทันที” และเมื่อถามว่าเหตุใดไม่ไปตรวจสุขภาพเพราะอาการเข้าขั้นน่าเป็นห่วงแล้ว แรงงานคนดังกล่าวก็บอกว่านายจ้างไม่ใส่ใจจะพาไป
ในทางกลับกัน “แม้จะเป็นการจ้างงานอย่างผิดกฎหมาย แต่นายจ้างที่ดีในส่วนนี้ก็มี” โรงพยาบาลในเกาหลีใต้ไม่ปฏิเสธที่จะรักษาแรงงานข้ามชาติที่ลักลอบทำงานแต่ต้องจ่ายเงินเองเพราะไม่มีประกันใดๆ ซึ่งก็มีนายจ้างบางรายช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ นอกจากนี้ ยังมีการระดมทุนลงขันช่วยเหลือกันของเครือข่ายแรงงานไทยหรือมีความช่วยเหลือโดยองค์กรภาคประชาสังคม (NGO)ของเกาหลีใต้เอง แต่อย่างหลังทำกันแบบเงียบๆ ไม่ต้องการให้เป็นข่าว
5.แรงงานผีน้อยเป็นสิ่งเลวร้าย เรื่องนี้เป็นประเด็นร้อนมากโดยเฉพาะ “วิวาทะบนโลกออนไลน์” ระหว่างคนกลุ่มหนึ่งที่อาจเรียกว่าเป็น “ชนชั้นกลางค่อนบน” มีกำลังทรัพย์พอจะเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างแดน แต่ต้องหงุดหงิดเพราะหนังสือเดินทางไทยทำให้เข้าประเทศนั้นประเทศนี้ลำบากเพราะประเทศปลายทางกลัวว่าจะแอบหนีไปทำงาน กับคนอีกกลุ่มที่อาจเรียกว่าเป็น “ชนชั้นล่างหรือกลางค่อนล่าง” มองว่าถ้าเพราะชีวิตไม่มีทางเลือก ถ้าไม่ทำก็ไม่มีรายได้เพียงพอเลี้ยงครอบครัว ซึ่ง ดนย์ อยากให้สังคมไทยมองเรื่องนี้อย่างเข้าใจมากขึ้น
“คนปกติจะมองเรื่องนี้แค่ปลายเหตุ มองว่าคนพวกนี้เห็นแก่ตัวที่ไปทำงานต่างประเทศ แต่ไม่เคยตั้งคำถามว่าคนเหล่านี้อยู่ในประเทศด้วยสถานภาพแบบไหน? เรื่องนี้สำคัญ เราควรจะหันกลับมามองว่าเราอยู่กันสภาพแบบไหน? แล้วเราควรจะช่วยเหลือกันอย่างไรต่อ? ไม่ใช่มองที่ปลายเหตุว่าคนพวกนี้ไปเพราะความเห็นแก่ตัว แต่เขาไปเพราะความจำเป็นที่เลือกไม่ได้ในประเทศ”ดนย์ ฝากข้อคิด
นักวิจัยผู้นี้ยังเล่าเพิ่มเติมด้วยว่า “เท่าที่สังเกตพบว่าตัวแรงงานผีน้อยเหลือเงินไว้ใช้เองพียงจำนวนน้อย ส่วนใหญ่จะส่งกลับไปให้ญาติเมืองไทยเป็นหลัก” ดังนั้นการมองว่าคนเหล่านี้เห็นแก่ตัวฟุ้งเฟ้ออาจจะไม่เป็นความจริง และย้ำว่า “คนเหล่านี้ไม่ใช่อาชญากร แต่เป็นเหยื่อของโลกทุนนิยม” เพราะทุกคนย่อมอยากให้ชีวิตตนเองและครอบครัวดีขึ้น ดังนั้น เมื่อสภาพแวดล้อมในประเทศไม่อำนวยก็ต้องออกไปแสวงหาโอกาสบนแผ่นดินอื่น
“ผมมองว่าการทำงานนอกประเทศแบบนี้มีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้น เพราะมันไม่ได้แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในประเทศ แรงงานไทยไปทำงานแล้วส่งเงินกลับมา สุดท้ายเงินก็ไปเข้าระบบทุนนิยมไทยแบบเดิม มันไม่ใช่การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง เป็นการแก้ปัญหาเชิงปัจเจกบุคคล และสนับสนุนให้โครงสร้างที่มันเหลื่อมล้ำของไทยรุนแรงมากขึ้น” ดนย์ กล่าวในท้ายที่สุด
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี