‘ดร.กณิตา’ยกเคส‘เสือดำ’เป็นบทเรียนข้อหาครอบครอง‘ซากสัตว์ป่า’
20 มี.ค.62 ดร.กณิตา อุ่ยถาวร หรือ “ดร.กุ้ง” หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โพสต์ข้อความ และภาพหลักฐาน ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Kanita Ouitavon” ภายหลังวานนี้(19 มี.ค.62) ศาลจังหวัดทองผาภูมิ ตัดสินคดีล่าสัตว์ป่า ที่นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวก ตกเป็นจำเลย โดยจำคุกนายเปรมชัย 16 เดือน ไม่รอลงอาญา และยกฟ้องข้อหาร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ)
ทั้งนี้ ดร.กณิตา โพสต์ข้อความ ระบุว่า ทั้งๆ ที่บอกตัวเองว่าไม่มีอะไรต้องกังวล แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับรู้สึกกังวลขึ้นมา มีอยู่จุดหนึ่งที่ทำให้รู้สึกเช่นนั้น ก็คือการยกฟ้องคุณเปรมชัย เรื่องการครอบครองซากเสือดำ แน่นอนว่าตัวเองนั้นต้องเคารพ และเชื่อมั่นคำตัดสินของศาลอยู่แล้วนะคะ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองกลับมาที่ตัวเองว่าทำอะไรบกพร่องไปรึเปล่า? จึงขอทบทวนสิ่งที่ทำไปตามที่สื่อก็ทราบกันดีอยู่แล้ว ดังนี้
วัตถุพยานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชิ้นเนื้อต่างๆ หนังเสือดำที่มีรอยกระสุน หางเสือต้มซุปในหม้อ กระดูกในลำธาร ลำไส้ มีดหลายเล่ม เขียง แม้แต่เลือดบนใบไม้ หรือคราบเลือดบนดิน ฯลฯ ล้วนแต่มาจาก “เสือดำ” ตัวเดียวกัน แต่คงไม่จบง่ายแค่นั้น
“งานนิติวิทยาศาสตร์” ไม่ใช่งานสั้นๆ ที่จะตอบแค่ว่าเป็นสัตว์ชนิดอะไร? เป็นตัวเดียวกันหรือไม่? เพียงแค่นั้น..แต่จะต้องตอบให้ได้มากกว่านั้น หลังจากที่ประมวลรวมผลทั้งหมดแล้ว เช่น เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างในที่เกิดเหตุ? เขาไปทำอะไรกันตรงนั้น? ลำดับของเหตุการณ์เกิดอะไรขึ้นก่อนหลัง? แล้วผู้ที่เกี่ยวข้องเขามีพฤติกรรมอะไร? หรือมีเจตนาอย่างไรบ้าง?? ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องการหลักฐานเชื่อมโยงกันทั้งหมด
ข้าพเจ้าคงตอบไม่ได้ในที่นี้ว่ามันเชื่อมโยงกันมากน้อยแค่ไหนผิดแค่ไก่ฟ้าหลังเทา -ซุปหางเสือหายไปไหน?โดยตั้งคำถามว่า การเห็นรอยกระสุน เห็นมีดทำครัวและเขียง เห็นซุปในหม้อ เห็นกระดูกที่ทิ้งแล้วเห็นการหมกซาก ย่อมบอกได้ว่าพื้นที่ตรงนี้มีพฤติกรรมการล่า มีการฆ่าสัตว์ให้ตาย มีการชำแหละ มีการปรุงอาหาร มีการบริโภค มีการซุกซ่อน ฯลฯ เป็นต้น มีใครอยู่ตรงนั้นตอนนั้นบ้าง ก็เชื่อมโยงกันไป แล้วพฤติกรรมเหล่านี้มันอยู่ในนิยามความหมายของ “การครอบครองซากสัตว์ป่า” รึเปล่าเอ่ย?? (อันนี้คือไม่รู้จริงๆ ค่ะ)
แต่อีกอย่างนึงที่อยากจะบอกไว้ก่อนเลยก็คือ ข้าพเจ้าไม่มีเจตนาอันใดแม้แต่น้อยที่จะไปพยายามหาจุดผิดให้กับจำเลย ไม่มีอคติใดใด ความมีอคติ-หรือไม่มีอคติ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดใดกับการตรวจ DNA เลยค่ะ ทุกอย่างเป็นไปตามเนื้อผ้าล้วนๆ ซึ่งโกหกไม่ได้ ปรุงแต่งข้อมูลอะไรก็ไม่ได้ เพราะมันมีหลักฐานทุกขั้นตอนหมด ส่วน DNA ก็เป็นรหัสที่ตรวจซ้ำกี่ทีตลอดชีวิตก็ได้ผลเหมือนกันค่ะ ดังนั้นขอให้มั่นใจเลยว่าจรรยาบรรณของผู้ที่ทำงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ในเบื้องต้น คือ ไม่มีการตั้งธงไว้ก่อน แล้วมองจำเลยเป็นผู้ร้าย..แต่ต้องให้ความยุติธรรมกับทุกคน และทุกชีวิต (คือหมายถึงตัวสัตว์ด้วย) บนข้อมูลของ “ความจริงที่ปรากฏ” อย่างเสมอภาคกัน
สำหรับเคส “เสือดำ” เคสนี้ยอมรับว่าเป็นเคสที่มีความซับซ้อนมากที่สุดเคสนึงในประสบการณ์การทำงานของข้าพเจ้า ซึ่งได้พยายามทุ่มเททำให้ดีที่สุด แต่ก็อาจจะมีหลายจุด หลายประเด็นที่คงต้องไปเรียนรู้เพิ่มเติมอีกมาก
ความติดใจในเรื่อง การพบ “ซุปหางเสือในหม้อ” กับการพบ “ซากไก่ฟ้าหลังเทาในกะละมัง” แต่ได้ความผิดเรื่องการครอบครองไก่ฟ้าเพียงอย่างเดียว อาจเป็นอะไรที่ข้าพเจ้าไม่มีความเข้าใจมากนัก
คงต้องไปศึกษาเพิ่มเติม หรือไปค้นคว้าหานิยามของคำว่า “การครอบครองซากสัตว์ป่า” ให้ดีขึ้นกว่านี้ก่อนนะคะว่ามันคืออะไร?
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี