ทึ่งกันไหมเล่า!!ส่งลูกเรียนจบปริญญาโท 2 คน ด้วยการปลูกผักขาย โดยไม่พึ่งเงินกู้กองทุนเพื่อการศึกษาแม้แต่บาทเดียว ชนะความยากจนด้วย "ศาสตร์พระราชา"

ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์ ได้พบกับนายทวี สีดาพาลี อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 บ้านโนนจำปา ต.ธาตุ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ อาศัยอยู่บ้านสองชั้นไม้ยกสูง ด้านหลังของบ้านมีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ สำหรับทำไร่นาสวนผสม "เกษตรทฤษฎีใหม่" แนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 โดยแบ่งเป็นบ่อปลาประมาณ 1 งานที่เหลือปลูกผักต่างๆ หลายประเภท เช่น ผักบุ้ง ผักคะน้า พริก มะเขือ มะนาว เห็ดฝาง กล้วย และอีกหลายๆ รายการขายทั้งปลีกและส่ง รายได้หลักแสนบาทต่อปี มีรายได้ รายวัย รายสัปดาห์ รายเดือน รายปี ชนะความยากจนด้วย "ศาสตร์พระราชา"

นายทวี สีดาพาลี กล่าวว่า เดิมทีตนทำงานรับจ้างอยู่ที่กรุงเทพฯ พอแต่งงานก็กลับมาอยู่บ้าน ทำนาปีละครั้งเหมือนชาวบ้านทั่วไป พอหน้าแล้งตนก็อยากหาอาชีพเสริมเลยลองมาปลูกผัก แรกๆ ก็มีปัญหาเรื่องตลาด เพราะตนปลูกไม่หลากหลายชนิด ต่อมาก็พยายามศึกษา และหาตลาด โดยการประชาสัมพันธ์ในหมู่บ้านทั้งตำบล และอำเภอต่างๆ ส่วนมากเจ้าภาพที่จัดงาน เช่น งานศพ งานบวช งานแต่งงาน ก็จะสั่งผักเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าครั้งละ 4,000-5,000 บาท

ส่วนการค้าขายรายวันนั้นตนจะนำผักไปจำหน่ายที่ตลาดนัดตามตำบล ซึ่งมีทุกวันอยู่แล้ว รายได้ตกวันละ 3,000 บาทต่อวัน มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 70,000-80,000 บาท แต่ก็มีค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ 

"ทุกวันนี้ ผมส่งลูกเรียนจบปริญญาโทแล้วจากอาชีพขายผักนี่แหละ โดยไม่พึ่งเงินกู้กองทุนเพื่อการศึกษาแม้แต่บาทเดียว ต่อไปในอนาคตผมคิดว่าจะขยายและทำโดมคลุมให้มาตรฐานมากขึ้น ผมขอรับรองว่าผักทุกชนิดที่ผมปลูกเป็นผักปลอดสารเคมีแน่นอน" นายทวี กล่าว