‘สุรินทร์โปรเจ็ค’...สัมผัสวิถีดั้งเดิม‘คนกับช้าง’ที่วัดป่าอาเจียง

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สุรินทร์ ว่า เมื่อวันที่ 3 เม.ย.62 ที่ผ่านมา ที่ “สุสานช้าง” ภายในวัดป่าอาเจียง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ พบวิถีชีวิต “คนกับช้าง” แบบดั้งเดิม ปราศจากโซ่ตรวน และตะขอสับ บังคับ ทรมานช้าง ซึ่งวิถีดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้โครงการ “สุรินทร์โปรเจ็ค”

ทั้งนี้ มีช้าง 8 เชือก ที่เคยออกไป “เร่ร่อน” หากินในต่างจังหวัด “นำช้างกลับบ้าน พาควาญคืนถิ่น” โดยได้รับการช่วยเหลือจากมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ที่ได้ให้การสนับสนุนงบประมาณมาเป็นค่าอาหารให้กับช้างที่จะกลับบ้าน และได้เข้าร่วมในโครงการนี้เดือนละ 20,000 บาทต่อเชือก และยังได้สนับสนุนจัดหานักท่องเที่ยว อาสาสมัคร ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่ชอบการท่องเที่ยวแบบเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติให้มาสัมผัสวิถีชีวิต “คนกับช้าง” แบบดั้งเดิมดังกล่าวด้วย

อย่างไรก็ตามมี “ข้อแม้” ว่าช้างจะต้องไม่ถูก “พันธนาการ” จากโซ่ตรวน และห้ามใช้ตะขอบังคับช้าง อีกทั้งจะต้องไม่มีการขึ้นไป “นั่งบนหลังช้าง” ด้วย โดยต้องปล่อยให้อยู่กับนักท่องเที่ยวแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง

นักท่องเที่ยวจะมีเพียง “ย่าม” ที่บรรจุอาหารไว้สำหรับให้ช้างกินเท่านั้น โดยที่ควาญช้างจะเป็นผู้นำมาแจกให้ ซึ่งช้างที่เข้าร่วมโครงการจะต้องได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี เพื่อที่จะให้เคยชินกับสภาพแบบนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นช้างที่อายุไม่มาก และมีนิสัยไม่ดุร้าย โดยในขณะนี้มีช้างกลับมาบ้าน และเข้าร่วมในโครงการนี้แล้วจำนวน 8 เชือก

นายสุวัฒน์ ศาลางาม อายุ 74 ปี ชาวบ้านบ้านหนองบัว หมู่ 14  ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นควาญช้าง เล่าว่า ตอนกลางวันจะไม่มีการ “ล่ามโซ่” และห้ามใช้ตะขอบังคับช้างโดยเด็ดขาด จะล่ามเฉพาะเอาไปผูกไว้ที่บ้านเท่านั้น พอตอนเช้าก็เอามาให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้สัมผัส จะล่ามไม่ได้ ตะขอบังคับช้าง และตะปูก็ไม่ให้ใช้ 

“ผมเลี้ยงช้างมานานกว่า 20 ปี ดีใจที่ได้พาช้างคืนถิ่น กลับบ้านมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาคนในครอบครัว มีอาหารให้ช้างกิน และมีงานทำอยู่ได้อย่างสบายใจ” ควาญช้างมากประสบการณ์ กล่าว

ด้านนายสาโรจน์ งามสง่า ผู้ประสานงานโครงการ “สุรินทร์โปรเจ็ค” เล่าว่า สุรินทร์โปรเจ็คเริ่มต้นมาได้ประมาณ 10 ปี จากการอยากช่วยเหลือช้างที่เร่ร่อน และอยากให้ช้างและควาญได้กลับมาอยู่ที่บ้านเกิด มีอาหาร และมีการเพิ่มเงินเดือนให้ควาญช้างจากเดิมมากขึ้น โดยได้รับการช่วยเหลือจากมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่  มานานกว่า 10 ปี เป็นการให้การสนับสนุนงบประมาณ ค่าอาหารช้าง และเงินเดือนควาญช้าง ที่ได้เข้าร่วมในโครงการนี้เดือนละ 20,000 บาทต่อเชือก และยังได้สนับสนุนจัดหานักท่องเที่ยว อาสาสมัคร ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ  ที่ชอบการท่องเที่ยวแบบเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติมาให้อีกด้วย