ครบรอบ 16 ปีเหตุการณ์ความไม่สงบมัสยิดกรือเซะ ชาวบ้านเรียกร้องให้รัฐเข้ามาพัฒนามัสยิดกรือเซะให้พร้อมที่รองรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
27 เม.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศทั่วไปบริเวณมัสยิดกรือเซะ ตั้งอยู่บริเวณ ม.3 บ้านกรือเซะ ต.ตันหยงลุโล๊ะ จ.ปัตตานี ได้มีผู้มาเยือนจากนักท่องเที่ยวทั่วสารทิศทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศเพื่อนอย่างมาเลเซียนิยมเดินทางมาเยี่ยมชมมัสยิดกรือเซะในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ โดยส่วนใหญ่จะใช้รถโดยสารบัสขนาดใหญ่และมินิบัสเป็นต้น นอกจากนั้น ยังมีกรุ๊ปที่มากับรถจักรยานยนต์เป็นกลุ่ม 9-10 คัน พักข้างคืนในพื้นที่จังหวัดปัตตานี
ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย รัฐปีนัง ว่าวันนี้คณะเขามากับรถจักรยานยนต์ 9 คันเข้าชายแดน จ.สงขลา แล้วมาพักที่จังหวัดยะลาที่ศูนย์ดะวะห์ในพื้นที่จังหวัดยะลา แล้วจะพักข้างที่ปัตตานีอีกคืน ก่อนคณะจะขับขี่รถจักรยานยนต์กลับประเทศมาเลเซีย บางคนในคณะพึ่งมาเป็นครั้งแรก บางรายได้เข้ามาบ่อย รู้สึกดีมากกับบรรยากาศในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด หลังจากพื้นที่มักมีเหตุความไม่สงบขึ้นบ่อยครั้ง แต่สำหรับนักท่องเที่ยวแล้วรู้สึกอบอุ่นดี ปลอดภัยดี แล้วคนที่นี่มีอัธยาศัยดีฃ
นอกจากนั้น ยังมีนักท่องเที่ยวจากในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และที่มาจากต่างจังหวัดทั้งมุสลิมและที่ไม่ใช่มุสลิมต่างก็แวะเยี่ยมชมโบราณสถานมัสยิดกรือเซะแห่งนี้มาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้บางครั้งบางโอกาสสถานที่เหมือนไม่เพียงพอในการรองรับแขกผู้มาเยือน โดยเฉพาะในเรื่องห้องน้ำ ห้องสุขา โดยมีห้องน้ำแยกชายหญิง ชายจำนวน3ห้อง หญิงจำนวน2ห้อง จึงมีไม่เพียงพอที่จะรองรับนักท่องเที่ยว
ส่วนระบบน้ำประปาของมัสยิดนั้นยังไม่เรียบร้อยหลังจากที่บ่อน้ำบาดาลของมัสยิดได้รับความเสียหายมาเกือบปี แต่ยังไม่ได้ดำเนินการแก้ไข ปัจจุบันทางมัสยิดได้ใช้ดูดน้ำจากบ่อน้ำตื้นแทนแต่ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะดูดน้ำได้สักพักน้ำก็แห้ง จึงใช้เวลาดูดนานกว่าปกติ เพื่อดึงน้ำเติมในระบบประปาของมัสยิดไว้บริการนักท่องเที่ยว
ด้านนายมะรอนิง ลาเตะ ประธานชมรมรักษ์กรือเซะ ได้เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ถึงแม้ปีนี้จะครบ 16 ปีของเหตุความไม่สงบของมัสยิดกรือเซะ ชาวบ้านในพื้นที่ได้ข้ามความรุนแรงในระดับหนึ่งแล้วและอยากเรียกร้องให้รัฐเข้ามาพัฒนามัสยิดกรือเซะและพื้นที่โดยรอบให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวที่มาจากทั่วโลก เพราะปัจจุบันสภาพแวดล้อมของมัสยิดเหลือพื้นที่เพียง 2 ไร่ จึงไม่เพียงพอสำหรับที่จะรองรับนักท่องที่มากันอย่างเนื่องแน่น
จึงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาดูหน่อย ว่าจะดำเนินการแก้ไขอย่างไรและทำด้วยความจริงใจ เพราะตามกฎหมายแล้วมัสยิดมีพื้นที่ตามที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ.2526 ในเนื้อที่ 10 ไร่ 2 งานเศษ แต่ปัจจุบันถูกจำกัดให้พื้นที่มัสยิดกรือเซะเหลือเพียงแค่ 2 ไร่ จึงทำให้การแก้ไขปัญหาและการพัฒนาจึงทำได้ยาก จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาดู ตรวจสอบให้ด้วย
นอกจากนั้น การพัฒนามัสยิดกรือเซะ และพื้นที่โดยรอบนั้นนอกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงแล้ว อยากให้เปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วนข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด เพื่อให้เกิดความร่วมมือจากคนในชุมชนและประชาชนทั่วไปอันนำสู่ความสงบสุขอย่างยั่งยืนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีมัสยิดโบราณกรือเซะ ได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ.2485 จึงได้มีการบูรณะเป็นครั้งแรกหลังขึ้นทะเบียน และได้ประกาศพื้นที่เขตโบราณสถานมัสยิดกรือเซะ ตามอำนาจว่าด้วยโบราณสถานโบราณวัตถุฯในเนื้อที่ 10 ไร่ 2 งานเศษ เมื่อปี พ.ศ.2526 ซึ่งในประกาศฉบับนี้มิได้ระบุพื้นที่สำหรับฮวงซุ้ยลิ้มก่อเหนียวที่วางอยู่บริเวณด้านหลังของมัสยิดแต่อย่างใด
ในปี พ.ศ.2536 ทางอธิบดีกรมศิลปากร ได้ถ่ายโอนอำนาจการดูแลมัสยิดกรือและพื้นที่เขตโบราณสถานมัสยิดกรือเซะให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ภายหลังเกิดเหตุการณ์เดินขบวนประท้วงของหมอดิง และเมื่อปี พ.ศ.2548 ทางอธิบดีศิลปากรได้ทำบันทึกข้อตกลง (MOU)กับองค์การบริหารส่วนตำบลตันหยงลุโล๊ะ พร้อมกับพื้นที่โดยรอบมัสยิดในเนื้อที่เพียง 2 ไร่ ส่วนที่เหลืออีก 8 ไร่เศษยังคงเป็นอำนาจดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีเหมือนเดิม ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวถูกใช้เป็นที่ตั้งของฮวงซุ้ยลิ้มก่อเหนียว จึงทำให้มีการเรียกร้องให้หน่วยงานเข้ามาแก้ไขให้ถูกต้องมาอย่างต่อเนื่อง แต่กลับถูกเพิกเฉยมาโดยตลอด
แม้ก่อนหน้านี้ตัวแทนชุมชนบ้านกรือเซะ ในนามชมรมคนรักษ์กรือเซะ ได้ทำหนังสือถึงศูนย์ดำรงธรรม ศอ.บต. เพื่อเป็นฝ่ายกลางทำหน้าที่ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยหารือและหาทางออกร่วมกันด้วยหลักสันติวิธี แต่ก็ยังไม่ได้ผลและยังคงเพิกเฉยตามเคย จึงทำให้หลายฝ่ายเกรงอาจจะกลายเป็นเรื่องน้ำผึ่งหยดเดียวได้ ก่อเกิดความรู้สึกไม่ได้รับความไม่เที่ยงธรรมจากหน่วยงานรัฐ เกิดความยุติธรรมสองมาตรฐานในกับสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เคยมีความรู้สึกลักษณะนี้มาก่อนในอดีต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี