29 เม.ย.62 เวลา 15.00 น. น.ส.อรรจจิมา ศรีชนม์ หรือวงแหวน อายุ 53 ปี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าตึกศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะ และ wond center โรงพยาบาลนครพนม เดินทางมาให้ปากคำกับ ร.ต.อ.สิทธิชัย จันโทศิริ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม เพื่อแจ้งความเอาผิดต่อมิจฉาชีพที่แฮกเฟซบุ๊กและไลน์หลอกยืมเงินคนรู้จัก
ทั้งนี้ เนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 12.11 น.วันที่ 28 เม.ย.62 ที่ผ่านมาเพื่อนหลายคนทั้งในที่ทำงานและต่างจังหวัด ได้โทรศัพท์มาสอบถามตนว่า มีการทักไลน์เพื่อไปขอยืมเงินจำนวนหลักหมื่นถึงหลักแสน โดยมีการส่งข้อความสนทนาคุยกันพร้อมกับหมายเลขบัญชีธนาคาร แต่หลังจากโอนเงินไปให้แล้วก็ยังทักมาขอเพิ่มอีกจึงสงสัยเลยโทรศัพท์สอบถาม จากนั้นตนพยายามเข้าเฟซบุ๊กและไลน์ตัวเองแต่ไม่สามารถเข้าไปได้จึงรู้ว่าถูกแฮกแล้ว จึงเดินทางมาแจ้งความที่ สภ.เมืองนครพนม และนัดกับกลุ่มผู้เสียหายหลงเชื่อที่โอนเงินไปมาร่วมให้ปากคำในวันต่อมา
โดย น.ส.อรรจจิมาหรือวงแหวนเปิดเผยว่า วันอาทิตย์ที่ 28 เม.ย. มาเข้าเวรทำงานที่ รพ.นครพนม ตามปกติ เวลาประมาณ 11.00 น. หลานสาวทักเฟซบุ๊กมาว่า มีความจำเป็นต้องการเงิน 4,000 บาท ด่วนที่สุด โดยแนบหมายเลขที่บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาภูเก็ต ชื่อบัญชี น.ส.นูรี งานแข็ง ก็ไม่ได้เอะใจจึงโอนไปให้ อีก 5 นาที
ต่อมาหลานสาวทักมาอีกว่าไม่พอโอนมาเพิ่มอีก 6,000 บาท ตนก็โอนให้ไป ประมาณ 10 นาที คราวนี้หลานทักมาว่าขอเพิ่มอีก 10,000 บาท เพราะเงินไม่พอจริงๆ คราวนี้เปลี่ยนเป็นธนาคารเพื่อการเกษตรฯ(ธกส.ฯ) สาขาภูเก็ต มีชื่อนายดุสิต พ่วงบูรณ์ เป็นเจ้าของบัญชี ตนก็โอนให้โดยไม่คิดระแวง
ห่างไปประมาณ 30 นาที น.ส.นภัทร อินทร์ติยะ หรือแหลม อายุ 47 ปี พยาบาลวิสัญญี รพ.นครพนม ขับรถมาหาตนที่โรงพยาบาลเพื่อจะสอบถามว่า มีปัญหาอะไรถึงต้องใช้เงินหลายหมื่นบาท ตนก็ตอบว่าไม่มีปัญหานะ น.ส.นภัทร จึงเปิดไลน์การสนทนาให้ดู ว่ามีการขอยืมเงินครั้งแรกโอน 4,000 บาท พอโอนเสร็จก็ทักขอเพิ่มอีก 6,000 บาท
เมื่อโอนไปก็จะขออีก 10,000 บาท น.ส.นภัทรจึงเอะใจขับรถมาถาม โดยโอนไปบัญชีของคนชื่อนายดุสิต พ่วงบูรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรฯ (ธ.ก.ส.) สาขาภูเก็ต ซึ่งเป็นบัญชีเดียวกับที่ตนโอนไปให้หลานสาว เมื่อโทรศัพท์ถามหลานจึงรู้ว่าถูกแฮกข้อมูลด้วยกันทั้งคู่
ขณะเดียวกันมิจฉาชีพไม่หยุดแค่นี้ ได้ทักขอยืมเงินเพื่อนวิชาชีพเดียวกัน ที่อยู่ต่างจังหวัดรวมแล้ว 38 ราย มีบางรายเชื่อก็โอนเงินให้ไป และยิ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจหนัก เมื่อมิจฉาชีพได้ไปทักไลน์ของ น.ส.พิมพ์ใจ ดีวงศ์ หรือเหมย อายุ 46 ปี ซึ่งมีพ่อป่วยเป็นโรคไต กำลังจะนำพ่อไปรักษาที่โรงพยาบาลจังหวัดอุดรฯ มิจฉาชีพใช้ไลน์ตนขอยืมเงินรวมทั้งสิ้น 34,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ น.ส.เหมยจะต้องนำไปจ่ายค่ารักษาให้พ่อ แต่เห็นว่าตนมีปัญหาเดือดร้อน และจะโอนคืนไม่เกิน 17.00 น.ของวันเดียวกัน จึงโอนให้ทั้งที่ไม่เคยยืมเงินกันมาก่อน
พอมาทราบว่าตนถูกแฮกข้อมูล น.ส.เหมยถึงกับเป็นลม เพราะไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลพ่อที่โรงพยาบาลฯ และคนร้ายใช้บัญชีของนายดุสิตเหมือนกันหมด
มิจฉาชีพกลุ่มนี้ยังไปทักไลน์ของ นพ.พิพัฒน์ ชัยสุนทร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง ซึ่งเคยอยู่ รพ.นครพนม มาก่อน ปัจจุบันย้ายไปอยู่ รพ.มุกดาหาร เพื่อขอยืมเงินหลายแสนบาท แต่คุณหมอพิพัฒน์ไม่หลงกล เพราะเห็นการคุยไลน์ของคนร้ายที่ใช้ไลน์ของตนนั้น มีคำที่แข็งกระด้าง คุณหมอจึงไม่เชื่อว่าคนที่คุยด้วยเป็นตน เลยโทรศัพท์มาถามจึงทราบความจริง ด้วยความบริสุทธิ์ใจจึงชวนผู้เสียหายมาแจ้งความ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ
โดย น.ส.อรรจจิมา เล่าว่าช่วงเวลาก่อนเที่ยงได้คุยเฟซบุ๊กกับหลานสาวได้ปกติ แต่พอหลังจากที่ตนโอนเงินให้หลานไปรวมเป็นเงิน 20,000 บาทแล้ว ปรากฏว่าเวลา 12.11 น. ทั้งเฟซบุ๊กและไลน์ตนไม่สามารถเข้าไปได้ มาทราบทีหลังว่ามิจฉาชีพได้ใช้ไลน์ตนไปขอยืมเงินคนที่รู้จัก
ด้าน ร.ต.อ.สิทธิชัย จันโทศิริ ร้อยเวร หลังสอบปากคำผู้เสียหายแล้วจะมีหนังสือเชิญตัวบุคคลที่ชื่อนายดุสิต และ น.ส.นูรี ที่ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีมาสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มมิจฉาชีพอย่างไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี