14 พ.ค.62 ที่บริเวณหลุมขุดค้นโครงกระดูกมนุษย์โบราณอารยธรรม 5,000 ปี บ้านเชียง วัดโพธิ์ศรีใน ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี นายทศพร ศรีศักดิ์ นายกสมาคมอนุรักษ์และพัฒนาควายไทย พาเกษตรกรผู้เลี้ยงควาย และชาวบ้านที่ชื่นชอบควายจัดกิจกรรมเนื่องในวันอนุรักษ์ควายไทย โดยครั้งนี้ชาวบ้านที่ชอบควายเป็นชีวิตจิตใจได้นำควายงามหลายตัวมาโชว์ อย่างเช่น ตัวแรกเป็นควายตัวผู้ชื่อว่า เจ้าภูพญา อายุ 5 ปี เป็นควายงามตัวใหญ่ระดับน้องช้าง ราคาประมาณ 500,000 บาท ตัวที่ 2 คือ เทอโบ อายุ 3 ปี สนราคาประมาณ 400,000 บาท และมีควายตัวเมียทองก้อน เพิ่งตกลูกออกมาเป็นตัวผู้อายุ 5 เดือน ราคา 300,000 บาท
โดยทั้งหมดเป็นของคุณไพบูลย์ ปัญญาคำ อายุ 57 ปี ชาวบ้าน ต.บ้านเชียง ส่วนควายอีกชุดเป็นของนายเสมียน ไม้ชัย อายุ70 ปี ชาวบ้านที่บ้านสามขา ต.บ้านตาด อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานีเอาควายงามที่ชื่อว่า เพชรศรีธาตุมาโชว์ด้วย เป็นควายตัวผู้ อายุ 3 ปี นอกจากนี้ยังควายเผือก หรือชาวบ้านเรียกว่าควายด่อนชื่อ “แก้วตา” มาโชว์ด้วย ส่วนเพชรน้ำหนึ่งที่เป็นควายตัวเมียราคาล้านกว่าบาท คุณเสมียนไม่ได้เอามาโชว์ด้วยเพราะท้องแก่กำลังใกล้คลอด โดยควายที่นำมาโชว์ครั้งนี้ถือว่าเป็นควายงามราคาไม่ใช่หลักหมื่น แต่มีราคาตั้งแต่ 300,000- 1,000,000 บาท
นายเสมียน บอกเหตุผลที่เลี้ยงควายเพราะสมัยปู่ย่าตาทวดก็เคยพาเลี้ยงมานาน เคยเอาควายไถนาและอยู่กับควายตั้งแต่เล็กจนใหญ่จึงหลงใหลและชอบควายมาตั้งแต่นั้น จากนั้นก็แสวงหาควายงามาเลี้ยงเอาไว้ที่บ้าน ทำให้เหมือนคนในครอบครัวเดียวกันไปอีกอย่างหนึ่ง
ส่วนกิจกรรมทำเพื่อควายเนื่องในวันอนุรักษ์ควายไทย ชาวบ้านและผู้เลี้ยงควายที่อุดรธานีเขาก็พากันทำพิธีบายศรีสู่ขวัญควาย ให้อยู่ค้ำคูณกับเจ้าของ นอกจากนี้ยังมีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ควายที่ตายไปแล้ว จากนั้นคณะได้เข้าไปเยี่ยมชมหลุมขุดค้นโครงกระดูกมนุษย์โบราณอายรธรรม 5000 ปี ซึ่งที่นี่มีประวัติศาสตร์บรรพบุรุษควายก็อยู่ที่นี่ เพราะพบหลักฐานฝังควายไปพร้อมกับศพของคนตายด้วย
โดย น.ส.เบญพร สารพรม หัวหน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติบ้านเชียง เปิดเผยว่า สมัยก่อนประวัติศาสตร์ 5,000 ปี หลังจากขุดค้นพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณแหล่งอายรธรรม 5000 ปีจนได้ชื่อว่าเป็นแหล่งมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ.2518 ได้พบโครงกระดูกที่เป็นตระกูลกระบือและโค เชื่อว่าเป็นเรื่องราวที่ฝังไปพร้อมกับศพของผู้ตายสมัยก่อน เชื่อว่าคนบ้านเชียงสมัยก่อนทำเกษตรกร มีการนำควายมาใช้ในการไถนาด้วย แต่ควายที่พบในหลุมฝังศพไม่มีศีรษะ ควายที่เจอในหลุมฝังศพพบว่าแตกต่างควายป่า น่าจะเป็นสัตว์ควายเลี้ยง นั่นคือที่นี่จึงเชื่อควายบรรพบุรุษควายอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน นอกจากควายแล้วก็มีวัว หมู มีไก่และสุนัข น่าจะเป็นสัตว์ที่คนบ้านเชียงเลี้ยงเอาไว้และฝังเอาไว้กับเจ้าของที่ตายไปแล้วตามความเชื่อว่าการฝังสัตว์เลี้ยงไปกับคนตายสมัยก่อนเชื่อว่าคนตายจะได้เอาสิ่งของเหล่านี้ไปใช้ในภพหน้าได้ด้วย
ด้าน นายทศพร ศรีศักดิ์ นายกสมาคมอนุรักษ์และพัฒนาควายไทย เปิดเผยว่า วันนี้กลุ่มผู้เลี้ยงควายไทยได้รวมตัวกันจัดกิจกรรมพิธีบายศรีสู่ขวัญควาย ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ควายที่ตายไปแล้ว ซึ่งถือเป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่คู่เกษตรกรไทยมาแต่โบร่ำโบราณ การมาจัดกิจกรรมที่นี่ยังได้มาดูบรรพบุรุษควายตามหลักฐานที่ขุดพบพร้อมกับโครงกระดูกมนุษย์โบราณบ้านเชียง 5000 ปีด้วย เชื่อว่าควายอยู่กับมนุษย์เรามาก่อนสมัยประวัติศาสตร์แน่นอน นอกจากนี้แล้วเกษตร ที่ จ.อุดรธานี มีการเลี้ยงควายเพิ่มขึ้นมียอดทั่วจังหวัดประมาณ 60,000 ตัว เชื่อว่าต่อไปที่นี่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิต มาบ้านเชียงนอกจากจะได้ชมไหและโครงกระดูกมนุษย์โบราณแล้วต่อไปหากมีการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตอาจจะนั่งควายชมท้องทุ่งอีกด้วยก็ได้
วันเดียวกัน นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี เป็นประธานวันอนุรักษ์ควายไทย พิธีสู้ขวัญควายไถ่ชีวิตควายและทอดผ้าป่าขี้ควายประปี 2562 เพื่อสืบทอดวัฒนธรรม ปะเพณีอันดีงาม ณ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงดอนกลอย หมู่ 6 ต.ดอนกลอย อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี ซึ่งได้เล็งเห็นความสำคัญของควายไทย
โดยได้สนับสนุนงบประมาณในการส่งเสริมการเลี้ยงและพัฒนาเกษตรกรผู้เลี้ยงควายใน จ.อุทัยธานี เพื่อสร้างฝูงแม่พันธุ์ควายไทยทีมีอัตลักษณ์ ของควายอุทัยฯซึ่งมีแนวทางที่เห็นร่วมกันกับกรมปศุสัตว์ในการดำเนินอนุรักษ์ เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงและการจัดการควายอย่างถูกวิธี เพิ่มจำนวนแม่ควาย เพิ่มรายได้และสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกษตรกรผู้เลี้ยงควาย รวมถึงการสร้างเครือข่ายและศูนย์เรียนรู้ด้านการเลี้ยงควายของจังหวัดอุทัยธานี เพื่อให้เกษตรกร มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว
โดยสำนักปศุสัตว์จังหวัดอุทัยธานี ร่วมกับวัฒนธรรมจังหวัดอุทัยธานีได้จัดพิธีสู่ขวัญควาย ซึ่งเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นจากความเชื้อถือ เพื่อขอขมาควายที่เจ้าของใช้แรงงานในการไถคราด พลิกแผ่นดิน อันเป็นงานที่หนัก บางที่ดุด่า เฆี่ยนตีควาย เพื่อหวานเพาะปลูกข้าง ปลูกพืชผัก จนได้รับผลประโยชน์จากแรงควาย เพราะเชื้อว่าควายก็มีจิตใจมีความรู้สึก และเพื่อให้ควายนั้นเป็นควายที่เชื่อง แสนรู้ และกตัญญูต่อเจ้าของ เป็นการเตือนสติเตือนใจ เจ้าของมีความกตัญญูกตเวที รำลึกถึงบุญคุณของควายได้ช่วยเหลือเกื้อกูลเป็นแหล่งรายได้ เป็นการออมเงิน เป็นทรัพย์สินที่เปรียบเสมือนธนาคารประจำบ้านก่อให้เกิดความผูกพัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิธีชีวิตสังคม วัฒนธรรม ประเพณีเพื่อเป็นการส่งเสริมอนุรักษ์ และพัฒนาควายอุทัยธานี ที่เชื้อกันว่าเป็นควายไทยที่มีลักษณะที่ดีทีสุด เพื่อสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม รวมถึงจัดกิจกรรมสาธิตการทำฟางปรุงแต่งแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงควาย เพื่อนำไปเลี้ยงควายของตนเองโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ว ที่พืชอาหารสัตว์ไม่เพียงพอ สำนักปศุสัตว์จังหวัดอุทัยธานีได้มอบกระบือจากผู้มีจิตศรัทธาให้เกษตรกร เพื่อเป็นต้นทุนในการประกอบอาชีพจำนวน 1 ตัวเพื่อเป็นต้นทุนต่อไป
โดยภายในงานนั้นได้นำ กระบือสายพันธ์ดีมาให้ผู้ที่ร่วมงานนั้นอวดโฉมและหนึ่งในกระบือที่เคยได้แชมป์ระดับประเทศมาแล้วคือ กระบือที่ชื่อบิ้ก อุทัยธานี ซึ่งเป็นกระบือที่สวยงามประกวดมาหลายเวที มีมูลค่าถึง2 ล้านบาท ของนายพุทธินันท์ หรือเสี่ยเฮง ชินพีรเสถียรมาโชว์ภายในงาน พร้อมกับควายชื่อเจ้าสงกรานต์ แชมป์ งานดอนเจดีย์ สุพรรณบุรี ปีล่าสุดรวมถึงกระบือที่ผ่านการประกวดตัวอื่นๆ
จากนั้นได้ทำพิธีสู่ขวัญควาย โดยมีหมอทำขวัญมาเป็นเจ้าพิธี สำหรับการสูขวัญควายนั้นหลายพื้นที่ในจังหวัดอุทัยธานียังคงสืบประเพณีอยู่ เพื่อรำลึกถึงในช่วงที่ฤดูทำนาชาวเกษตรกรนั้น จะใช้กระบือไถนาในบางครั้งก็ดุหรือว่ากระบือ การสู่ขวัญควายนั้นถือเป็นการขอขมากระบือและเพื่อเป็นสิริมงคลในช่วงฤดูทำนา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี