กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ในแต่ละปีจะมีคนไทยเสียชีวิต 14,000 คน จาก “มะเร็งท่อน้ำดี”โดยปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือ “การติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ” ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมการบริโภคปลาน้ำจืด (ปลาวงศ์ตะเพียนที่ปนเปื้อนตัวอ่อนระยะติดต่อพยาธิใบไม้ตับ) แบบปรุงไม่สุกของ “ชาวอีสาน” คนไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยปัจจุบันยังไม่มีการรักษามะเร็งท่อน้ำดีที่ได้ผลดี นักวิจัยจึงมุ่งวิจัยการรักษาโรคนี้ในเชิงลึกเพื่อลดการสูญเสีย
ศ.ดร.โสพิศ วงศ์คำ อาจารย์ภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ และสถาบันวิจัยมะเร็งท่อน้ำดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น อธิบายถึงสถานการณ์มะเร็งท่อน้ำดีที่เกิดในไทยว่า ปัญหาการป้องกันและรักษามะเร็งชนิดนี้คือ การขาดการติดตามและเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง ขาดวิธีการวินิจฉัยได้ตั้งแต่ในระยะแรกซึ่งการผ่าตัดยังให้ผลดี ขาดการติดตามการเกิดซ้ำของมะเร็งในผู้ป่วยที่ได้รับหรืออยู่ระหว่างการบำบัดรักษา รวมถึงขาดแนวทางการรักษาที่เป็นมาตรฐานและมีประสิทธิภาพ
ซึ่งในภาพรวม “ผู้ป่วยประมาณร้อยละ 90 ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งท่อน้ำดีไม่สามารถรับการรักษาให้หายด้วยการผ่าตัด เนื่องจากอยู่ในระยะท้ายของโรคที่มะเร็งได้แพร่ลุกลามไปยังอวัยวะอื่นแล้ว” การให้ยาเคมีบำบัดไม่ได้ผลดีเนื่องจากมะเร็งดื้อยา “การรักษาผู้ป่วยไทยไม่สามารถนำหลักการของต่างประเทศมาใช้ได้ เนื่องจากมีสาเหตุและพื้นฐานการพัฒนาของมะเร็งที่แตกต่างจากมะเร็งที่เกิดกับชาวต่างชาติ” ดังนั้นจึงต้องพัฒนาแนวทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เหมาะสม และตรงเป้าหมาย เพื่อช่วยรักษาหรือยืดชีวิตผู้ป่วยไทย
จากสาเหตุข้างต้น จึงเป็นที่มาของงานวิจัย “การค้นหาเป้าหมายเพื่อการรักษามะเร็งท่อน้ำดีแนวใหม่โดยใช้แนวทางสหวิทยาโมเลกุล”โดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ศึกษากระบวนการสำคัญในการดำรงชีวิตของเซลล์มะเร็ง
แนวทางแรกในการวิจัยคือ “การตัดแหล่งพลังงาน” ข้อค้นพบคือ มะเร็งชนิดนี้จะโตไวและแพร่กระจายได้มากขึ้นเมื่อได้รับน้ำตาลปริมาณมาก มีการกระตุ้นกระบวนการและสัญญาณที่เกี่ยวข้องกับการใช้น้ำตาลของเซลล์มะเร็งท่อน้ำดี ดังนั้น การดูแลภาวะน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีที่เป็นเบาหวานร่วมกับการรักษามะเร็ง จะเป็นแนวทางที่ช่วยลดความรุนแรงของมะเร็งได้”
ส่วนที่สองคือ “การตัดระบบนิเวศของมะเร็ง” ความสามารถพิเศษของเซลล์มะเร็งคือการเหนี่ยวนำให้เซลล์ต่างๆ ในระบบนิเวศ เช่น เซลล์เม็ดเลือดขาว และเซลล์สร้างเส้นใย (Fibroblast) ให้เป็นพวกเดียวกับมะเร็งและเกื้อหนุนให้เซลล์มะเร็งเติบโตโดยไม่ถูกทำลายจากเม็ดเลือดขาว ดังนั้น ทางคณะจึงมีเป้าหมายที่จะวิจัยเพื่อให้ทราบกลไกเหล่านี้เพื่อใช้เป็นเป้าหมายในการจัดการระบบนิเวศของมะเร็ง
“อีกข้อค้นพบคือการที่เซลล์มะเร็งเหล่านี้เคลื่อนที่แพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกาย จะอาศัยโมเลกุลตรงผิวเซลล์ซึ่งมีหมู่น้ำตาลพิเศษที่สามารถเกาะติดเซลล์ในอวัยวะอื่นอย่างจำเพาะ ดังนั้น หากสามารถตัดแขนขาของเซลล์มะเร็ง โดยทำให้เซลล์มะเร็งไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ จะลดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้” ศ.ดร.โสพิศ ระบุ
และส่วนสุดท้ายของการวิจัย คือ “การค้นหายาทดแทน” เพราะยารักษามะเร็งชนิดหนึ่งใช้เวลาในการพัฒนามากกว่า 10 ปี และมีราคาสูงมาก ในขณะที่คนไข้ส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ดังนั้น คณะผู้วิจัยจึงได้นำยาที่ใช้อยู่ทั่วไปในท้องตลาดที่ใช้รักษาโรคอื่น มีความปลอดภัย และราคาถูก มาทดสอบการออกฤทธิ์รักษาโรคมะเร็งชนิดนี้ ซึ่งจากการทดสอบในระดับห้องทดลองได้ค้นพบตัวยาหลายชนิดที่สามารถทำลายเซลล์มะเร็งท่อน้ำดีได้ ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการทดสอบการใช้งานในระดับต่างๆ ในห้องทดลอง ก่อนนำมาใช้รักษามนุษย์
ศ.ดร.โสพิศ ยังกล่าวอีกว่า ใน ม.ขอนแก่น มีนักวิชาการอีกหลายท่านร่วมทำวิจัยเรื่องนี้ อาทิ ศ.สพ.ญ.ดร.ธิดารัตน์ บุญมาศ ภาควิชาปรสิตวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ได้ศึกษาเกี่ยวกับชีววิทยาของพยาธิใบไม้ตับเพื่อสร้างความตระหนักและลดปัจจัยเสี่ยงของการเป็นมะเร็งท่อน้ำดี โดยการลดความเสี่ยงในการติดพยาธิใบไม้ตับจากการบริโภคปลาน้ำจืดดิบ เช่น แช่แข็งปลาดิบหรือปลาส้มที่อุณหภูมิ -20 องศา (ตู้แช่ไอศกรีม) ก่อนบริโภคเป็นเวลา 3 วัน หรือการหมักปลาส้มมากกว่า 3 วัน และหมักปลาร้ามากกว่า 1 เดือน เพื่อให้พยาธิใบไม้ตับตายก่อนนำไปบริโภค
อย่างไรก็ตามการปรุงสุกก่อนรับประทานโดยไม่เสียรสชาติก็ควรทำเพื่อความปลอดภัย เช่น การนำปลาร้ามาต้มสุกก่อนนำไปปรุงอาหาร การต้มสุกหรือใช้ไมโครเวฟความร้อนสูงอย่างน้อย 5 นาที สามารถฆ่าตัวอ่อนพยาธิในปลาได้ อีกตัวอย่างที่ได้จากการวิจัยคือ “การบริโภคปลาน้ำจืดดิบที่มีพยาธิใบไม้ตับคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีขายอยู่ตามท้องตลาด จะทำให้พยาธิใบไม้ตับออกจากถุงหุ้ม (Cyst) มาชอนไชในร่างกายได้มากขึ้นและเร็วยิ่งขึ้น” ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ชายเป็นโรคนี้มากกว่าผู้หญิงถึงสามเท่าจากการบริโภคปลาดิบร่วมกับการดื่มเหล้า
ถึงกระนั้น การจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคจนลดการเป็นโรคได้นั้นคาดว่าต้องใช้เวลากว่า 30 ปี ซึ่งแต่ละปียังคงเกิดการสูญเสียต่อไปจำนวนมาก ดังนั้นแล้วประเทศไทยยังคงต้องการนักวิจัยมาช่วยกันทำวิจัยเกี่ยวกับมะเร็งท่อน้ำดีอีกมาก เพื่อให้เกิดองค์ความรู้จากหลายแขนง เพิ่มความสำเร็จและลดระยะเวลาในการศึกษา ลดการสูญเสียแก่พี่น้องชาวอีสานและทรัพยากรของประเทศ
รวมถึงเป็นความหวังในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งท่อน้ำดีต่อไป!!!
สำนักงานคณะกรรมการวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี